ย้อนกลับไปสามสิบนาทีก่อนหน้านี้
ภายในโบราณสถานใต้ทะเล หลังจากที่อ๋าวเฟิงได้ตรวจสอบเมล็ดพันธุ์สุริยันของจ้าวเทียนอย่างจริงจังเรียบร้อย
“ น่าสนใจ…สมกับเป็นเคล็ดวิชาของซวนตี้เหยียนจริงๆ ” อ๋าวเฟิงพยักหน้าชื่นชม
“ ผู้อาวุโสรู้จักผู้คิดค้นเคล็ดวิชาหมื่นตะวันด้วยเหรอครับ ” จ้าวเทียนถามด้วยความสงสัย ตัวเขาไม่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเคล็ดวิชานี้นัก
ในตอนที่เขาค้นพบเคล็ดวิชานี้ที่คลังสมบัติของมหาเทพองค์ก่อน มันก็ไม่ได้มีบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติของเคล็ดวิชาเอาไว้
หากไม่ใช่ว่ามันถูกเก็บเอาในส่วนสำคัญของคลังสมบัติ บางทีเขาอาจจะไม่สนใจมันเลยก็ได้ ภายหลังจากที่ลองศึกษาดูถึงได้รู้ว่าเป็นเคล็ดวิชาขั้นสูงสุดในระดับเทวะ
ส่วนเหตุผลที่มหาเทพองค์ก่อนไม่ได้ฝึกฝนมัน คงเป็นเพราะต้องเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้น อีกทั้งไม่รู้ว่าจะไปหาแก่นแท้ดวงตะวันจากที่ไหน
ต้องยอมรับว่าตัวจ้าวเทียนนั้นโชคดีมาก ที่ได้รับการยอมรับจากเทพธิดาซวนเฉวียนและได้แก่นแท้ดวงตะวันมา ไม่อย่างนั้นเมื่อฝึกไปถึงขั้นโลกา เขาอาจจะต้องตามหาของสิ่งนี้จนหัวหมุน
“ ใช่…ฉันรู้จักดีเลยล่ะ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตยุคแรกที่ได้สืบทอดพลังของผานกู่ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแดนสวรรค์โบราณ ” อ๋าวเฟิงตอบด้วยใบหน้าจริงจัง
!!
เมื่อเห็นใบหน้าตกตะลึงของจ้าวเทียน อ๋าวเฟิงก็ยิ้มออกมา หลังจากที่จิบชาเบาๆ เขาก็ได้พูดต่อ
“ เธอรู้ไหม…ในยุคแรกของจักรวาล แดนสวรรค์โบราณเป็นผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียว ในตอนนั้นแม้จะมีสิ่งมีชีวิตทรงอำนาจอื่นก่อตั้งขุมกำลังของตัวเองขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจเทียบกับแดนสวรรค์โบราณได้ ”
“ สามผู้ก่อตั้งแดนสวรรค์โบราณในตอนนั้น…คือผู้ปกครองที่แท้จริง ” อ๋าวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้ว่าตัวเขาจะอยู่มานานตั้งแต่ยุคก่อกำเนิดจักรวาล แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าสามารถเอาชนะทั้งสามคนนั้นได้
“ หากแดนสวรรค์โบราณเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง…งั้นทำไมถึงได้เกิดมหาสงครามละครับ ” จ้าวเทียนถามขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่าสิ่งที่อ๋าวเฟิงเล่ามันขัดแย้งกับประวัติศาสตร์ที่แท้จริง
“ มันเป็นเพราะสามผู้ปกครองได้หายไปไงล่ะ…หลังจากก่อตั้งแดนสวรรค์โบราณได้ประมาณสิบล้านล้านปี พวกเขาก็ได้หายตัวไป ทำให้ขุมกำลังอื่นๆฉวยโอกาสผงาดขึ้นมาบ้าง ”
“ และแดนนรกอเวจีคือขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด…ในบรรดาขุมกำลังอื่นๆนอกจากแดนสวรรค์โบราณ ทำให้เกิดการต่อสู้ช่วงชิงกันหลายร้อยล้านล้านปี ”
“ จนสุดท้าย…ก็ได้เกิดเป็นมหาสงครามสิ้นยุคอย่างที่เธอได้รู้มา ” อ๋าวเฟิงได้อธิบายให้จ้าวเทียนฟังอย่างละเอียด
“ สามผู้ปกครอง…พวกเขาหายไปไหนเหรอครับ ” จ้าวเทียนถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด เรื่องที่ได้ยินมันได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเขาอย่างสิ้นเชิง
‘ หากที่ผู้อาวุโสเล่ามาเป็นเรื่องจริง…ผู้ปกครองทั้งสามต้องแข็งแกร่งขนาดไหนถึงอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทรงอำนาจทั้งหมด ’
‘ เพราะเท่าที่ฉันรู้มา…สมัยก่อนมีจักรพรรดิเทพเกิดขึ้นมากมาย แม้แต่ในสงครามครั้งสุดท้ายยังมีขอบเขตจักรพรรดิเทพเข้าร่วมเกือบยี่สิบองค์’
“ พวกเขาหายไปไหน…ฉันเองก็ไม่รู้ ” อ๋าวเฟิงตอบออกมาเบาๆ นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาสงสัยมาเนิ่นนาน แม้ว่าจะพยายามค้นหาเบาะแสมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ
“ เอาล่ะ…เรามาพูดกันถึงเรื่องเคล็ดวิชาของเธอดีกว่า เท่าที่ฉันรู้มามันได้รับการสืบทอดมาจากศิษย์เพียงคนเดียวของผู้ปกครองซวนตี้เหยียน ”
“ หลังจากผ่านมาหลายร้อยล้านล้านปีจนถึงมหาสงครามครั้งสุดท้าย…เธอคงจะเป็นรุ่นที่สิบ ”
!!
เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวเทียนก็มีแววตาเปลี่ยนไป…
“ ผู้อาวุโสจะบอกว่า…ในช่วงเวลายาวนานขนาดนั้น มีผู้ฝึกวิชานี้เพียงแค่สิบคนเหรอครับ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ” จ้าวเทียนมีท่าทีไม่เชื่อถือ
วิชาที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะไม่มีคนฝึกได้อย่างไร แค่ลูกหลานของผู้สืบทอดแต่ละรุ่นก็น่าจะเกินสิบคนไปมากแล้ว
“ มันเป็นเรื่องจริง…ส่วนเหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็เพราะกฎที่ผู้ก่อตั้งวิชาตั้งเอาไว้ มันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาทุกคนไม่อาจละเมิดได้เด็ดขาด ”
“ เคล็ดวิชาหมื่นตะวัน…จะสืบทอดได้เพียงคนเดียวในแต่ละรุ่นเท่านั้น! ”
อ๋าวเฟิงมองสีหน้าสงสัยของจ้าวเทียน แล้วพูดขึ้นต่อ
“ ยกตัวอย่างง่ายๆ…หากผู้สืบทอดรุ่นที่สองยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีผู้สืบทอดรุ่นที่สี่เกิดขึ้น ผู้สืบทอดรุ่นที่สามต้องรอให้อาจารย์ดับสูญไปก่อน จึงจะรับศิษย์ได้ ”
“ เธอรู้เหตุผลของมันไหม ” อ๋าวเฟิงถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ แก่นแท้ดวงตะวัน…ใช่ไหมครับ ” จ้าวเทียนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ ถูกต้อง…เป็นเพราะแก่นแท้ดวงตะวัน ของสิ่งนี้เกิดจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะดับสูญ ช่วงเวลาหลายล้านล้านปีถึงจะเกิดขึ้นซักครั้ง ”
“ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สืบทอดของตนเข่นฆ่ากันเอง…เพื่อช่วงชิงแก่นแท้ดวงตะวัน จึงตรากฎนี้ขึ้นมา”
“ ในจักรวาลจะมีคนหลอมรวมกับแก่นแท้ดวงตะวันได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และฉันขอบอกเธอไว้อย่างนะ ”
“วาจาสิทธิ์ที่ผู้ปกครองเอ่ยออกมา…มันสามารถเปลี่ยนแปลงกฎของจักรวาลได้ หากมีผู้ฝ่าฝืนจะโดนพลังของจักรวาลทำลายทันที ”
“ แม้ว่าผู้ปกครองจะไม่อยู่แล้ว…แต่กฎนี้จะคงอยู่ในจักรวาลตลอดไป จนกว่าจะมีผู้ปกครองคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่ามาเปลี่ยนมัน ”
ตอนนี้จ้าวเทียนรู้สึกหนาวเย็นที่แผ่นหลัง ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเคร่งเครียด
“ ผู้อาวุโส…ในยุคนี้มีผู้สืบทอดเคล็ดวิชาหมื่นตะวันคนอื่นไหมครับ ”
“ ข้อนี้ฉันเองก็ไม่รู้…แต่หลังจากรุ่นที่เก้าดับสูญไปในมหาสงคราม เธอเป็นคนแรกที่ฉันพบว่าฝึกวิชานี้ ”
“ ไม่ต้องกังวลไปหรอก…การที่เธอยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่หลอมรวมแก่นแท้ดวงตะวันแล้ว นั่นหมายความว่าเธอคือรุ่นที่สิบ ”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากอ๋าวเฟิง จ้าวเทียนจึงค่อยผ่อนคลายความเคร่งเครียดลง
ตอนนี้ตัวเขาได้รู้แล้วว่าทำไมอ๋าวเฟิงถึงสนใจเคล็ดวิชาหมื่นตะวันขนาดนี้ เพราะมันคือเคล็ดวิชาที่ถูกสร้างโดยสิ่งมีชีวิตระดับผู้ปกครองจักวาล
เมื่ออ๋าวเฟิงเห็นว่าจ้าวเทียนเตรียมตัวพร้อมแล้ว เขาก็โบกมือเบาๆ
ครืนน
เลือดมังกรได้กลืนกินจ้าวเทียนเข้าไปทั้งตัว
อ้ากกก!
เสียงคำรามของจ้าวเทียนดังขึ้นแทบจะทันที ความเจ็บปวดที่เขาได้รับมันมากกว่าตอนหญ้ามังกรเป็นสิบเท่า
จนกระทั่งสิบห้านาทีผ่านไป กระบวนการทั้งหมดก็ได้เสร็จสิ้น จ้าวเทียนตอนนี้แม้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก แต่แววตาของเขากลับทอประกายเจิดจ้า
เหมือนกลายเป็นคนใหม่…
แกร่กก!
เพียงแค่เขาเผลอปล่อยพลังออกมานิดเดียว พื้นที่ยืนอยู่ก็เกิดเป็นรอยแตกร้าวทันที เขารู้สึกถึงพลังอันมหาศาล กำลังปะทุออกมาจากเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายอย่างรุนแรง
“ ขอบเขตเซียนระดับสูง! ”
กลับมาในเวลาปัจจุบัน
บนลานกว้างที่ถูกจัดเตรียมไว้ ตอนนี้ตัวแทนแต่ละฝ่ายได้นั่งประจำที่เพื่อเตรียมตัวจะเปิดประเด็นสู่เรื่องราวที่สำคัญ
จ้าวเทียนมองไปทางฝ่ายตรงข้ามสองขั้วอำนาจใหญ่ระดับโลก จากการประเมินอย่างคร่าวๆของเขา อีกฝ่ายคือผู้มีพลังดับ S สองคนไม่ผิดแน่ ส่วนที่เหลือก็เป็นระดับ A ที่มีความหนาแน่นของพลังสูงมาก เทียบเท่ากับขอบเขตเซียนระดับสูงสุด
หากวันนี้ต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ ก็ถือเป็นศึกหนักของเขาเลย เพราะแม้ว่าเขตแดนวารีของผู้อาวุโสอ๋าวเฟิงได้จำกัดขอบเขตพลังให้อยู่ในระดับเซียนเท่ากัน
ฝ่ายตรงข้ามก็สามารถใช้พลังของขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดได้ และคนพวกนี้มาจากโลกทิพย์ย่อมเหนือกว่าศัตรูที่ผ่านมา ในขณะที่ตัวเขายังอยู่ห่างจากขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดอยู่หนึ่งขั้นย่อย
‘ แต่ผลจากการหลอมรวมเลือดมังกรเมื่อกี้…ทำให้ความแข็งแกร่งของร่างกายฉันทะลุขีดจำกัดเช่นกัน เมื่อรวมกับขอบเขตที่เพิ่มขึ้นถึงสองขั้น ทำให้ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าพลังที่แท้จริงของตัวเองอยู่ในระดับไหน ’
เพราะในชาติก่อนจ้าวเทียนไม่ได้เดินในเส้นทางแห่งเซียนแบบนี้ ทั้งยังไม่เคยฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นตะวัน เขาเลยไม่รู้ว่าหลังการทลายขอบเขตเมื่อครู่ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นขนาดไหน
‘ คงมีแต่การต่อสู้เท่านั้น ถึงจะทำให้รู้ระดับพลังที่แท้จริงของฉันในตอนนี้ ’
ดวงตาเฉียบคมของจ้าวเทียนกวาดมองตัวแทนของมหาอำนาจทั้งสี่คน ก่อนจะไปหยุดที่ชายผมแดงที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังจ้องมาทางเขาด้วยแววตาเย่อหยิ่ง
‘ ดูเหมือน…ฉันจะพบเป้าหมายแล้ว ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...