หลังจบการต่อสู้ จ้าวเทียนกำลังปรับระดับพลังของตัวเองให้เป็นปกติ กระบวนท่าเมื่อครู่เขาคงใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวในหนึ่งวัน เพราะมันใช้พลังเขาไปถึงเจ็ดส่วน
‘ ตอนฉันอยู่ที่ขอบเขตเทพโลกาในอดีต…กระบวนท่าลับสังหารทั่วทิศ ดวงดาวจะปลดปล่อยรังสีกระบี่ออกมาถึงสามสิบสาย ทุกกระบี่จะเท่ากับการโจมตีสุดชีวิตของตัวฉันเอง ’
‘ แม้ว่าพลังอันมหาศาลของเมล็ดพันธุ์สุริยัน จะทำให้ฉันใช้กระบวนท่านี้ได้ แต่พลังของมันก็ลดลงไปเกินครึ่ง ’
ในพื้นที่นี้นอกจากซากศพสองผู้อาวุโสก็มีเพียงแหวนมิติสองวงที่ไร้เจ้าของ จ้าวเทียนได้เผาทำลายซากศพทิ้ง แล้วเก็บแหวนขึ้นมาตรวจดู
‘ พื้นที่ด้านในเล็กมาก…เพียงยี่สิบตารางเมตรเท่านั้น ’
แหวนมิติของจ้าวเทียนที่ท่านอาจารย์สร้างให้นั้น มีพื้นที่เท่ากับสนามฟุตบอล เขาสามารถเก็บบ้านเข้าไปได้ทั้งหลังแบบสบายๆ แต่น่าเสียดายที่มันเก็บสิ่งมีชีวิตไม่ได้
‘ แหวนสองวงนี้ ฉันจะมอบให้ลี่เหยาเหยากับโม่ปิงหยู ’
ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังตรวจดูแหวนของอู๋ซวน เขาก็พบกับของบางอย่างที่มันไม่สมควรจะมาอยู่ในนี้
‘ ปืนลำแสง!...ทั้งยังมีถึงสิบกระบอก นี่ควรเป็นอาวุธลับของประเทศจีน มันไปอยู่กับพวกสำนักโบราณได้ยังไง ’
‘ คนพวกนี้เป็นพวกของโจวจือหยวน…หรือว่า ’
แววตาเขาเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น
ฟิ้ววว!
เขาเหยียบกระบี่หายไปทันที ตอนนี้เขาต้องรีบกลับไปหาท่านตาให้เร็วที่สุด
ณ สถานที่ต่อสู้ของเหยียนซืออู่
โจวจือหยวนในสภาพบาดแผลเต็มตัว กำลังมองไปทางศัตรูตรงหน้าด้วยความเคร่งเครียด เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายมานานแล้ว แต่กำลังเสริมกลับยังมาไม่ถึง
ตอนนี้ข้างกายเขามีพรรคพวกเพียงคนเดียว ทั้งยังเป็นแค่เซียนระดับกลางทำให้รับมือเหยียนซืออู่ไม่ไหว
“ ฉันไม่นึกเลยว่านอกจากแกจะรักษาพิษได้แล้ว…ยังจะมีฝีมือก้าวหน้าขึ้นอีก บอกฉันมาตามตรงแกรู้วิธีเข้าคลังสมบัติลับใช่ไหม ” โจวจือหยวนถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ในสายตาของเขาตอนนี้สมบัติเหล่านั้นสำคัญที่สุด
“ ฉันไม่มีอะไรต้องพูดกับแก…วันนี้แกต้องตาย! ” เหยียนซืออู่ตอบด้วยเสียงเย็นชา หากไม่ใช่แผนการของอีกฝ่าย ลูกสาวเขาคงได้อยู่ร่วมกับหลานชายอย่างมีความสุข
“ ดาบทลายภูผา! ”
เปรี้ยง!
อั่ก
โจวจือหยวนกระเด็นออกไปเกือบร้อยเมตร เลือดพุ่งออกจากปากเป็นสาย มือที่จับกระบี่ของเขาสั่นสะท้านอย่างแรง
‘ ไอ้บ้านี่มันต้องรู้วิธีอื่นที่ใช้เข้าคลังสมบัติลับแน่นอน…ไม่อย่างนั้นพลังของมันไม่มีทางเพิ่มเยอะขนาดนี้ ’
แม้จะอยู่ขอบเขตเซียนระดับสูงสุดเท่ากัน แต่อีกฝ่ายกลับแข็งแกร่งกว่าเขามาก แม้แต่พิษมารกร่อนกระดูกก็ใช้กับอีกฝ่ายไม่ได้ผล
ทันใดนั้นโจวจือหยวนก็หันไปสบตากับพรรคพวกที่อยู่ไม่ไกล
‘ ฉันรอกำลังเสริมไม่ไหวแล้ว…คงมีแต่ต้องใช้สิ่งนั้นถึงจะพลิกสถานการณ์ได้ ’
แววตาเฉียบคมของเหยียนซืออู่เหมือนสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังถ่วงเวลามาโดยตลอด
‘ หรือว่ามันกำลังรอกำลังเสริม…คงไม่ใช่ว่าพวกเซียนจากห้าขุนเขากระบี่ก็ยังอยู่ในโลกภายนอกด้วยนะ ’
เมื่อคิดไปถึงตรงนี้เหยียนซืออู่ก็โหมโจมตีอย่างดุร้ายทันที ก่อนหน้านี้เพราะเขาไม่ต้องการได้รับบาดเจ็บจึงไม่ได้ทุ่มสุดตัว
แต่ตอนนี้…เขาจะใส่พลังทั้งหมดไปที่การโจมตีแล้ว
“ คลื่นดาบคลั่ง! ”
เปรี้ยงๆๆๆ!
คมดาบดุจคลื่นยักษ์ซัดเข้าใส่โจวจือหยวนอย่างต่อเนื่อง
วิ้งง
รังสีดาบสามสายเล็งไปตรงจุดตายของโจวจือหยวนทันที
“ รุ้งขาวทะลวงตะวัน! ”
รังสีกระบี่เจ็ดสายดุจสายรุ้ง ทะลวงออกจากคลื่นดาบของเหยียนซืออู่อย่างหักโหม
ฉัวะๆ
บาดแผลลึกยาวสองสายปรากฏขึ้นตรงไหล่โจวซือหยวน มันเกิดจากรังสีดาบของเหยียนซืออู่ ถึงแม้จะหลบจุดตายไปได้ แต่อาการบาดเจ็บก็ยังถือว่าสาหัส
ในตอนที่เหยียนซืออู่กำลังจะตามไปฟันซ้ำ เขาก็สัมผัสได้ถึงการลอบโจมตีจากด้านหลัง จึงเหวี่ยงดาบกลับไปทันที
ฟุ่บ! ฟิ้ววว!
เหยียนซืออู่ฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายประมาทบินหนีออกไปทันที
แต่ด้วยพลังที่ลดลงไปมาก ทำให้ความเร็วในการบินของเขาช้าลงเช่นกัน เพียงไม่กี่อึดใจอีกฝ่ายก็ตามมาทัน
“ แกอย่าดิ้นรนเลย…ยอมแพ้ซะ ฉันไม่ฆ่าแกหรอก ” โจวจือหยวนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาไม่อยากสิ้นเปลืองพลังงานของปืนลำแสงนัก
เพราะมันใช้ยิงได้เพียงกระบอกละสิบนัดเท่านั้น แล้วต้องนำกลับไปเติมพลังงานที่ศูนย์ เขาจะใช้ก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น
“ ปืนพวกนี้…หากผู้อาวุโสต้วนมู่รู้เข้าพวกแกตายแน่ ” เหยียนซืออู่พูดขึ้นอย่างเย็นชา ตอนนี้การหลบหนีเป็นไปไม่ได้แล้ว
รู้แบบนี้ถ้าเขาใช้วิชาลับพลังแห่งคุนเผิงไปตั้งแต่ตอนแรกก็จบการต่อสู้ได้แล้ว แต่เพราะไม่อยากสิ้นเปลืองพลังมากเกินไป
เลยต้องแพ้แบบนี้…
“ ฮ่า ฮ่า แกหมายถึงไอ้แก่นั่นเหรอ…ไม่ต้องห่วงหรอกมันจะตายวันนี้แหละ ” โจวจือหยวนพูดออกมาด้วยความสะใจ
เขาเกลียดต้วนมู่เฉียนมานานแล้ว แต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
ไม่นึกเลยจะได้สบโอกาสในวันนี้…
“ แกหมายความว่ายังไง…ต่อให้พวกเขาสู้กันแต่ก็คงไม่ถึงขั้นแลกชีวิต สมองของแกพังไปแล้วรึไง ” เหยียนซืออู่พูดเยาะเย้ยกลับมาบ้าง
โจวจือหยวนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เฉลียวฉลาดที่สุดในห้าขุนเขากระบี่ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะพูดจาโง่ๆแบบนี้ออกมา
การต่อสู้ของต้วนมู่เฉียนกับหลินซูซินนั้นไม่มีทางรุนแรงถึงชีวิต เพราะทั้งสองคนต่างก็เป็นเสาหลักของประเทศจีนทั้งคู่ หากมีใครเสียชีวิตขึ้นมา สมดุลระหว่างประเทศจีนกับสำนักโบราณจะพังทันที
ตอนที่เกิดเรื่องกับหลินซูซินเมื่อสิบสองปีก่อนนั้น ก็ได้ต้วนมู่เฉียนปิดข่าวอย่างดี ทำให้สำนักโบราณไม่รู้เรื่อง
แต่ในการต่อสู้กันของต้วนมู่เฉียนกับหลินซูซินมีผู้รู้เห็นจำนวนมากที่เป็นคนของสำนักโบราณ เรื่องนี้ไม่มีทางเก็บเป็นความลับได้
“ ไม่ใช่แค่ต้วนมู่เฉียนหรอกที่จะตาย…หลินซูซินก็ไม่มีทางรอด พวกมันทั้งคู่จะต้องลงนรกไปพร้อมกันวันนี้แหละ ฉันแทบรอดูฉากนั้นไม่ไหวแล้ว” โจวจือหยวนพูดขึ้นอย่างลำพองใจ
“ แต่ฉันว่า…แกคงไม่มีโอกาสได้เห็นหรอก! ”
!!
ในตอนนี้จ้าวเทียนได้มาถึงแล้ว…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...