จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 73

หลงมู่เฉินกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นผีกลางวันแสกๆ กรงเล็บมังกรของเขาเมื่อครู่ หากเซียนระดับต่ำคนอื่นโดนเข้า ไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส แต่จ้าวเทียนกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยเนี่ยนะ

แม้แต่บรรพชนเซียนอีกสองคนที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ก็ยังขมวดคิ้ว ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่า

“ ขอฉันทดสอบพลังของตัวเองดูหน่อยแล้วกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นแบบสบายๆ

ฟุ่บ!

จ้าวเทียนปรากฏขึ้นตรงหน้าหลงมู่เฉินแล้วง้างหมัดชกออกไป เขาไม่จำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาแม้แต่น้อย

เปรี้ยง!

ตูม!

ตัวของหลงมู่เฉินกระเด็นออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ แขนที่เขายกขึ้นมาป้องกันไว้สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด

จ้าวเทียนนั้นไม่ได้เห็นอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาเพียงต้องการทดสอบพลังของตัวเองดูเท่านั้น

ผลั่กๆๆๆ

เปรี้ยงๆๆ

มองเห็นเป็นเพียงเงาเลือนรางของจ้าวเทียน ตัวของหลงมู่เฉินกระเด็นไปมาราวกับของเล่น

การต่อสู้ดำเนินไปซักพัก จ้าวเทียนก็เริ่มเข้าใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาสามารถสู้กับเซียนระดับกลางได้สบาย ตัวเขาในตอนนี้คงจะมีพลังอยู่ที่ประมาณขอบเขตเซียนระดับสูง

แต่พลังของร่างกายเขา มันเหมือนจะแซงหน้าขอบเขตของตัวเองไปแล้ว คงเป็นเพราะถูกกลั่นหลอมอยู่ในดวงอาทิตย์ขนาดย่อมที่มีความร้อนเป็นล้านองศา

ทำให้ผิวหนัง กระดูกและกล้ามเนื้อสามารถต้านทานการโจมตีของศัตรูได้สบาย ยิ่งถ้าเสริมด้วยพลังเซียนที่มีอยู่ มันคงพอที่จะต่อกรกับเซียนระดับสูงสุดได้ละมั้ง

‘ ไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของร่างกายฉันในตอนนี้ จะป้องกันอาวุธระดับเทพไหวไหม ’

ตูม!

หมัดของจ้าวเทียนซัดเข้าเต็มๆที่ท้องของหลงมู่เฉินจนอีกฝ่ายตัวงอเป็นกุ้ง เพียงแต่ครั้งนี้มันแตกต่างตรงที่มีเปลวเพลิงระเบิดออกมาด้วย

ฟูววว

“ อ้ากกก!....ร้อนนนนน ” หลงมู่เฉินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพยายามตอบโต้แล้ว แต่ก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย

ความแตกต่างด้านประสบการณ์การต่อสู้มันมากเกินไป ทำให้จ้าวเทียนอ่านการเคลื่อนไหวของหลงมู่เฉินออกหมด สุดท้ายหลงมู่เฉินเลยกลายเป็นกระสอบทรายให้เขาเช่นนี้

“ อืม…เท่านี้คงพอแล้ว ” จ้าวเทียนพูดออกมาเบาๆ ตอนนี้เขาเข้าใจพลังขอบเขตเซียนที่เพิ่งบรรลุได้จนหมดแล้ว

‘ พลังเซียนของฉันคือเปลวเพลิงอันร้อนแรงของดวงอาทิตย์…เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันใส่พลังเซียนลงไปในการโจมตี มันจะระเบิดเปลวเพลิงออกมาทันที ’

‘ คงเป็นเพราะฉันใช้แก่นแท้ดวงตะวันกับพลังจากคัมภีร์หมื่นตะวันสร้างเมล็ดพันธุ์เซียนนี้ขึ้นมา ’

‘ งั้นหลังจากนี้ฉันจะเรียกมันว่าเมล็ดพันธ์สุริยันก็แล้วกัน ’

“ บัดซบเอ้ย…ไอ้เด็กเวร ฉันจะฆ่าแก ” หลงมู่เฉินตะโกนขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด

“ กระบองเขี้ยวมังกร! ”

วูป!

กระบองสองท่อนสีทองปรากฏขึ้นในมือของหลงมู่เฉิน มันถูกแกะสลักลวดลายมังกรคำรามเอาไว้ ส่วนปลายของกระบองมีลักษณะคล้ายเขี้ยวขนาดใหญ่ที่แหลมคม

นี่คืออาวุธระดับเทพของหลงมู่เฉิน ที่เขาทุ่มเททรัพยากรมหาศาลของตระกูลหลงไปแลกเปลี่ยนมาจากพวกสำนักโบราณ

ครืนนน

กลิ่นอายอันดุร้ายเหี้ยมโหดแผ่ออกมาจากกระบองสองท่อนของหลงมู่เฉิน ทำให้จ้าวเทียนมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที

‘ อาวุธของเขาแข็งแกร่งกว่ากระบี่เวทของฉันมาก…นั่นคงจะเป็นอาวุธระดับเทพแน่นอน ’

‘ ดูจากกลิ่นอายดุร้ายของอาวุธชิ้นนี้ มันคงดื่มเลือดยอดฝีมือมาหลายร้อยคนแล้ว น่าเสียดายที่ฉันยังไม่ได้ยกระดับอาวุธเวทประจำตัว ไม่งั้นคงจะใช้เคล็ดกระบี่จัดการเขาได้ ’

‘ บางทีตอนนี้หมัดของฉันเอง น่าจะแข็งแกร่งกว่าอาวุธเวทประจำตัวเสียอีก ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ กระบี่เวทของเขาในตอนนี้มีประโยชน์เพียงช่วยในการเดินทางเท่านั้น จนกว่าเขาจะยกระดับมันเป็นอาวุธเทพถึงจะใช้มันในการต่อสู้ระดับสูงได้

“ ถึงเวลานี้…ต่อให้แกคุกเข่าขอร้องฉันก็จะฆ่าแก ไอ้เด็กเวร! ”

“ มังกรคู่พิโรธ! ”

ฮุมมม!

เงาร่างของหลงมู่เฉินจางหายไป จากนั้นมังกรทองสองตัวปรากฏขึ้นแทน พวกมันคำรามก้องฟ้า แล้วพุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนด้วยความอำมหิต

ก๊าซซๆ

จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ประมาท เขางัดท่าไม้ตายของตัวเองออกมาทันที

“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”

“ หมัดแรกสะท้านภพ! ”

เงาหมัดขนาดยักษ์แหวกท้องฟ้าลงมา มันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงของดวงตะวัน ทำให้พลังของมันเหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่า

เพียงแค่กลิ่นอายของมัน ก็ทำให้ร่างจำแลงมังกรคู่ของหลงมู่เฉินตัวสั่นสะท้านจนพลังลดลงไปส่วนหนึ่ง

ตูม!

แรงระเบิดของเปลวเพลิงกระจายออกไปรอบด้าน มังกรคู่ทั้งสองตัวถูกบดขยี้จนกระจุยเป็นชิ้นๆแล้วสลายหายไป

อ้าก!

บูมม!

พลังที่บดขยี้ร่างของจ้าวเทียนอยู่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกเท่าตัว เหมือนต้องการจะทำลายเจตจำนงอันแรงกล้าของจ้าวเทียนให้ได้

“ แก…เป็นใคร ถึงมาสั่งฉัน! ” เขากัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น ต้องการให้เขาคุกเข่างั้นเหรอ แม้กระดูกทั่วร่างจะเริ่มแตกร้าว แต่ลำตัวของเขายังคงตั้งตรง

ดวงตาอันเฉียบคมของเขา มองไปยังศัตรูที่ลอยอยู่ด้านบน แม้อีกฝ่ายจะเป็นบรรพชนเซียนของตระกูลก็ไม่สามามารถทำให้เขาก้มหัวได้ เปลวไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้นในดวงตาของจ้าวเทียน

ตั้งแต่เกิดใหม่มารอบนี้เขาจะไม่ยอมสยบให้กับผู้ใด…

อีกฝ่ายเป็นแค่เซียนอันต่ำต้อย…

ต้องการให้มหาเทพอย่างเขาคุกเข่างั้นเหรอ…

“ อ้ากกก! ”

จ้าวเทียนร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พลังอันมหาศาลระเบิดออกมา เมล็ดพันธุ์สุริยันเหมือนจะตอบสนองต่อเจตจำนงของเขา

ร่างจำแลงของบุรุษในชุดจักรพรรดิสีทองปรากฏขึ้นมาด้านหลังจ้าวเทียน

เพียงแต่ครั้งนี้ด้านหลังของบุรุษผู้นั้นมีดวงอาทิตย์อันร้อนแรงอยู่ด้วย อากาศรอบตัวจ้าวเทียนกำลังถูกเผาไหม้จากอุณหภูมิหลายหมื่นองศา

ฟุ่บ!

ตัวของจ้าวเทียนหายไปโผล่ขึ้นตรงหน้าของจ้าวหงเลี่ยง จนอีกฝ่ายรู้สึกตกใจ เพราะการเคลื่อนไหวเมื่อกี้นี้ของจ้าวเทียน เหมือนกับเป็นเทเลพอร์ตเข้ามาโดยไม่สนใจระยะทาง

“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”

“ หมัดสองถล่มนภา! ”

ทันใดนั้นเหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ ทุกสิ่งหยุดนิ่งไม่มีใครขยับเคลื่อนไหว

เพล้ง!

เงาหมัดขนาดใหญ่ชกลงมาจากสวรรค์ จนท้องฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกับเศษกระจก เวลาที่ถูกหยุดไว้ก็กลับมาเดินอีกครั้ง

จ้าวหงเลี่ยงที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ยังไม่ทันจะตั้งตัว หมัดขนาดยักษ์ที่ทำลายท้องฟ้าลงมาก็ซัดเข้าใส่เขาเต็มๆ เปลวเพลิงสีทองอันร้อนแรงระเบิดออกมาก

ตูมมมม!

เสียงคราวนี้มันดังสนั่นอย่างน่าตื่นตะลึง เพราะนี่คือพลังทั้งหมดของจ้าวเทียน แท้จริงแล้วด้วยขอบเขตปัจจุบันเขาไม่สามารถใช้กระบวนท่านี้ได้

แต่เพราะเมล็ดพันธุ์สุริยันได้ตอบสนองต่อเจตจำนงของเขา เลยส่งพลังอันมหาศาลมาให้ จนเกิดเป็นการโจมตีอันรุนแรงอย่างที่เห็น

สายตาของจ้าวเทียนกวาดมองไปยังศัตรูที่เหลืออีกสองคนอย่างเย็นชา

“ ฉัน...จ้าวเทียนอยู่ตรงนี้ ถ้าคิดจะสู้ก็เข้ามา! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน