จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 95

ตอนที่จ้าวเทียนกำลังตรวจสอบอีกฝ่าย ตัวเขาเองก็โดนคนพวกนั้นตรวจสอบเช่นกัน ทั้งยังง่ายดายกว่าวิธีที่จ้าวเทียนใช้มาก ตรวจสอบเอาจากกลิ่นอายก็รู้ได้ทันที

ซึ่งทางฝ่ายของสองมหาอำนาจก็ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เนื่องจากพวกเขาสามารถยืนยันได้แล้วว่าจ้าวเทียนไม่ใช่คนจากโลกทิพย์ กลิ่นอายจากร่างกายของจ้าวเทียนเป็นของโลกวัตถุ

ทางฝั่งของศาสนจักรแห่งแสงเมื่อได้รู้ความจริงก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากนัก พวกเธอไม่ได้ดูถูกความสามารถของคนบนโลกวัตถุ ในกรณีของต้วนมู่เฉียนก็เห็นได้ชัดเจนอยู่

แต่ไม่ใช่สำหรับฝั่งอเมริกา โดยเฉพาะเฮลเฟลที่ถือตนว่ามาจากโลกระดับสูงกว่า ทำให้ดูถูกคนจากโลกวัตถุที่มีระดับต่ำ

ในตอนแรกเขาเห็นว่าจ้าวเทียนมีความสามารถด้านไฟเช่นกัน เลยคิดว่าเป็นคนที่มาจากโลกแห่งเปลวเพลิงเหมือนกับตัวเขา เลยต้องการจะดึงไปเป็นพวก เพื่อคานอำนาจกับธันเดอร์

‘ ที่แท้ก็เป็นพวกชนพื้นเมืองโลกวัตถุ…เสียเวลาฉันจริงๆ เอาเถอะคิดซะว่ามาเที่ยวกับออโรร่าก็แล้วกัน ’

“ พวกเธอคุยกันตามสบาย…ไม่ต้องสนใจฉัน ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นแบบสบายๆ เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบ เหมือนกำลังรอดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น

เมื่อได้ยินแบบนั้นธันเดอร์ก็ลอบหัวเราะภายในใจ เขาคิดแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ เพราะเขารู้นิสัยของไอ้เฒ่าคนนี้ดี

“ นายชื่อจ้าวเทียนใช่ไหม…ฉันเป็นใครนายคงจะรู้อยู่แล้ว ที่พวกเรามาในวันนี้เพราะต้องการจะพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะนาย ”

“ ก่อนอื่นเลย…เรื่องพลังที่นายแสดงออกมา มันเป็นอันตรายต่อโลก หากวันไหนนายเสียการควบคุมขึ้นมาจะต้องมีผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วน ”

“ เพราะฉะนั้นในนามขององค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อปกป้องโลก…คงต้องให้นายมาอยู่ในความดูแลของพวกเราซักพัก ” ธันเดอร์พูดด้วยใบหน้าจริงจัง แต่ในใจเขารู้สึกเบื่อหน่าย เพราะเขาพูดประโยคพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

ทุกครั้งที่มีการค้นพบผู้มีพลังพิเศษ ก็จะเริ่มจากโน้มน้าวก่อน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยอมก็กำจัดซะ เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่องค์กรซีลด์ถูกก่อตั้งขึ้น

“ ฉันควบคุมพลังของตัวเองได้…พวกคุณไม่ต้องกังวล ” จ้าวเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชา ทำไมเขาจะมองอีกฝ่ายไม่ออก

เหตุผลที่อีกฝ่ายบอกมามันไร้สาระมาก ถ้ายึดตามที่พวกเขาบอกแสดงว่าผู้ที่มีพลังพิเศษระดับสูงทั่วโลกคงต้องไปเข้าร่วมกับอเมริกาหมด

“ ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ” ธันเดอร์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

สายตาของเขาไม่ได้มองที่จ้าวเทียนแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา ตอนนี้เขากำลังสังเกตความเคลื่อนไหวของโซเฟียอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งอยู่ เขาก็รู้สึกโล่งใจ

ในขณะที่ธันเดอร์กำลังจะลงมือนั้นเอง…

“ จ้าวเทียนนายสนใจมาเข้าร่วมศาสนจักรแห่งแสงไหม ” ออโรร่าถามขึ้นด้วยรอยยิ้มจริงใจ ทำให้ทุกคนหันไปมองที่เธอกันหมด แม้แต่ตัวโซเฟียเองก็มีท่าทีสงสัยต่อความคิดของลูกศิษย์

!!

“ ออโรร่านี่คุณ… ” เฮลเฟลร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าคนพูดจะเป็นออโรร่า ไม่ใช่ท่านหญิงโซเฟีย สายตาของเขากวาดมองไปทางจ้าวเทียนอีกครั้ง

แววตาของเขาเริ่มดุดันขึ้น

‘ อย่าบอกว่า…เธอสนใจไอ้เด็กนี่นะ ’

จ้าวเทียนเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน แต่เขาก็ยังคงยืนยันความคิดเดิม

“ ผมไม่สนใจ ”

“ นายจะไม่ลองเปิดใจดูหน่อยเหรอ…องค์กรของเราเหนือกว่ารัฐบาลจีนมากนะ ถ้านายกังวลเรื่องทรัพยากรฝึกตน นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ตอนนี้เรามีสาขาอยู่ที่ประเทศจีนด้วย สามารถจัดหาทรัพยากรให้นายได้แน่นอน ”

ออโรร่ายังคงยื่นข้อเสนออีกครั้ง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงปฏิเสธ เธอจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย

‘ ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา…คงน่าเสียดายหากต้องถูกพวกอเมริกากำจัดไป ’

บูมมม!

เปลวไฟระเบิดออกมาจากร่างของเฮลเฟลอย่างรุนแรง ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้ว จ้าวเทียนต้องตายที่นี่

ฝ่ายธันเดอร์เมื่อมองเห็นว่าเฮลเฟลกำลังจะจัดการจ้าวเทียน เขาก็ยอมถอยออกมา อย่างไรซะจ้าวเทียนก็ต้องตาย ส่วนจะตายเพราะใครเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

ครืนนน

ม่านพลังสีฟ้าโปร่งใสได้ครอบเกาะทั้งหมดเอาไว้

“ เขตแดนวารี! ”

!!

ทุกคนหันกลับไปมองอ๋าวเฟิงทันที ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนบอกเองว่าจะดูอยู่เฉยๆ ทำไมถึงได้สอดมือเข้ามา

“ ฉันก็แค่ปกป้องเกาะของฉัน…พวกเธอเชิญสู้กันตามสบายเถอะ ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยเสียงเฉยชา

“ เขตแดนนี้…จำกัดพลังของฉันเหลือแค่ระดับ A ” ธันเดอร์พูดออกมาด้วยความกังวล นี่มันต่างจากที่เขาคิดไว้ ไอ้เฒ่านี่คิดจะเข้าข้างพวกประเทศจีนงั้นเหรอ

“ แต่มันไม่มีผลกับฉัน…ไอ้หนูออกไปเจอกับฉันหน่อย จะได้ตรวจสอบดูว่าแกควบคุมพลังของตัวเองได้จริงไหม ” เฮลเฟลพูดเยาะเย้ยออกมาอย่างลำพองใจ

“ ระวังตัวด้วย…หากไม่ไหวจริงๆก็รีบยอมแพ้ ผู้อาวุโสอ๋าวเฟิงรับปากผู้อาวุโสต้วนมู่แล้วว่าจะคุ้มครองชีวิตเธอ ” หวังฝูหมิงพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เพราะพวกเขารู้จักความน่ากลัวของเปลวเพลิงเฮลเฟลดี

“ เป็นไปไม่ได้…เผ่าพันธุ์ของฉันบรรลุแก่นแท้อัคคีตั้งแต่เกิด จะแพ้เปลวไฟกระจอกๆของแกได้ยังไง ” เฮลเฟลพึมพำออกมาด้วยความไม่เชื่อ

เขายังคงใช้เปลวเพลิงโจมตีอีกหลายครั้ง แต่มันกลับไร้ผล เปลวไฟของอีกฝ่ายได้ทำลายความมั่นใจของเขาอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้จ้าวเทียนสามารถประเมินระดับพลังของตัวเองได้แล้ว ถ้าว่ากันตามตรงอีกฝ่ายโชคร้ายมากที่มาเจอเขา ถ้าเป็นผู้ใช้ธาตุอื่นเขาอาจจะยุ่งยากบ้าง

จะมาดวลเรื่องเปลวไฟกับผู้ฝึกเคล็ดวิชาหมื่นตะวัน มันก็แพ้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะร่างกายของเขาทนความร้อนได้มหาศาล

อีกทั้งเปลวเพลิงสุริยันก็คือเพลิงที่มีระดับสูงสุด มันสามารถกลืนกินเปลวไฟอื่นๆได้อย่างสบาย

“ ตาฉันบ้าง ” จ้าวเทียนพูดด้วยเสียงเย็นชา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายได้เล่นจนพอใจแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเขาตอบโต้บ้าง

“ พายุเพลิงสุริยัน! ”

เปลวเพลิงสีทองระเบิดออกมาจากร่างจ้าวเทียน มันลุกโชนขึ้นสูงหลายร้อยเมตร จากนั้นบิดหมุนวนเป็นเกลียว

เกิดเป็นพายุเปลวเพลิงที่ใหญ่กว่าของเฮลเฟลเกือบสามเท่า มันพุ่งเข้าใส่ศัตรูทันที ด้วยพลังของเคล็ดวิชาหมื่นตะวัน เขาสามารถเลียนแบบกระบวนท่าของธาตุอัคคีได้อย่างง่ายดาย

“ ฉันบรรลุแก่นแท้เปลวเพลิงแล้ว…ไฟของแกแผดเผาฉันไม่ได้ ” เฮลเฟลพูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น

“ ม่านเพลิงโลกันต์! ”

กำแพงไฟที่สร้างขึ้นถูกพายุเพลิงสีทองกลืนหายไปในพริบตาเดียว

ตูมมม!

อ้ากกก!

เฮลเฟลกระเด็นออกไปเกือบร้อยเมตร ตัวของเขาถูกเผาจนไหม้เกรียม บาดแผลบนร่างกายสาหัสเป็นอย่างมาก โชคดีที่เขามีแก่นแท้แห่งอัคคีจึงรอดชีวิตมาได้

“ แก…อั่ก ” เฮลเฟลกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

จ้าวเทียนมองสภาพของฝ่ายตรงข้ามแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“ เหอะ…กล้าใช้ไฟต่อหน้าฉันงั้นเหรอ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน