จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 85

คำถามของเหยียนซืออู่ทำให้เสียงพูดคุยในห้องเงียบไปในทันที ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ลี่เหยาเหยากับกงเสี่ยวเหมย ทำเอาหญิงสาวทั้งสองคนเขินอายทำตัวไม่ถูก

“ สวัสดีค่ะผู้อาวุโส…หนูชื่อลี่เหยาเหยาเป็นเพื่อนของจ้าวเทียน ” ลี่เหยาเหยาตอบด้วยใบหน้าแดงๆ แต่เธอก็รู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณตาของจ้าวเทียนซะที

ลี่ตงไห่เองก็มองหลานสาวด้วยรอยยิ้ม เขาใช้มือลูบเคราตัวเองแล้วพยักหน้าเบาๆ

‘ เหยาเหยา…ปู่เอาใจช่วยหนูอยู่นะ อย่ายอมแพ้เด็กสาวตระกูลกงล่ะ ’

“คารวะท่านผู้อาวุโส…ฉันชื่อกงเสี่ยวเหมยเป็นเพื่อนของจ้าวเทียนเช่นกันค่ะ ” กงเสี่ยวเหมยเลือกทำความเคารพแบบชาวยุทธ

เพราะเธอคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นคนในยุทธภพเช่นกัน แม้เครื่องแต่งกายจะเหมือนคนในยุคปัจจุบัน แต่ท่วงท่าการวางตัวของผู้อาวุโสตรงหน้าเหมือนกับคนในยุทธภพไม่มีผิด

“ เอ๊ะ…หนูแซ่กงเหรอ ” เหยียนซืออู่รู้สึกแปลกใจ ดวงตาเขาทอประกายสีทองด้วยเคล็ดวิชาเนตรคุนหลุน เขาสังเกตดูเส้นลมปราณของกงเสี่ยวเหมยอย่างละเอียด จากนั้นจึงส่ายหน้าเบาๆ

‘ เคล็ดวิชาของเธอไม่ใช่แนวทางของสำนักโบราณ…เธอคงไม่ใช่คนจากสำนักเร้นลับหรอก ’

ในโลกใบเล็กนั้นนอกจากจะมีสำนักใหญ่ทั้งห้าแล้ว ยังมีสำหนักขนาดกลางสิบสำนัก และสำหนักขนาดเล็กสิบห้าสำนัก รวมตัวกันเป็นสมาพันธ์บู้ลิ้ม มีห้าสำนักใหญ่เป็นผู้นำที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ

แต่นอกจากจากสมาพันธ์บู้ลิ้มแล้ว ยังมีสำนักเร้นลับอยู่อีกสองสำนักที่ไม่เข้าร่วมกับสมาพันธ์ และไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องบุญคุณความแค้นกับโลกภายนอก

สำนักเร้นลับทั้งสองจะเลือกรับศิษย์อย่างเข้มงวด สำนักแรกคือสำนักสราญรมย์จัดเป็นสำนักกึ่งมาร ทำการตามอำเภอใจตน

ส่วนอีกหนึ่งคือสำนักสุสานโบราณที่รับแต่ศิษย์ผู้หญิงเท่านั้น ปัจจุบันสำนักสุสานโบราณถูกปกครองโดยตระกูลกง

ทำให้ตอนแรกที่เหยียนซืออู่ได้ยินกงเสี่ยวเหมยแนะนำตัวจึงรู้สึกแปลกใจ เพราะแซ่กงจะไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อย

เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่เขาอย่างแปลกใจ เหยียนซืออู่จึงยิ้มเล็กน้อยแล้วอธิบาย

“ ไม่มีอะไร…พอดีเธอใช้แซ่เดียวกันกับคนรู้จักของฉัน แต่ดูแล้วคงเป็นฉันเข้าใจผิดไปเอง ” เขาตรวจดูในแหวนมิติ แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

‘ แย่แล้ว…ในแหวนนี่มีโอสถเพิ่มปราณแค่สองเม็ดเท่านั้น ฉันจะทำอย่างไรดี ’

‘ หนึ่งในสองคนนี้อาจจะเป็นหลานสะใภ้ในอนาคตของฉันก็ได้ จะให้พวกเธอผิดหวังไม่ได้ ’

!!

‘ หืม…เซียนคนนั้นมีของแบบนี้ด้วยเหรอ ’

วูป!

กำไลหยกสองวงปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของเหยียนซืออู่

มันถูกแกะสลักด้วยลวดลายนกกระเรียนคู่ ความงดงามของมันทำให้หญิงสาวทั้งสองต่างจ้องมองด้วยความหลงใหล

“ กำไลทั้งสองวงนี้…เมื่อพวกเธอสวมไว้กับตัวจะช่วยคงรูปโฉมให้งดงามไม่ชราลงตามวัย รับไปสิ ” เหยียนซืออู่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

แม้การให้กำไลหยกคู่นี้แก่หญิงสาวทั้งสอง จะดูสื่อความหมายเป็นนัยๆไปบ้าง แต่เขาก็ไม่คิดมาก ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนหญิงของจ้าวเทียนอยู่แล้ว

ภรรยาของเหยียนซืออู่นั้นได้สิ้นอายุขัยไปนานแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ทำให้ตระกูลเขาเหลือลูกสาวเพียงคนเดียว เป็นธรรมดาของคนชราย่อมอยากมีลูกหลานเต็มบ้านอยู่แล้ว

‘ จะว่าไป…ถ้าหลานชายฉันจะจีบพวกเธอทั้งคู่ ฉันก็ไม่ถือสานะ หึหึ ’

ลี่เหยาเหยากับกงเสี่ยวเหมยตอนแรกก็มีท่าทีเขินอายเล็กน้อย แต่ก็รับเอามาลองสวมดูทันที กำไลสองวงนี้มันช่างเหมาะกับพวกเธอเป็นอย่างมาก

ทั้งดูแล้วคงจะเป็นของล้ำค่าหายากแน่นอน แววตาของพวกเธอที่มองไปทางเหยียนซืออู่เพิ่มความสนิทสนมขึ้นหลายส่วน

แต่ในขณะที่เหยียนซืออู่กำลังพูดคุยกับหญิงสาวทั้งสอง อย่างสบายใจ

!!

วูป

สัมผัสวิญญาณสายหนึ่ง กวาดเข้ามาตรงห้องที่พวกเขาอยู่อย่างไร้มารยาท

สีหน้าของเหยียนซืออู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางหนึ่งที่เขาสัมผัสถึงผู้มาเยือนได้

“ ฉันขอตัวสักครู่นะ ” เขาหันไปบอกกับสองสาวด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วจำหันหลังเดินออกจากห้องไป

เพียงแต่ว่า…

ร่างของเหยียนซืออู่ค่อยๆลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาเดินเหยียบอากาศขึ้นไปบนท้องฟ้าต่อหน้าต่อตาทุกคนที่อยู่ในห้อง

!!

“ เป็นไปไม่ได้…ผู้อาวุโสบินได้งั้นเหรอ ”

“ นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ” “ นี่มันบ้าชัดๆ ”

เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องทันที ทุกคนต่างพากันขยี้ตาตนเองด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

ต้องเข้าใจว่า สำหรับพวกเขานั้นขอบเขตปรมาจารย์ ถือเป็นที่สุดของความแข็งแกร่งแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาได้พบในวันนี้ มันกลับลบล้างความเชื่อของพวกเขาจนหมด

มีเพียงลี่เหยาเหยาเท่านั้นที่ไม่ได้แปลกใจซักเท่าไหร่ เพราะเทพธิดาตัวจิ๋วได้บอกตัวตนของเหยียนซืออู่ให้เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว

“ นี่มัน…เซียนในตำนาน ” ลี่ตงไห่ตกใจจนเผลอหลุดปากออกมาเสียงดัง จนทุกคนที่อยู่ในห้องหันมามองที่เขาทันที

“ ฉันเคยได้ยินตำนานเล่าว่า…หลังจากที่เราฝึกฝนจนไปถึงขีดสุดของปรมาจารย์แล้ว จะสามารถบรรลุเป็นเซียนได้ เซียนนั้นสามารถเหินบินได้ทั้งยังมีอายุขัยที่ยาวนาน ”

“ ตั้งแต่เกิดมา…ฉันก็เพิ่งเคยได้พบเซียนตัวจริงเป็นครั้งแรก ก็วันนี้นี่แหละ ” ลี่ตงไห่อธิบายออกมาเสียงดัง ให้ยี่สิบกว่าชีวิตในห้องได้ฟัง

“ เอ๋…คุณตาของหนูเป็นเซียนงั้นเหรอ ” จ้าวหยูเหมยรู้สึกสบสนเล็กน้อย เรื่องนี้มันไกลตัวเธอเกินไป แต่ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เปล่งประกายสดใส

‘ ฉันจะขอให้คุณตา พาฉันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ไหมนะ ’

ทุกคนในห้องต่างหันไปมองกลุ่มของจ้าวหยูเหมยด้วยความอิจฉา นั่นคือขอบเขตเซียนในตำนานเชียวนะ หากเป็นพวกเขามีญาติเป็นเซียนบ้าง คงสบายไปตลอดชาติ

“ พวกเราออกไปดูกันเถอะ ” ลี่ตงไห่พูดขึ้น แล้วเดินนำออกไป วันนี้กงไป๋ฮวาไม่ได้มาด้วย ทุกคนในห้องจึงถือเขาเป็นผู้นำ พากันเดินตามออกไปทันที

สูงขึ้นไปหนึ่งร้อยเมตรบนท้องฟ้า

เซียนสองคนกำลังเผชิญหน้ากับเหยียนซืออู่ หนึ่งในนั้นคือบรรพชนเซียนตระกูลหวัง ส่วนอีกคนคือแม่ชีชุดเทาที่กำลังมองมายังทุกคนด้านล่างอย่างเย่อหยิ่ง

“ พวกคุณมีธุระอะไร ” เหยียนซืออู่ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฝ่ายตรงข้ามเขาเป็นเพียงเซียนระดับกลางเท่านั้น แต่กลับไร้มารยาทเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักพรตหญิงที่เป็นคนใช้สัมผัสวิญญาณ

“ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ…ให้ไอ้เด็กนั่นออกมาพบฉัน ” แม่ชีชุดเทาพูดขึ้นด้วยท่าทีวางอำนาจ

“ บังอาจ! ”

เมื่อได้ยินคำพูดท้าทายของจ้าวเทียน แม่ชีชุดเทาก็ชักกระบี่ออกมาด้วยความโกรธ

“ ฉันจะคอยดู…ว่าแกจะปากเก่งไปได้อีกนานแค่ไหน ”

“ ฝ่ามือสามสุดยอด! ”

ฝ่ามือสีทองผนึกตัวขึ้นจากความว่างเปล่าตรงหน้าจ้าวเทียน

แต่ทว่า…

“ เพลิงสุริยัน! ”

เปรี้ยง!

ตูมมมม!

คลื่นเปลวเพลิงสีทองได้ทำลายฝ่ามือนั้นจนกระจุย แล้วยังปะทะเข้าใส่กำแพงสีฟ้าจางๆที่ปกป้องแม่ชีอยู่อย่างรุนแรง

ครืนน

ต้องรู้ก่อนว่าเปลวเพลิงสุริยันของจ้าวเทียนนั้นมีอานุภาพเผาไหม้รุนแรงมาก แตกต่างจากการลงมือครั้งแรกของเหยียนซืออู่ที่เพียงใช้แรงกดดันหยั่งเชิงดูเท่านั้น

ฟูววว

เพล้ง!

ป้ายหยกที่เอวแม่ชีแตกเป็นผงทันที มันไม่สามารถทนพลังของจ้าวเทียนได้ หลังจากกำแพงสีฟ้าก็ได้สลายไป ทำให้แม่ชีชุดเทามีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าชายหนุ่มจะแข็งแกร่งขนาดนี้

“ พอแค่นี้เถอะ…จ้าวเทียน ฉันต้องขอโทษด้วยกับความไร้มารยาทของแม่ชีคนนี้ แต่หลังจากนี้แม่ชีต้องกลับไปประจำการที่พรมแดนจีนจะให้เธอได้รับบาดเจ็บไม่ได้ ” หวังฝูหมิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวเทียนก็รู้สึกแปลกใจ หรือแม่ชีคนนี้คือคนที่ผู้อาวุโสต้วนมู่บอก เป็นตัวแทนจากสำนักโบราณในการปกป้องพรมแดนของจีน

“ ไปซะ…ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเฉยชา ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ก่อนจะไป เธอได้มองมาที่จ้าวเทียนด้วยแววตาโกรธแค้น

“ เอาล่ะ…ก่อนอื่นนายรับเอกสารพวกนี้ไป มันคือรายชื่อและความสามารถของผู้มีพลังพิเศษที่เป็นศัตรูกับประเทศจีน ” หวังฝูหมิงยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้จ้าวเทียน มันมีจำนวนเกือบร้อยแผ่นเลยทีเดียว

หลังจากเห็นจ้าวเทียนรับเอกสารไปแล้ว เขาก็เริ่มพูดต่อ

“ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้…ตัวแทนของอเมริกาต้องการพบเธอในอีกสามวัน ทางรัฐบาลจีนไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะดาวเทียมสอดแนมของพวกเขาได้ถ่ายภาพของเธอเอาไว้ได้ในตอนที่กำลังเลื่อนระดับเป็นเซียน ”

“ ผู้อาวุโสต้วนมู่คาดการณ์ว่า…อีกฝ่ายอาจจะต้องการหยั่งเชิงฝีมือของเธอดู จึงอยากให้เธอเตรียมตัวให้ดีที่สุด ”

จ้าวเทียนมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย อีกฝ่ายต้องการหยั่งเชิงเขางั้นเหรอ

“ มีข้อมูลของคนที่มาไหมครับ ” จ้าวเทียนถามด้วยความกังวล ถ้าถึงขั้นที่ต้วนมู่เฉียนสั่งให้ผู้คุมกฏเซียนมาแจ้งเขาด้วยตัวเองแล้ว อีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“ คนอื่นฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่…แต่หนึ่งในนั้นจะต้องมีคู่ปรับเก่าของผู้อาวุโสต้วนมู่ด้วยแน่นอน ”

“ ธันเดอร์ ฉายาเทพเจ้าสายฟ้า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน