จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 75

บนท้องฟ้าสูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งหมื่นเมตร หลังจากไป๋ซู่เจินได้ดึงตัวจ้าวเทียนออกมาจากหวังฝูหมิง สถานการณ์ก็มาถึงจุดเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะกับฝ่ายของบรรพชนเซียนทั้งสาม

เพราะพวกเขาเห็นตุ๊กตาหมีตัวนั้น…

“ คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” หวังฝูหมิงพูดขึ้นด้วยท่าทีกังวล

แม้จะมีข่าวว่าอีกฝ่ายสูญเสียพลังทั้งหมดไปแล้ว แต่ภาพความไร้เทียมทานในอดีตของหลินซูซินยังฝังอยู่ในใจเขา โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อ 12 ปีก่อน พลังที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นมันเกินจินตนาการเขาไปไกลแล้ว

หลินซูซินไม่ได้สนใจหวังฝูหมิงแม้แต่น้อย ขอบเขตเซียนระดับกลางไม่เคยอยู่ในความสนใจเธอมาก่อน สายตาของเธอตอนนี้จับจ้องไปยังเซียนระดับสูงสุดที่ยังต่อสู้กันอยู่

“ พวกนายสองคนจะหยุดเอง…หรือจะให้ฉันลงมือ! ”

!!

เปรี้ยง!

จ้าวหงเลี่ยงอาศัยการโจมตีสุดแรงรีบผละตัวออกมา แล้วบินไปยืนรวมกลุ่มกับพรรคพวกอีกสองคน ส่วนเหยียนซืออู่นั้นความคิดเขาตอนนี้อยู่ที่ตัวจ้าวเทียนตั้งแต่แรกแล้ว

ยิ่งเมื่อเห็นหลายชายของเขาตกอยู่ในมือของพวกปีศาจ รังสีสังหารก็ปรากฎขึ้นในแววตาเขาทันที เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาลุกโชนขึ้น

“ ส่งตัวเขามาให้ฉัน…ไม่อย่างนั้น!”

“ ….. ”

หลินซูซินรู้สึกพูดไม่ออก เพราะเธอได้ยินสิ่งที่เหยียนซืออู่พูดชัดเจน บุรุษที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นท่านตาของศิษย์น้อง

เรื่องทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรก ซึ่งส่วนหนึ่งสาเหตุมันก็เป็นเพราะเธอต้องการดูฝีมือของไป๋ซู่เจินด้วย

ทำให้พวกเขาสู้กันโดยไม่จำเป็นทั้งยังเกือบจะต้องมีคนบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่เกิดเรื่องกับจ้าวเทียนซะก่อน

“ จ้าวเทียนเป็นศิษย์น้องของฉัน…ตอนนี้ไป๋ซู่เจินกำลังรักษาบาดแผลเขาอยู่ ”

“ นี่…เธอพูดจริงเหรอ ” เหยียนซืออู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย

วูป!

ดวงตาทั้งสองของเขาทอประกายสีทอง ด้วยเคล็ดวิชาเนตรคุนหลุนทำให้เขามองเห็นการหมุนเวียนของพลังงานได้

หืม

‘ ปีศาจงูตนนั้นกำลังรักษาหลานฉันจริงๆ…ฉันเข้าใจพวกเขาผิดตั้งแต่ต้นงั้นเหรอ ’

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หลินซูซินก็มองไปยังบรรพชนเซียนทั้งสามด้วยความเย็นชา บรรยากาศรอบๆตวเธอเริ่มเย็นยะเยือกขึ้น

“ จ้าวหงเลี่ยง…ไหนลองอธิบายเหตุผลที่ฉันจะไม่ฆ่านายซิ ”

“ ทำไมฉันจะต้องอธิบาย…ให้คุณฟังด้วยล่ะ อย่าลืมว่าตอนนี้คุณไม่ใช่หัวหน้าของพวกเราแล้ว ”

“ เมื่อ 12 ปีก่อนคุณถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งหัวหน้าเซียนผู้คุมกฎแล้ว…คุณมีสิทธอะไรมาสั่งฉัน ” จ้าวหงเลี่ยงพูดขึ้นอย่างเฉยชา

ถ้าเป็นในอดีตเขาคงจะกลัวหลินซูซินจริงๆ แต่ในตอนนี้เธอเหลือเพียงดวงวิญญาณที่สิงในตุ๊กตาเท่านั้น พลังของเธอสลายไปหมดแล้ว

ตอนนี้เขานั่งตำแหน่งหัวหน้าเซียนผู้คุมกฎอยู่ ถ้าแสดงความอ่อนแอออกมา ลูกน้องจะดูถูกเอาได้

‘ แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังสัมผัสพลังของเธอไม่ได้ แสดงว่าเธอไม่เหลือพลังแล้วจริงๆ ขนาดจะบินขึ้นมาเธอยังต้องอาศัยคนอื่นช่วย ’

‘ ปีศาจทั้งสองตนที่มากับเธอน่าจะอยู่ขอบเขตเดียวกับฉัน ยิ่งเมื่อรวมกับเหยียนซืออู่ ภารกิจในวันนี้คงล้มเหลวแล้ว ’

‘ ฉันควรกลับไปรายงานก่อนดีกว่า…เรื่องนี้ต้องให้ผู้อาวุโสต้วนมู่ลงมือเอง ’

“ พวกเราถอย ” จ้าวหงเลี่ยงสั่งถอยทันที

!!

กึก

“ ฉัน…ขยับไม่ได้ ” จ้าวหงเลี่ยงพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง

“ เกิดอะไรขึ้น…ทำไมใช้พลังไม่ได้ ” หลงมู่เฉินเองก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เขารู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์เซียนของเขาถูกผนึกเอาไว้

“ ฝีมือเธองั้นเหรอ ” หวังฝูหมิงหันกลับไปมองหลินซูซินด้วยความกังวล ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนดวงวิญญาณของเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ลูกตาสีดำของหลินซูซิน ได้มีเปลวเพลิงสีฟ้าลุกโชนขึ้น มันได้ผนึกวิญญาณของบรรพชนเซียนทั้งสามเอาไว้

“ ฉันอนุญาตให้พวกแกไปได้งั้นเหรอ ”

“ ซิงเสวียน! ”

หลินซิงเสวียนรีบโยนตุ๊กตาหมีออกไปทันที

ฟูวววว

พายุเปลวเพลิงสีฟ้าได้ระเบิดออกมา มันลุกโชนขึ้นจนปิดแผ่นฟ้าเบื้องบน ตอนนี้ทะเลเมฆที่พวกเขาเห็น ได้กลับกลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตาเดียว

ครืนนน

ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวเล็กได้เลือนหายไป ตอนนี้เงาร่างขนาดใหญ่สูงเกือบร้อยเมตรได้ปรากฎขึ้น

ฮูมมม!

กรงเล็บอันแหลมคมได้แหวกทะเลเพลิงออกมา แล้วคว้าไปที่พวกจ้าวหงเลี่ยงทันที

“ แก…แกเป็นตัวอะไรกัน ” หลงมู่เฉินร้องขึ้นด้วยความกลัว เขาไร้ทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง ได้แต่มองกรงเล็บนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“ อ้าก…สลายไปซะ! ” จ้าวหงเลี่ยงระเบิดพลังออกมา จนหลุดออกจากเนตรผนึกวิญญาณของหลินซูซินได้

ด้วยขอบเขตเซียนระดับสูงสุดอย่างเขา เคล็ดวิชานี้ไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ ตอนแรกเขาเพียงแค่ตั้งตัวไม่ทันเท่านั้น

“ เพลิงผลาญนภา! ”

ควับ!

ตูมมม!

คลื่นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ระเบิดใส่กรงเล็บของหลินซูซินอย่างรุนแรง จนมันแหลกกระจุย

แต่ทว่า…

จ้าวหงเลี่ยงเงยหน้าขึ้นมองตุ๊กตาหมียักษ์ตรงหน้าด้วยแววตาหวาดกลัว ตอนนี้สภาพของเขาเลวร้ายกว่าจ้าวเทียนหลายเท่า กระดูกเขาแตกหักเกือบทั้งตัว

“ คุณ…คุณฆ่าฉันไม่ได้ ” จ้าวหงเลี่ยงพูดออกมาด้วยเสียงอ่อนแรง

“ หืม…ทำไมฉันถึงฆ่าแกไม่ได้ ”

“ เพราะฉันเป็นหัวหน้าผู้คุมกฎของประเทศนี้…ถ้าฉันถูกฆ่าตายตอนกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องรับโทษสถานหนัก ” จ้าวหงเลี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากละเมิดข้อห้ามนี้เท่ากับเป็นศัตรูของประเทศทันที

ต่อให้อีกฝ่ายแข็งแกร่ง แต่จะสามารถปกป้องทุกคนจากกองทัพของประเทศได้เหรอ ไม่เพียงแค่หลินซูซินเท่านั้น แต่ตระกูลหลินทุกคนก็จะถูกดึงมาเกี่ยวด้วย

หลินซูซินเองก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน เพราะเธอคือหัวหน้าผู้คุมกฎคนแรกของประเทศ ตั้งแต่ต้น เธอแค่ต้องการกดดันอีกฝ่ายและแก้แค้นให้ศิษย์น้องเท่านั้น

“ บอกมา…พวกแกมาจับศิษย์น้องของฉันทำไม ”

“ มันเป็นคำสั่งของผู้อาวุโสต้วนมู่…เพราะจ้าวเทียนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทั่วโลกวุ่นวายเมื่อตอนกลางวัน ฉันแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ” จ้าวหงเลี่ยงตอบตามจริง เมื่อตกอยู่ในมือของหลินซูซินเขาก็ไม่กล้าเล่นลวดลาย

หลินซูซินได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป ตัวเธอเพิ่งออกมาจากถ้ำผนึกมารยังไม่ได้รู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น

“ เรียกกระบี่ของแกออกมา ”

!!

จ้าวหงเลี่ยงมีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่กล้าขัดขืน

วูป!

กระบี่หยางพิสุทธิ์ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินซูซินทันที

กึก

เธอได้ใช้กรงเล็บสัมผัสกับกระบี่

ฟูวววว

เปลวเพลิงสีฟ้าลุกท่วมกระบี่ มันได้แผดเผาส่วนหนึ่งของดวงวิญญาณของเจ้าของเดิมทิ้งทันที

“ อ้ากกกกกก ” จ้าวหงเลี่ยงร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อกี้ดวงวิญญาณส่วนหนึ่งของเขาเพิ่งโดนเผาไปต่อหน้าต่อตา

ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการแย่งชิงอาวุธระดับเทพของเขาไป แต่เขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้ ผ่านไปเพียงครู่เดียวจ้าวหงเลี่ยงก็หมดสติไปด้วยความโกรธแค้น

หลินซูซินไม่ได้สนใจสภาพของจ้าวหงเลี่ยงแม้แต่น้อย กระบี่นี้เธอจะมอบให้ศิษย์น้อง มันใช้ยกระดับอาวุธเวทของสำนักได้

“ พวกแกสองคนกลับไปได้แล้ว…อย่าลืมบอกต้วนมู่เฉียนให้รีบมาพบฉัน ”

“ ไม่เช่นนั้นก็รอแต่งตั้งหัวหน้าผู้คุมกฎคนใหม่ได้เลย ”

หลินซูซินปล่อยหวังฝูหมิงกับหลงมู่เฉินกลับไปแค่สองคน ส่วนจ้าวหงเลี่ยงนั้นเธอจะรอให้จ้าวเทียนตื่นขึ้นมาจัดการเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน