จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 72

ย้อนกลับไปประมาณสามสิบนาทีก่อน ในตอนที่เหยียนซืออู่เพิ่งจะมาถึงที่ทะเลสาบมรกตนั้น คฤหาสน์ดาราสวรรค์ของจ้าวเทียนเองก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเช่นกัน

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าเกือบสองหมื่นเมตร ชายชราสามคนกำลังมองลงมาที่คฤหาสน์ด้วยท่าทีเย็นชา พวกเขาคือผู้คุมกฎของประเทศนี้ ซึ่งขึ้นตรงต่อผู้อาวุโสต้วนมู่เฉียน

ทั้งสามคนคือบรรพชนเซียนของตระกูลใหญ่ทั้งสาม ได้แก่ตระกูลจ้าว ตระกูลหลง และตระกูลหวัง

ในอดีตนั้นตัวแทนของตระกูลหลินก็คือหลินซูซิน และเธอยังเป็นหัวหน้าของสี่ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจเทียบเท่าต้วนมู่เฉียนอีกด้วย

แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อสิบสองปีก่อน ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งของเธอตกเป็นของจ้าวหงเลี่ยงบรรพชนเซียนของตระกูลจ้าว เพราะเขาเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงที่สุดในบรรดาเซียนทั้งสามตระกูล

ส่วนตระกูลหลี่ที่ขึ้นมาแทนตระกูลหลินนั้นไม่มีบรรพชนเซียนสั่งการ อีกสามตระกูลที่เหลือเลยไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา มองตระกูลหลี่เป็นเพียงหมากของพวกเขาเท่านั้น

“ กับแค่เด็กที่เพิ่งสำเร็จเป็นเซียน…ทำไมผู้อาวุโสต้วนมู่ถึงต้องให้พวกเรามาพร้อมกันสามคนด้วยล่ะ แค่ฉันคนเดียวก็เกินพอแล้ว ” หลงมู่เฉินบรรพชนเซียนตระกูลหลงพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก

หลงซิงเสวียนที่ถูกจ้าวเทียนกระทืบจนแทบพิการนั้น เป็นเชื้อสายของเขาเอง แม้ผู้อาวุโสต้วนมู่จะตรากฎไม่ให้บรรพชนเซียนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองในตระกูล เพื่อป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบ

แต่ข้อห้ามนี้ก็ไม่ค่อยเข้มงวดนัก เมื่อมีรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในตระกูล บรรพชนเซียนก็แอบให้การส่งเสริมอย่างลับๆเช่นกัน

ทำให้เมื่อเห็นว่าหลงซิงเสวียนถูกจ้าวเทียนทำร้ายจนปางตายนั้น เขาก็รู้สึกโกรธมาก จนแทบอยากจะไปจัดการจ้าวเทียนเดี๋ยวนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ถูกผู้อาวุโสต้วนมู่เรียกเข้าไปพบเสียก่อน

แล้วหลังจากนั้นไม่นานชื่อของจ้าวเทียนก็ไปอยู่ในอันดับบุคคลรุ่นเยาว์ที่ต้องได้รับการคุ้มครองระดับ S ทำให้เขาไม่สามารถลงมือได้อีกต่อไป แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าวันนี้ เด็กนั่นจะไปก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้

ทำให้ผู้อาวุโสต้วนมู่มีคำสั่งให้ควบคุมตัวทันที เขาเลยตั้งใจจะใช้โอกาสนี้แก้แค้นให้หลงซิงเสวียน แต่ก็ติดที่มีเซียนอีกสองตระกูลมาด้วยทำให้ลงมือไม่สะดวก

“ นายไม่เห็นพลังของเขาตอนที่เลื่อนระดับเหรอ…เหตุผลที่ผู้อาวุโสส่งพวกเรามาพร้อมกันสามคนก็เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยที่อาจจะเกิดขึ้น ” หวังฝูหมิงบรรพชนเซียนตระกูลหวังพูดเตือนขึ้น

บรรพชนเซียนทั้งสามตระกูลนั้นจัดเป็นคนรุ่นเดียวกัน คือมีอายุประมาณ 250-270ปี แต่ระดับฝีมือนั้นไม่เท่ากัน

ผู้ที่มีฝีมือสูงที่สุดคือ จ้าวหงเลี่ยงซึ่งมีขอบเขตเซียนระดับสูงสุด ส่วนอีกสองคนที่เหลือมีขอบเขตเซียนระดับกลางเท่ากัน

นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่หลงมู่เฉินไม่กล้าจะทำอะไร แม้จะรู้ว่าตระกูลจ้าวกำลังเข้าแทรกแซงตระกูลหลง เพราะเกรงกลัวจ้าวหงเลี่ยงที่มีฝีมือสูงกว่าเขามาก

“ จะว่าไปเด็กคนนี้มันเป็นคนของตระกูลจ้าวนี่…คุณคิดจะรับมันกลับเข้าตระกูลไหมล่ะ ตระกูลจ้าวจะได้มีเซียนสองคนเลยนะ ” หลงมู่เฉินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขากำลังสังเกตท่าทีของจ้าวหงเลี่ยงว่าจะตัดสินใจอย่างไร

ตอนนี้หลงมู่เฉินเองก็รู้สึกลังเลเป็นอย่างมาก ตั้งแต่จ้าวเทียนได้ถูกจัดเข้าไปรายชื่อบุคคลระดับ S ตัวเขาเองก็กลับไปค้นหาข้อมูลทั้งหมดของจ้าวเทียน จนได้ไปรู้การกระทำของจ้าวเหวยเฟิงเข้า

เพื่อตำแหน่งผู้นำของตระกูลถึงกับกำจัดพี่น้องของตนเองด้วยความโหดเหี้ยม ทั้งยังลงมือกับหลานชายและหลานสาวของตัวเองอีกด้วย

จ้าวเทียนไม่มีทางปล่อยวางความแค้นนี้แน่นอน หากไม่ติดที่ว่าจ้าวเหวยเฟิงเป็นพ่อของจ้าวหยุนปิงละก็ เขาคงจับอีกฝ่ายไปให้จ้าวเทียนแก้แค้นให้สาสมใจแล้ว

จ้าวหยุนปิงนั้นแม้จะมีพรสวรรค์ด้อยกว่าจ้าวเทียนมาก ในตอนนี้เขาเพิ่งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางเท่านั้น แต่คู่หมั้นของเขาคือหลานสาวของฮวงเล้งซือไถ่ ผู้สืบทอดเจ้าสำนักง้อไบ๊

หากให้เขาต้องเลือกระหว่างจ้าวเทียนคนเดียวกับสำนักง้อไบ๊ทั้งสำนัก แน่นอนว่าเขาต้องเลือกอย่างหลัง

“ ตั้งแต่ที่พ่อของเขาถูกขับออกจากตระกูล…ตัวเขาก็ไม่ใช่คนในตระกูลจ้าวอีกต่อไป ” จ้าวหงเลี่ยงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

ถ้ามีโอกาสเขาจะกำจัดจ้าวเทียนซะ ประตูโลกใบเล็กที่กำลังจะเปิดในอีกสองเดือน เขาไม่ต้องการให้มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น

‘ เด็กน้อย…ถึงแม้เธอจะเป็นรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่สุด แต่เพื่อตระกูลจ้าว เธอไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ’

“ ฮ่า ฮา ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นฉันคงลงมือได้เต็มที่ใช่ไหม ” หลงมู่เฉินหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ได้แก้แค้น

“ ตามใจนาย…แค่ไม่ให้ตายก็พอ เรายังต้องควบคุมตัวเขากลับไป ” จ้าวหงเลี่ยงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เฮ้ออ

หวังฝูหมิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย คนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้ แทนที่จะได้เติบใหญ่เป็นเสาหลักให้ประเทศในอนาคต กลับจะต้องมาถูกทำลายในวันนี้งั้นเหรอ

คำพูดของจ้าวหงเลี่ยงเมื่อกี้ถือเป็นการพิพากษาอนาคตของจ้าวเทียนได้เลย หลงมู่เฉินคงลงมืออย่างโหดเหี้ยมแน่ อาจจะถึงขั้นทำลายพลังฝีมือ

หากพวกเขารายงานไปว่าจ้าวเทียนขัดขืนจึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ผู้อาวุโสต้วนมู่ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ เรื่องมันก็คงจะเงียบไปเอง

และหลังจากที่จ้าวเทียนกลายเป็นคนพิการไปแล้ว รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเขาอีกต่อไป หลังจากนี้ต่อให้เขาตายก็ไม่มีใครสืบหาความจริงทั้งสิ้น

วูป!

จ้าวเทียนถอนสัมผัสวิญญาณกลับมาแล้วลืมตาขึ้น บทสนทนาของเซียนทั้งสามทำให้เขาพอประเมินเหตุการณ์ได้ในระดับหนึ่ง

ตัวเขาเองไม่ได้กลัวจ้าวเทียนแม้แต่น้อย เพราะความต่างชั้นของเซียนขั้นต่ำกับเซียนขั้นกลางนั้นมันมากเกือบห้าเท่า อีกฝ่ายไม่มีทางต่อต้านเขาได้แน่นอน

การเลื่อนระดับในขอบเขตเซียนนั้นยากเย็นเป็นอย่างมาก แม้แต่ตัวเขาเองยังต้องใช้เวลาเกือบร้อยปีเพื่อเลื่อนจากเซียนขั้นต่ำขึ้นมาขั้นกลาง

“ ฉันไม่สนใจ…อืม ความสูงแค่นี้คงพอแล้ว ” จ้าวเทียนพูดด้วยท่าทีเฉยเมย เขาหยุดอยู่บนความสูงประมาณหมื่นเมตร

ตรงนี้คงจะไม่สร้างความเสียหายให้เกาะที่อยู่ด้านล่าง…

“ ในเมื่อแกยังไม่รู้จักเจียมตัวแบบนี้…ฉันคงต้องแสดงให้แกเห็นความต่างชั้นซักหน่อยแล้ว ” แม้จะพูดแบบนั้นออกไป แต่หลงมู่เฉินก็ไม่ได้ประมาท เขาลงมืออย่างจริงจังทันที

“ กงเล็บมังกร! ”

เปรี้ยง!

ด้วยความเร็วจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า กงเล็บมังกรขนาดยักษ์ซัดเข้าไปเต็มอกของจ้าวเทียน โดยที่เขาไม่ทันป้องกันแม้แต่น้อย

ตัวของจ้าวเทียนกระเด็นออกไปเกือบร้อยเมตรทันที คาดการณ์จากคลื่นพลังที่ระเบิดออกมา นี่คงเป็นพลังเกือบสิบส่วนของหลงมู่เฉิน

“ ฮ่า ฮา ทำไมแกถึงกระจอกแบบนี้…นี่เพิ่งกระบวนท่าแรกเองนะ ” หลงมู่เฉินหัวเราะอย่างย่ามใจ ตอนนี้เขาไม่กดดันอีกต่อไปแล้ว

!!

“ นี่…เป็นไปไม่ได้ ” หลงมู่เฉินพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง

จ้าวเทียนได้บินกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย อย่าว่าแต่อาการบาดเจ็บเลย แม้แต่เสื้อผ้าของเขายังไม่มีรอยยับเลยด้วยซ้ำ

เมื่อกี้จ้าวเทียนแค่ลองรับการโจมตีของขอบเขตเซียนระดับกลางดูเท่านั้น เพื่อทดสอบความสามารถของตัวเอง

เพราะตั้งแต่กลายเป็นเซียน เขายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ระดับไหนแล้ว การที่มีคนเสนอตัวเข้ามาสู้แบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน

“ นี่เรียกว่าการโจมตีงั้นเหรอ…ฉันคงคาดหวังกับแกมากเกินไปสินะ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน