จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 89

ภายในกระเช้าทางด้านหลังจ้าวเทียน เด็กสาวสองคนกำลังแอบมองพวกเขาอยู่อย่างขวยเขิน ยิ่งในตอนที่เห็นว่าพวกเขาแอบอิงกัน พวกเธอก็รู้สึกอายจนต้องใช้มือปิดตาไว้ แต่ก็ยังแอบแหวกช่องไว้ให้มองเห็น

โม่ปิงหยูเพียงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าเหม่อลอย เธอนั้นแตกต่างกับจ้าวหยูเหมยกับหลินซิงเสวียน เพราะเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ประสาทการรับฟังและการมองเห็นจึงเหนือคนปกติไปหลายเท่า

สิ่งที่จ้าวเทียนพูดกับลี่เหยาเหยานั้นเธอได้ยินครบทุกคำ เธอเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าอาจารย์จะต้องจากไปในซักวัน

‘ อาจารย์ชวนแต่พี่เหยาเหยา…แล้วฉันล่ะ ’

‘ ฉันไม่ดีพองั้นเหรอ… ’

น้ำตาหยดหนึ่งไหลซึมลงมาที่แก้ม…แต่ก็ถูกมือข้างหนึ่งเช็ดออกไป โม่ปิงหยูไม่อยากให้คนอื่นเห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ

หลังจากคำถามนั้นของจ้าวเทียน เขาก็ไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบทันที เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ

ต้องอย่าลืมว่าลี่เหยาเหยาไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก มีแฟนคลับรวมทั้งครอบครัวและเพื่อนร่วมงานอีกมากมาย หากเธอเลือกที่จะออกจากโลกใบนี้ นั่นก็หมายถึงต้องลาจากคนพวกนี้ไปตลอดกาล

บางทีซักวันเธออาจจะสามารถกลับมาที่โลกได้ แต่เมื่อถึงตอนนั้น คนที่เคยรู้จักในอดีตก็อาจจะไม่อยู่แล้ว เพราะอายุขัยของคนธรรมดานั้นสั้นมาก

กว่าลี่เหยาเหยาจะมีพลังพอที่จะกลับมาโลกได้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเสียเวลาไปกี่ปี เพราะมีแต่อยู่ในระดับเทพโลกาเท่านั้น ถึงสร้างร่างทิพย์ลงมาในโลกวัตถุได้ แต่ส่วนใหญ่คนที่เข้าไปในแดนสวรรค์แล้ว ก็มักจะไม่ออกไปที่ไหนอีก

จากที่เทพธิดาซวนเฉวียนเคยบอกมา หากคนปกติได้ใช้ชีวิตอยู่บนแดนสวรรค์ ก็จะมีอายุขัยเพิ่มขึ้นสองเท่า ส่วนผู้ฝึกตนนั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตามระดับขอบเขตของตน ทำให้ผู้ฝึกตนทุกคนอยากขึ้นไปอยู่ในแดนสวรรค์

ช่วงเวลาที่มีความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ลี่เหยาเหยาเอนหัวอิงอยู่บนไหล่ของจ้าวเทียน ทั่งคู่มองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า

“ เป็นวันที่ดีนะ… ” จ้าวเทียนพูดออกมาเบาๆ เขากุมมือเล็กของลี่เหยาเหยาแน่นขึ้นเล็กน้อย

“ วันนี้ฉันสนุกมากเลย…เด็กสาวทั้งสามคนก็น่ารักดี เวลาที่อยู่กับพวกเธอทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมมานาน ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นมาด้วยร้อยยิ้ม

ทันใดนั้นเธอก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้

“ นี่…ฉันถามอะไรหน่อยซิ นายต้องตอบตามความจริงนะ ” เธอพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

แว่นกันแดดสีดำนั้น เธอถอดไปเก็บไว้ตั้งแต่ตอนที่ขึ้นมาในชิงช้าสวรรค์ ทำให้ตอนนี้ดวงตาคู่สวยของเธอ จ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของจ้าวเทียนแบบไม่มีอะไรขวางกั้น

“ ถามมาซิ ” จ้าวเทียนตอบด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ เขาไม่ได้มีอะไรที่ต้องปกปิด นอกจากเรื่องที่เขากลับชาติมาเกิด กับเรื่องความลับของสำนักดาราสวรรค์ ที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้

“ นายคิดว่าน้องปิงหยูกับน้องซิงเสวียน…สวยมั้ย ” ลี่เหยาเหยาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่สายตาของเธอจ้องจับผิดจ้าวเทียนอยู่

จะไม่ให้เธอกังวลได้ยังไง แม้แต่เธอที่เป็นผู้หญิงเองยังรู้สึกหลงเสน่ห์เด็กสาวพวกนี้เลย โดยเฉพาะโม่ปิงหยูที่แม้จะมีอายุเพียง12ปี แต่ความสวยงามของเธอเหนืออายุไปไกลมาก

ตอนนี้จ้าวเทียนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่เดียวกับพวกเธอตลอด กินนอนในสถานที่เดียวกัน หากเขาเกิดหลงเสน่ห์เด็กสาวขึ้นมา นั่นก็แย่แล้ว

“ สวยซิ…แต่ตอนนี้พวกเธอยังเป็นเด็กอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอกฉันไม่ได้มีความชอบแบบนั้นแน่นอน ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ภายในใจเขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย

‘ ทำไมคนอื่นถึงชอบคิดว่าฉันเป็นโลลิค่อนนะ…ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ ’

“ ตอนนี้พวกเธอยังเด็ก…แล้วถ้าเป็นอีก3-4ปีละนายชอบไหม โดยเฉพาะน้องปิงหยู ฉันว่าเธอต้องกลายเป็นสาวสวยแน่นอน ” ลี่เหยาเหยาถามอีกครั้ง ที่จริงเธอแค่จะแกล้งจ้าวเทียนเล่นเท่านั้น ยิ่งได้เห็นสีหน้าของเขาเมื่อกี้เธอรู้สึกว่ามันตลกมาก

“ ฉันไม่… ” ในขณะที่เขากำลังจะปฏิเสธไป ภาพของโม่ปิงหยูเวอร์ชันผู้ใหญ่ก็แวบเข้ามาในความคิด ทำให้เขาเผลอใจลอยไปครู่หนึ่ง

ตอนที่จ้าวเทียนเจอกับโม่ปิงหยูบนแดนสวรรค์นั้น เธอดูมีอายุเท่าๆกับลี่เหยาเหยาในตอนนี้ ทั้งยังมีใบหน้าสวยงามทัดเทียมกันอีกด้วย

จึก!

นิ้วเรียวงามจิ้มไปที่แก้มของจ้าวเทียนเบาๆ ทำเอาเขาสะดุ้งเล็กน้อย

“ ดูซิ…ทำหน้าเคลิ้มแบบนี้ยังบอกว่าไม่เป็น ที่แท้นายจะรออีก3ปีงั้นเหรอ ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงอนๆ

โดยที่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอ ทำให้สาวน้อยหนึ่งคนที่แอบฟังอยู่เขินอายจนหน้าแดงแล้ว

โม่ปิงหยูตอนนี้เธอนั่งเอามือทั้งสองปิดแก้มเอาไว้ หัวใจเธอเต้นรัวไม่หยุด อาจารย์ชอบเธองั้นเหรอ อีก3ปีเธอก็จะมีอายุ15ปี

พอถึงตอนนั้น…

‘ อาจารย์คะ…หนูจะรีบโตไวๆนะคะ ’

แต่…ถ้าอาจารย์จะออกจากโลกใบนี้ก่อนสามปีละ เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ใบหน้าเขินอายของเธอก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย

เมื่อต้องคิดว่าวันหนึ่งจะต้องจากกัน เธอก็รู้สึกเหมือนใจสลาย

ความเปลี่ยนแปลงของโม่ปิงหยู ตกอยู่ในสายตาของเด็กสาวอีกสองคน

จ้าวหยูเหมยกับหลินซิงเสวียนมองหน้ากันเองด้วยความสับสน พวกเธอไม่เข้าใจอาการของโม่ปิงหยูว่าเกิดจากอะไร จึงทำได้เพียงเข้าไปสวมกอดไว้เพื่อให้กำลังใจเท่านั้น

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

ที่ลานจอดรถ ตอนนี้ถึงเวลากลับบ้านแล้ว สำหรับเด็กสาวทั้งสามคนนั้นกลับไปพร้อมกับจ้าวเทียน ส่วนลี่เหยาเหยานั้นเธอต้องกลับไปที่ตระกูลลี่

เธอได้สร้างที่พักไว้บนเกาะที่ทะเลสาบมรกตแล้ว เพียงแต่มันยังสร้างไม่เสร็จ จะให้ไปอาศัยอยู่กับจ้าวเทียนในคฤหาสน์ก็ไม่ค่อยเหมาะ

ที่จริงเธอยังมีบางสิ่งที่อยากจะพูดกับจ้าวเทียน เธออยากถามว่าเขาจะชวนพี่กงเสี่ยวเหมยขึ้นแดนสวรรค์ไปด้วยหรือเปล่า

เมื่อโม่ปิงหยูเดินเข้ามาในห้อง จ้าวเทียนก็พบว่าสีหน้าของเธอแปลกไปเล็กน้อย มันขาดความสดใสอย่างในอดีต

“ ปิงหยู…มีอะไรเกิดขึ้นกับหนูรึป่าว ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

“ อาจารย์ค่ะ…หนู ฮือๆ ” โม่ปิงหยูพูดไม่ทันจบก็ปล่อยโฮออกมาทันที

หมับ!

เธอพุ่งเข้าไปกอดจ้าวเทียนไว้แน่น ตัวของเธอสั่นสะท้านไม่หยุด

เมื่อจ้าวเทียนเห็นแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใจ บวกกับรู้สึกถึงความโกรธที่กำลังปะทุขึ้น เขาใช้มือลูบหัวของโม่ปิงหยู ค่อยๆปลอบโยนเธอให้หายเศร้า

‘ ใครมันช่างกล้ามาทำให้ลูกศิษย์ฉันเป็นแบบนี้…ฉันจะจัดการมันให้หลาบจำ ’

ทันใดนั้น สาวน้อยปิงหยูก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมโตที่ปริ่มไปด้วยน้ำตาจ้องมาที่จ้าวเทียนอย่างน่าสงสาร ทำเอาเขารู้สึกปวดใจไปครู่หนึ่ง

“ อาจารย์…อย่าทิ้งหนูไปนะ ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นครือ

!!

จ้าวเทียนอึ้งไปเล็กน้อย นี่สรุปคนที่ทำให้ศิษย์เขาเสียใจเป็นตัวเขาเองงั้นเหรอ

ส่วนเรื่องคำพูดของเธอนั้น พอลองคิดย้อนไปถึงเรื่องที่คุยกับลี่เหยาเหยาวันนี้ ในตอนนั้นโม่ปิงหยูคงจะแอบฟังอยู่ด้วย

‘ เธอคงกลัวฉันจะทิ้งเธอไว้บนโลก…เพราะฉันไม่ได้ชวนเธอแบบลี่เหยาเหยา ’

“ เด็กโง่…อาจารย์ไม่ทิ้งหนูแน่นอน ตั้งแต่วันที่ฉันรับหนูเป็นศิษย์ นั่นก็หมายถึงพวกเราจะขึ้นแดนสวรรค์ไปด้วยกัน รวมทั้งแม่ของหนูด้วย ”

“ เคล็ดวิชาระดับสูงที่ฉันมอบให้…นั่นก็สำหรับใช้ต่อสู้บนแดนสวรรค์ ” จ้าวเทียนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ จริงเหรอคะ… ” โม่ปิงหยูมีสีหน้ามีความสุขทันที เมื่อได้ยินคำอธิบายของจ้าวเทียน

‘ ที่จริงแล้ว…อาจารย์ต้องการพาฉันขึ้นแดนสวรรค์ไปด้วยกันตั้งแต่แรก ’

หลังจากที่เธอได้รับคำยืนยันจากจ้าวเทียนแล้ว เธอก็ออกจากห้องไปอย่างมีความสุข

จ้าวเทียนนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา โม่ปิงหยูนั้นมีแต่แม่เพียงคนเดียว บางทีเธออาจจะมองเขาเป็นเหมือนพ่อ ทำให้รู้สึกผูกพันเป็นพิเศษ

‘ อันดับแรกฉันคงต้องแก้ปัญหาเรื่องเซียนนภาก่อน…ถึงจะพาทุกคนขึ้นไปที่แดนสวรรค์ได้ ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน