ภายในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือ อ๋าวเฟิงได้เดินมานั่งลงที่โซฟา เขามองดูชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสนใจ ไม่ได้มีโทสะต่อการกระทำของจ้าวเทียนแม้แต่น้อย
“ น่าแปลก…เธอมองเห็นร่างที่แท้จริงของฉันได้ด้วยรึ ” เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แววตาของเขาทอประกายเจิดจ้า จนจ้าวเทียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายสามารถมองเห็นความลับทั้งหมดของเขาได้
“ ผู้อาวุโส…คุณเป็นใครกันแน่ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความกังวล การที่อีกฝ่ายสร้างร่างทิพย์ได้นั้น ขั้นต่ำจะต้องอยู่ที่ขอบเขตเทพโลกาขึ้นไป ซึ่งมันเกินขีดจำกัดขอบเขตพลังของโลกวัตถุไปแล้ว
“ ดูเหมือนเธอจะรู้อะไรมากกว่าที่ฉันคิด…ก่อนอื่นเลยทำไมไม่แนะนำตัวเองก่อนล่ะ ผู้ข้ามผ่านกาลเวลาเอ๋ย ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มลึกลับ
!!
“ นี่คุณ… ” จ้าวเทียนมีสีหน้าเปลี่ยนไป แววตาเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง
วูป!
กระบี่คู่กายปรากฏขึ้นด้านข้าง หากมีอะไรผิดพลาดเขาพร้อมถอยทันที
“ เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก…ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจ
แป้ก!
เขาดีดนิ้วเบาๆ สภาพแวดล้อมรอบๆก็เปลี่ยนไป
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนปรากฏตัวอยู่ใน โบราณสถานแห่งหนึ่งที่อยู่ลึกลงไปใต้ทะเล โดยมีสนามพลังขนาดใหญ่ครอบเอาไว้ ทำให้น้ำทะเลไม่สามารถเข้ามาได้
เพียงแต่ว่า…
ด้านนอกม่านพลังสีฟ้าสดใส จ้าวเทียนสามารถมองเห็นดวงตาขนาดใหญ่มหึมากำลังจ้องมองมาที่ตัวเขา
แค่เพียงนัยน์ตาสีทองของมัน ก็ใหญ่กว่าโบราณสถานแห่งนี้แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงส่วนหัวทั้งหมดของมังกรตัวนี้เลย
“ นี่…คุณเคลื่อนย้ายผมลงมางั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เขาเก็บกระบี่กลับเข้าไปในร่าง ในเมื่อมาถึงขั้นนี้การหลบหนีคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ ตอนแรกฉันเพียงแค่อยากพบชายหนุ่มที่ต้วนมู่เฉียนชื่นชมเท่านั้น…แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้ข้ามกาลเวลา ไม่ต้องห่วงหรอกฉันไม่ได้ประสงค์ร้ายจริงๆ ”
“ ที่ฉันย้ายเธอลงมาสถานที่แห่งนี้…เพื่อให้มั่นใจว่าความลับที่เราคุยกันจะไม่ถูกบุคคลที่สามล่วงรู้ ” อ๋าวเฟิงอธิบายด้วยท่าทีเป็นมิตร
เพียงเขาโบกมือเบาๆ
วูป!
ชุดโต๊ะน้ำชาหรูหรา ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียน จากนั้นเขาก็แสดงท่าทางต้อนรับขับสู้เป็นเจ้าบ้านที่ดี
หลังจากที่ทั้งสองดื่มน้ำชาไปคนละจอก อ๋าวเฟิงก็เริ่มเปิดการสนทนาขึ้น
“ บอกที่มาของเธอให้ฉันรู้ได้ไหม…เหตุใดถึงมีกลิ่นอายของเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งกาลเวลาอยู่ในดวงวิญญาณของเธอ จากที่ฉันรู้มันควรจะสูญหายไปพร้อมกับแดนสวรรค์โบราณเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ” อ๋าวเฟิงถามขึ้นด้วยท่าทีสนใจ
เขาใช้มือลูบไปที่เครายาวสีขาวอย่างช้าๆ
ท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนนักปราชญ์อาวุโสที่มีเนตรแห่งปัญญา กำลังจ้องมองมาทางจ้าวเทียนอย่างจริงจัง ไม่มีคำโกหกใดหลอกลวงเขาได้เด็ดขาด
“ ผมขอทราบตัวตนของผู้อาวุโสก่อนได้ไหม…ไม่อย่างนั้น ความลับของผมอาจจะทำให้คุณเดือดร้อนได้ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง
อ๋าวเฟิงมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ ในเมื่อเธออยากรู้…ฉันก็จะให้เธอได้เห็นมันกับตาก็แล้วกัน ”
สิ้นเสียงของอ๋าวเฟิง แสงสีทองก็ระเบิดขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียน
วูป!
!!
หลังจากที่แสงนั้นได้หายไป จ้าวเทียนก็พบว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในความมืดมิด ที่มองไม่เห็นแม้แต่ร่างกายตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจมอยู่ในความมืดเนิ่นนานเท่าไหร่
จนกระทั่ง…
ดวงแสงสีทองขนาดใหญ่ได้ถือกำเนิดขึ้น ท่ามกลางความมืดทั้งหมด มันมีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายกับดวงดาว และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ
ไม่รู้ว่าผ่านกาลเวลาไปกี่ล้านปี เจ้าสิ่งนี้มันก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนแทบจะยึดครองพื้นที่ทั้งหมดในความมืดมิดที่จ้าวเทียนเห็น
“ สิ่งที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้…คือจักรวาลแห่งนี้ ”
เสียงของอ๋าวเฟิงดังขึ้นในความคิดของเขา
“ เป็นไปไม่ได้…ดวงแสงแค่นี้มันจะกลายเป็นจักรวาลอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ ตอนนี้เธอกำลังมองผ่านความทรงจำของฉันอยู่…ที่เธอเห็นว่าดวงแสงนี้มีขนาดเล็กนั้น เพราะเธอมองผ่านดวงตาของฉันไงล่ะ ”
“ จงดูเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ให้ดี! ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องที่ดวงแสงกลมๆตรงหน้าอีกครั้ง ในตอนนี้มันได้มีขนาดใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่…
ตอนนี้ในสายตาของจ้าวเทียนมองเห็นเพียงดวงแสงที่ลอยอยู่ตรงหน้าเท่านั้น เขารู้สึกว่ามันมีขนาดใหญ่กว่าเดิมนับล้านเท่า
!!
แควกก!
มีบางอย่างกำลังโจมตีดวงแสงจากด้านใน มันคล้ายกับเปลือกไข่ที่กำลังถูกกะเทาะออกมา
เปรี้ยงง!
เขามองเห็นขวานขนาดยักษ์ได้เฉือนดวงแสงออกเป็นสองส่วน ทำให้พลังงานอันมหาศาลที่กักเก็บอยู่ด้านในระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
บูมมม!
ความมืดที่อยู่รอบๆได้ถูกพลังงานที่ระเบิดออกมากลืนกิน ท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้า เขามองเห็นยักษ์ตัวใหญ่มหึมาร้องคำรามอย่างดุดัน
อ้ากกกก!
สิ่งที่คล้ายกับเปลือกไข่ในตอนแรก ก็ได้แตกสลายออกเป็นฝุ่นผงกระจายไปในความมืดมิดรอบๆ จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นดวงดาวมากมาย
“ จักรวาลแห่งนี้…เกิดขึ้นจากพลังของยักษ์ตนนี้ ”
“ เขามีนามว่า…ผานกู่ ”
ถึงตอนนี้จ้าวเทียนได้ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแล้ว สิ่งที่ได้เห็นมันเกินความเข้าใจของเขาไปมาก ประสบการณ์นับแสนปีของเขากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
!!
แม้แต่สายธารแห่งมิติเวลาก็ยังโดนผนึกเอาไว้
“ นี่เป็นการกระทำของฉันเอง…สิ่งที่อยู่ในโลกแห่งนี้ มันไม่สมควรจะปรากฏขึ้น ”
“ ฉันจึงต้องผนึกมันเอาไว้ ”
“ แต่เพราะการกระทำในครั้งนั้น ตัวฉันจึงต้องดับสูญไป ”
ตอนนี้ภาพทั้งหมดในสายตาจ้าวเทียนก็ได้แตกสลายไปเหมือนเศษกระจก ตัวเขาได้กลับมาอยู่ในโบราณสถานอีกครั้ง
ตรงหน้าของเขาก็คืออ๋าวเฟิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่อย่างสบายใจ ทั้งยังส่งรอยยิ้มจริงใจมาให้อีกด้วย
“ หลังจากที่ฉันดับสูญไป…ก็ได้ถือกำเนิดใหม่อีกครั้งบนโลกใบนี้ แต่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ผ่านเวลาไปหลายล้านปี ถึงจะได้ความทรงจำกลับคืนมา ”
“ ช่วงเวลาที่ร่างจริงของฉันอยู่บนโลก…ฉันก็ได้ส่งร่างทิพย์ขึ้นไปบนแดนสวรรค์ ทำให้ได้รู้เรื่องราวต่างๆมากมาย ”
“ แม้แต่ในวันที่แดนสวรรค์โบราณล่มสลาย…ฉันก็ได้เห็นมันกับตาตนเอง ”
“ ผู้อาวุโส…สิ่งที่อยู่ในแกนโลกมันคืออะไรกันแน่ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความกังวล เขาไม่คิดว่าโลกใบนี้จะมีความลับที่น่ากลัวซ่อนอยู่
“ ตอนนี้เธอยังไม่สมควรรู้…พลังของเธออ่อนแอเกินไป เท่าที่ฉันทำให้เธอได้เห็นในวันนี้มันก็มากพอแล้ว แม้แต่ต้วนมู่เฉียนเองยังไม่มีโอกาสได้รู้เลย ”
“ เธอรู้เพียงแค่ว่าภารกิจของฉันคือต้องปกป้องโลกใบนี้ก็พอ ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ผู้อาวุโสรู้จักกับผู้อาวุโสต้วนมู่ได้ยังไงครับ…จากที่ผมทราบมา ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้อาวุโสต้วนมู่ได้ช่วยชีวิตคุณไว้ ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย
พลังของชายชราที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งมาก มันอยู่เหนือไปกว่าพลังของต้วนมู่เฉียนหลายขุม
“ ฮาฮา เรื่องนี้เองรึ…นั่นเป็นความจริงนะ ตัวเธอคงรู้เรื่องข้อจำกัดของโลกใบนี้ดีใช่ไหม แม้ว่าฉันจะเลือกผนึกร่างที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ ”
“ แต่เพราะพลังของฉันที่มันเพิ่มมากขึ้นทุกที…ทำให้ฉันต้องแยกวิญญาณแบ่งพลังทั้งหมดของตัวเองออกเป็น 9 ส่วน แล้วผนึกไว้ตามสถานที่ต่างๆ ”
“ ชิ้นส่วนวิญญาณของฉันก็เติบโตขึ้นเป็นมังกร 9 ตัว…ร่างที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในมังกร 9 ตัวนั้น พวกเราแบ่งความทรงจำร่วมกัน แต่มีนิสัยไม่เหมือนกัน ”
“ เพราะดวงวิญญาณของฉันเองก็มีจิตมารซ่อนอยู่…จากมังกรทั้ง 9 ตัวที่เกิดขึ้นมี 3 ตัวที่เป็นมังกรมาร มีนิสัยดุร้าย อีก 5 ตัวที่เหลือเป็นมังกรเทวะ อาจจะมีนิสัยไม่ดุร้ายเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ค่อยเป็นมิตรกับมนุษย์นัก ”
“ ส่วนตัวฉันที่เธอคุยด้วยในตอนนี้…คือจิตวิญญาณหลักที่มีชีวิตมายาวนานที่สุด ฉันได้เฝ้าดูมนุษย์อย่างพวกเธอตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้น บางครั้งฉันเองก็ยังเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับพวกเธอเหมือนกัน ”
“ เมื่อได้เห็นพวกเธอสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้อ๋าวเฟิงก็จิบชาเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“ เมื่อ 5 ปีก่อน…หนึ่งในร่างมังกรมารเกิดคลุ้มคลั่ง จนต้องการจะกลืนกินฉัน พวกเราต่อสู้กันในเขตแดนผนึกอย่างรุนแรง แม้ว่าฉันจะได้รับชัยชนะและผนึกมันเอาไว้ในท้ายที่สุด แต่อาการบาดเจ็บในตอนนั้นก็สาหัสเป็นอย่างยิ่ง ”
“ ตอนนั้นต้วนมู่เฉียนก็เป็นคนช่วยชีวิตฉันเอาไว้…หลังจากนั้นพวกเราก็คบกันเป็นสหาย ตัวเขาเองเคยมาชวนฉันให้เข้าร่วมกับประเทศจีน แต่ก็ถูกฉันปฏิเสธไป ”
“ ภารกิจของฉันมีเพียงแค่ปกป้องโลกใบนี้…ส่วนเรื่องบุญคุณความแค้นของพวกมนุษย์ ฉันขอไม่เกี่ยวข้อง ” อ๋าวเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ถ้าเป็นแบบนั้น…แล้วเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ละครับ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความกังวล ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย เขาจะไปต่อสู้กับผู้มีพลังระดับ S สองคนได้อย่างไร
“ ภายในเขตแดนวารีของฉัน…ไม่สามารถใช้พลังเกินขอบเขตเซียนได้ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นแววตาของจ้าวเทียนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ ภายในขอบเขตเซียนเขาเองก็ไม่เคยกลัวใครเช่นกัน
“ เอาล่ะ…ทีนี้เธอจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟังได้รึยัง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...