จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 74

หลังจากได้ยินคำพูดอวดดีของจ้าวเทียน หลงมู่เฉินที่ได้รับความช่วยเหลือจากหวังฝูหมิง ก็ยิ้มขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก

“ แกคิดว่าพลังแค่นั้น…จะสามารถล้มขอบเขตเซียนระดับสูงสุดได้เหรอ ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็หันไปด้านหลังด้วยแววตาเคร่งเครียด

วิ้งงๆ

พลังอันมหาศาลระเบิดขึ้นมาจากด้านล่าง จ้าวหงเลี่ยง ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ เสื้อผ้าของเขามีลอยฉีกขาดเล็กน้อย บนตัวเขาไร้บาดแผลโดยสิ้นเชิง

ยกเว้นเพียงแค่มือข้างที่จับกระบี่มีเลือดไหลซึมออกมา เพราะเขาใช้กระบี่รับหมัดของจ้าวเทียนได้ทันในเสี้ยววินาทีสุดท้าย

“ ในเมื่อแกกล้าโจมตีฉันแบบนี้…ฉันก็จะไม่ปรานีแกอีกต่อไป ” จ้าวหงเลี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนแรกเขายังมีความรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายอยู่บ้าง

แต่เพราะหมัดเมื่อกี้ของจ้าวเทียนทำให้ความคิดเหล่านั้นหายไปทันที หากเขาใช้กระบี่ป้องกันไม่ทันคงได้รับบาดเจ็บรุนแรงไปแล้ว

‘ ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป…ไม่สามารถปล่อยให้มันเติบโตได้ วันนี้ฉันต้องทำลายพลังฝีมือมันด้วยตัวเอง ’

เปลวเพลิงสีขาวลุกโชนขึ้นจากร่างของจ้าวหงเลี่ยง มันแผ่ความร้อนอันมหาศาลออกมา อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ก็เพราะตัวเองเองก็ฝึกวิชาที่เกี่ยวกับธาตุอัคคีเช่นกัน

ทำให้มันลดทอนพลังเพลิงสุริยันของจ้าวเทียนไปได้สามส่วน…

ตัวของจ้าวหงเลี่ยงนั้นฝึกฝนคัมภีร์หยางลี้ลับ ของบรรพชนผู้ก่อตั้งตระกูลจ้าวในอดีต ซึ่งผู้ที่จะฝึกปรือเคล็ดวิชานี้ได้จำเป็นต้องมีร่างหยางบริสุทธิ์เท่านั้น

จากบันทึกที่ผ่านมาเกือบ 3000ปีของตระกูลจ้าว มีผู้ที่ได้ฝึกวิชานี้เพียงสิบคน ตัวเขานั้นเป็นคนที่ 9 ส่วนคนที่ 10 นั้น คือจ้าวหยุนปิง

ในส่วนต้นของคัมภีร์เคล็ดวิชาหยางลี้ลับนี่ถูกสร้างขึ้นบนแดนสวรรค์ เป็นเคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์อันดับแรกในสายของธาตุอัคคี

เหตุผลที่จ้าวหงเลี่ยงมีระดับขอบเขตที่สูงกว่าเซียนคนอื่นในรุ่นเดียวกันก็เป็นเพราะเคล็ดวิชานี้และสิ่งที่ทำให้จ้าวหยุนปิงได้เป็นคู่หมั้นของหลานสาวผู้สืบทอดสำนักง้อไบ๊ก็เป็นเพราะเคล็ดวิชานี้ด้วยเช่นกัน

ทางสำนักง้อไบ๊นั้นมีเคล็ดวิชาลับที่เป็นธาตุหยินสุดขั้ว ถ้าได้ฝึกฝนแบบคู่กับผู้ฝึกคัมภีร์หยางลี้ลับที่เป็นธาตุหยางสุดขั้ว

เมื่อใดที่หยินและหยางได้ส่งเสริมซึ่งกันและกันก็จะสามารถบรรลุขั้นสูงสุดของเคล็ดวิชาได้อย่างรวดเร็ว

ฟู่ววว

เปลวเพลิงสีขาวได้ถูกดึงดูดเข้าในกระบี่หยางพิสุทธิ์ อาวุธระดับเทพของจ้าวหงเลี่ยง

วิ้งๆๆ

กระบี่ที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีขาวมันสั่นไหวเหมือนกับมีชีวิต เพียงแค่คลื่นพลังที่มันแผ่ออกมาก็เหมือนจะสามารถเผาทุกอย่างให้เป็นจุล

“ เพลิงผลาญนภา! ”

ควับ!

เพียงแค่จ้าวหงเลี่ยงฟันกระบี่ไปด้านหน้า คลื่นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ก็ระเบิดใส่ตัวจ้าวเทียนอย่างรุนแรง

ตูมมม!

ก้อนเมฆที่ลอยอยูด้านหลังจ้าวเทียนถูกเป่าหายไปจนหมด ตัวของจ้าวเทียนกระเด็นออกไปเกือบพันเมตร

ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว…

เมื่อก้มมองกระดูกแขนทั้งสองข้างที่แตกละเอียด จ้าวเทียนก็มีท่าทีกังวลขึ้น พลังของอีกฝ่ายนั้นสูงกว่าเขาเกือบสามเท่า

แม้ความร้อนจากเปลวเพลิงจะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่พลังที่ระเบิดออกมานั้นกลับทำลายการป้องกันทั้งหมดของเขาทันที

‘ หากมีเวลาอีกซักเดือนละก็…ฉันไม่มีทางตกอยู่ในสภาพแบบนี้เด็ดขาด ’

ตัวจ้าวเทียนนั้นเพิ่งจะสำเร็จเป็นเซียนได้ไม่ถึงวัน แตกต่างกับอีกฝ่ายที่น่าจะฝึกฝนมาเกินสองร้อยปีแล้ว พลังมันย่อมเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว

ด้วยความแข็งแกร่งผิดมนุษย์ของจ้าวเทียน ขอแค่เขาอยู่ในขอบเขตเซียนระดับกลาง ก็จะสามารถเอาชนะเซียนขั้นสูงสุดอย่างจ้าวหงเลี่ยงได้แน่นอน

น่าเสียดายที่เขามีเวลาฝึกฝนน้อยเกินไป…

‘ ฉันคงเหลือแค่ทางเดียว…ระเบิดเมล็ดพันธุ์สุริยันทิ้งไป เพื่อใช้พลังทั้งหมดที่ถูกกักเก็บไว้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า ’

‘ แต่ถ้าทำแบบนั้นเส้นทางเซียนของฉันก็จะจบลงทันที…ภายหลังจากนี้จะต้องเริ่มต้นฝึกฝนใหม่อีกรอบด้วยวิถีเทพบนแดนสวรรค์ ’

แววตาของจ้าวเทียนสั่นไหวเล็กน้อย นี่เป็นการตัดสินใจที่โหดร้ายอย่างมากสำหรับเขา ทั้งที่เพิ่งจะค้นพบเส้นทางที่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับต้องทำลายมันลงกับมืออย่างนั้นหรอ

หลังนิ่งไปครู่หนึ่ง อยู่ดีๆจ้าวเทียนก็หัวเราะออกมา

ฮ่า ฮาๆ

“ ไม่จำเป็นต้องคิดอีกต่อไป…พวกแกทั้งหมด ”

“ ตายไปซะ! ”

ครืนนนน

พลังในร่างของจ้าวเทียนปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เขาเตรียมตัวจะระเบิดเมล็ดพันธุ์สุริยันของตัวเองเพื่อแลกกับพลังอันมหาศาล

ในขณะนั้นเอง…

“ ใครกล้าทำร้ายหลานฉัน! ”

!!

จ้าวเทียนมองชายชราตรงหน้าด้วยความแปลกใจ ทำไมอีกฝ่ายถึงแสดงท่าทีแบบนี้ เขาจำได้ว่าไม่เคยพบอีกฝ่ายมาก่อน

“ ฉันชื่อหวังฝูหมิง…เป็นบรรพชนเซียนตระกูลหวัง เจ้าเด็กน้อยหวังซินหยางที่อยู่กับเธอก็เป็นคนที่ฉันคิดส่งเสริมอยู่ ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวเทียนก็เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ทันที

‘ คงเป็นเพราะเรื่องดวงวิญญาณในร่างของหวังซินหยาง คงมีแต่ฉันที่ช่วยได้ เขาจึงทำดีกับฉัน ’

‘ เอาเถอะ…ฉันเองก็ประคองสติไว้ไม่ไหวแล้ว ลองเชื่อใจเขาดูก็แล้วกัน ’

ในตอนที่จ้าวเทียนกำลังจะยอมไปหาผู้อาวุโสต้วนมู่กับบรรพชนเซียนตระกูลหวังนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาพันอยู่รอบเอวของเขา

วูป!

จ้าวเทียนถูกดึงไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังอันอ่อนโยนที่ถูกส่งผ่านมาทางผืนผ้าสีขาวที่พันอยู่ที่เอวของเขานั้น มันได้ช่วยรักษาและเยี่ยวยาอาการบาดเจ็บให้เขา

‘ ใครกันนะ…ที่มาช่วยฉัน ศิษย์พี่หญิงงั้นเหรอ? ’

เมื่อคิดไปถึงภาพตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล จ้าวเทียนก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ ในโลกนี้นอกจากครอบครัวแล้ว คนที่ดีกับเขาที่สุดก็คงจะเป็นศิษย์พี่หญิง

‘ งั้นฉันก็คงปลอดภัยแล้วสินะ ’

ตุบ!

เขารู้สึกเหมือนถูกโอบกอดเอาไว้

‘ ใครกำลังกอดฉันอยู่…ศิษย์พี่หญิงงั้นเหรอ ’

‘ ไม่สิ…ศิษย์พี่หญิงเป็นตุ๊กตาหมี ’

ด้วยความสงสัยเขาจึงอาศัยแรงเฮือกสุดท้ายฝืนลืมตาขึ้นนิดนึง

ภาพที่จ้าวเทียนเห็น คือใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวนางหนึ่ง เธอมองมาทางเขาด้วยแววตาอ่อนโยน มันแฝงไปด้วยความรู้สึกนับร้อยนับพันที่เขาไม่เข้าใจ

ริมฝีปากเธอขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

“ ฉัน…. ”

วูป!

ภาพทั้งหมดกำลังดับมืดลง ในเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะหมดสติไป ก็ได้เผลอหลุดปากออกมาด้วยความสะลึมสะลือ

“ หอมจัง… ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน