จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 84

สิบโมงเช้า ณ คฤหาสน์ดาราสวรรค์

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกรอบเช้ากับโม่ปิงหยู จ้าวเทียนก็พาทุกคนมาที่ทะเลสาบมรกต เพราะวันนี้เขาต้องการสร้างเขตอาคมจิตวิญญาณให้เสร็จเรียบร้อย

ภายในห้องทำงานหลัก ตุ๊กตาหมีตัวนั้นยังคงนั่งอ่านเอกสารเหมือนเช่นเคย แม้ว่าศิษย์พี่หญิงจะมอบสถานที่นี้ให้เขาแล้ว แต่ตัวเธอเองก็ยังอาศัยอยู่ในคฤหาสน์นี้เหมือนเดิม

ซึ่งนั่นก็เป็นความต้องการของจ้าวเทียนเช่นกัน การที่มีศิษย์พี่หญิงมาอยู่ด้วยมันช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้เขาเป็นอย่างมาก

“ เมื่อวานต้วนมู่เฉียนได้บอกเรื่องนั้นกับเธอแล้วใช่ไหม ”

“ ใช่ครับ…แต่ผมยังไม่ได้ให้คำตอบไป ” จ้าวเทียนตอบ ด้วยสีหน้าจริงจัง ตัวเขารู้ดีว่าหากตอบตกลง ปัญหาเรื่องตระกูลจ้าวจะได้รับการแก้ไขทันที นี่คงเป็นสิ่งที่ต้วนมู่เฉียนต้องการให้เขาเลือก

แต่ถ้ายอมรับสืบทอดอำนาจตรงส่วนนั้นมา ภาระหน้าที่อันหนักหน่วงก็จะตกอยู่ที่เขาทันที อิสระในการเคลื่อนไหวของเขาจะถูกจำกัดด้วยคำว่าส่วนรวม ซึ่งมันจะขัดกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้

แม้ตอนนี้จ้าวเทียนจะเริ่มรู้สึกสนใจความลับของโลกใบนี้ แต่สมรภูมิหลักของเขานั้นอยู่ที่แดนสวรรค์ ยังมีภารกิจอีกหลายอย่างที่ต้องไปจัดการ

“ ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอก…เขาแค่ทดสอบเธอดูเท่านั้น ”

“ ถ้าเมื่อวานเธอตอบรับทันที…ผลมันอาจจะแย่กว่าเดิม เพราะต้วนมู่เฉียนรู้เรื่องความขัดแย้งระหว่างเธอกับตระกูลจ้าวดี ”

“ เรื่องสืบทอดตำแหน่งของต้วนมู่เฉียน…เท่าที่ฉันรู้ตอนนี้ มีคนที่ผ่านเกณฑ์อยู่สามคน ส่วนเธอเป็นคนที่สี่ ”

“ ถ้าเป็นแบบนั้น…เรื่องนี้ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ข้อสรุป” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความเข้าใจ ระดับต้วนมู่เฉียน ย่อมต้องคัดเลือกผู้สืบทอดอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว

“ ว่าแต่เรื่องเมื่อวาน…คุณรู้ตัวตั้งแต่ตอนไหนเหรอ ” จ้าวเทียนถามขึ้นอย่างสงสัย

“ ที่จริงถ้าเธอได้รู้จักนิสัยของต้วนมู่เฉียนดีเท่าฉัน…เธอก็คงมองออกตั้งแต่แรกเหมือนกัน ”

“ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เคร่งคัดในกฎมาก แต่ก็ไม่ใช่คนวู่วามขนาดที่จะขนกองกำลังพิเศษมาด้วยเรื่องแค่นี้หรอก ”

“ ฉันก็แค่ช่วยเขาเล่นละครฉากหนึ่ง…เพื่อล่อศัตรูทั้งหมดออกมาในที่แจ้ง ”

“ เพราะตระกูลหลี่นั้นมีเส้นสายเยอะจนเกินไป…เราจึงต้องขุดพวกมันออกมาเพื่อถอนรากถอนโคนให้หมด ”

“ ศิษย์พี่หญิง…คุณรู้ระดับฝีมือที่แท้จริงของเขาไหม ” จ้าวเทียนถามขึ้นอีกครั้ง เรื่องนี้สำคัญมากเพราะมันมีผลต่อแผนการแก้แค้นตระกูลจ้าวในอนาคต

“ เรื่องนี้…ฉันบอกได้เพียงว่า ฝีมือของเขาเหนือกว่าตัวฉันเมื่อ 12 ปีก่อนไปแล้ว ”

“ ชายคนนี้เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้…เมื่อวานหากไม่ใช่ว่าฉันลองทดสอบดูก็ไม่มีทางรู้ได้เลย ”

“ ที่จริงแล้วด้วยความสามารถของต้วนมู่เฉียน…ถ้าเขาไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยโซ่ตรวนที่เรียกว่าประเทศ ”

“ คนแรกที่ลองทลายขอบเขตเซียนนภา คงเป็นเขาไม่ใช่ฉัน ”

เมื่อเห็นว่าจ้าวเทียนเริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้น หลินซูซินจึงพูดขึ้นต่อ

“ สำหรับเรื่องของเธอกับตระกูลจ้าว…ฉันได้จัดการให้แล้ว เงื่อนไขข้อเดียวที่เธอจะสามารถแก้แค้นได้โดยไม่ถูกแทรกแซงจากประเทศคือ ”

“ ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าผู้คุมกฏจากจ้าวหงเลี่ยง…ในงานคัดเลือกผู้บัญชาการอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”

“ ตอนนี้เธออยู่ในขอบเขตเซียน…ไม่สามารถลงแข่งชิงตำแหน่งผู้บัญชาการได้แล้ว ”

“ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา…หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ต่อให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผม ทุกคนก็เอาชนะได้แน่นอน ” จ้าวเทียนตอบอย่างมั่นใจ

“ ดีมาก…ที่จริงถ้าไม่ใช่ว่าฉันต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ คงชิงตำแหน่งหัวหน้าผู้คุมกฏมาแล้ว ”

หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ จ้าวเทียนกำลังจะออกไปจัดการเรื่องเขตอาคมต่อ แต่ทว่าหลินซิงเสวียนได้เดินมาจับมือเขาเอาไว้ก่อน

ทั้งยังจ้องมองมาด้วยแววตาเป็นประกาย…

!!

“ เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ” จ้าวเทียนถามด้วยรอยยิ้มแห้งๆ แต่สาวน้อยที่จับมือเขาอยู่กลับไม่ยอมตอบ เธอหันกลับไปมองตุ๊กตาหมีบนโต๊ะทำงาน ด้วยท่าทีงอนๆ

“ เอ่อ… ”

หลินซูซินรู้สึกพูดไม่ออก เธอเห็นหลินซิงเสวียนเงียบมาตลอดจนนึกว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่นึกว่าอีกฝ่ายกำลังรอจังหวะอยู่

“ ศิษย์พี่หญิง…คุณมีอะไรหรือเปล่า ” จ้าวเทียนหันไปถามด้วยความสงสัย ทำไมอีกฝ่ายถึงอ้ำอึ้ง

“ ศิษย์น้อง…นายสนิทกับลี่เหยาเหยาใช่ไหม ”

เมื่อได้ยินคำถามจ้าวเทียนก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ายอมรับ

หลานชายของเขาช่างตาแหลมเสียจริง หญิงสาวสองคนนี้จัดเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก แม้จะเทียบกับศิษย์ในสำนักโบราณ อนาคตของพวกเธอมีโอกาสเป็นเซียนถึงแปดส่วน

วูป!

ขวดหยกเล็กๆปรากฏขึ้นบนมือของเขาทันที ซึ่งมาจากแหวนมิติของเซียนศัตรูที่เขาแย่งชิงมา

“ ในขวดใบนี้มีโอสถอยู่สองเม็ด…มันจะช่วยเพิ่มลมปราณให้เธอห้าปี ดูจากขั้นฝึกของพวกเธอในตอนนี้ คงสามารถยกระดับให้พวกเธอได้ทันทีละมั้ง ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นดวงตาของสองแม่ลูกก็เปล่งประกายสดใส พวกเธอรับของขวัญจากเหยียนซืออู่มาด้วยความยินดี

สร้างความอิจฉาให้คนอื่นที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก พวกเขาเองก็อยากจะเข้าหาผู้อาวุโสคนนี้เหมือนกัน แต่ตามมารยาทแล้วจะเดินเข้าไปเองก็คงไม่เหมาะ

เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับจ้าวเทียนนั้น ไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนโม่ปิงหยูกับโม่ซินหยาน

หลังจากที่มีโม่ปิงหยูมาร่วมในการสนทนาด้วย การพูดคุยก็ดูไหลลื่นมากขึ้น ทำให้สาวน้อยทั้งสองคนถามเรื่องนู้นเรื่องนี้กับเหยียนซืออู่ไม่หยุด ซึ่งเขาเองก็ตอบทุกคำถามด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้นึกรำคาญแม้แต่น้อย

“ ทำไมคุณตาถึงดูไม่แก่เลย…หรือเป็นเพราะฝึกลมปราณใช่ไหมคะ ” จ้าวหยูเหมยถามขึ้นด้วยความสงสัย ไม่ว่าจะดูยังไงคุณตาของเธอก็ดูมีอายุแค่สี่สิบกว่าปีเท่านั้น

“ ฮ่าฮา ถ้าให้พวกหนูลองทายอายุฉันดู…คิดว่าพวกหนูต้องทายผิดแน่ ” เหยียนซืออู่หยอกล้อสาวน้อยทั้งสองคนอย่างอารมณ์ดี

อีกด้านหนึ่ง ลี่ตงไห่กำลังมองไปที่เหยียนซืออู่อย่างใช้ความคิด แม้เขาจะไม่รู้ว่าชายคนนี้อยู่ขอบเขตไหน

แต่เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน และอาจจะเป็นบุคคลที่อยู่ระดับสูงมาก ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปแนะนำตัวก่อน เพราะจะดูไร้มารยาทเกินไป

เขาหันไปทางหลานสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

เวลานี้ลี่เหยาเหยาเองก็กำลังเหม่อมองไปทางพวกจ้าวหยูเหมย เหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

‘ ฉันเองก็อยากเข้าไปแนะนำตัวกับญาติผู้ใหญ่ของเขาเหมือนกัน ’

เธอหันไปมองตรงประตูห้องโถงเล็กน้อย ด้วยความหวังว่าจ้าวเทียนจะเดินเข้ามาซักที แต่ชั่วขณะหนึ่งสายตาของเธอก็ประสานกับกงเสี่ยวเหมยพอดี

พวกเธอทั้งคู่ต่างพยักหน้าให้กันด้วยความเข้าใจ เพราะต่างก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

ขณะนั้นเองพวกเธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้จ้าวหยูเหมยกับโม่ปิงหยูกำลังกระซิบกระซาบเรื่องของพวกเธอให้เหยียนซืออู่ฟัง

ทันใดนั้น…

เหยียนซืออู่ก็ได้เดินตรงมาหาพวกเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เขาพิจารณาสองสาวตรงหน้าแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ

“ พวกเธอทั้งสองคน…เป็นเพื่อนหญิงของหลานชายฉันสินะ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน