เยว่อวิ๋นนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าหัวไชเท้าน้อยที่นางกำลังคิดเลี้ยงดูนั้น กำลังวางแผนที่จะเลี้ยงดูนางในอนาคตเช่นกัน
เนื่องจากฟ้าด้านนอกยังสว่างไม่มากนัก ภายในห้องมีเพียงเแสงสว่างสลัวๆ เมื่อรวมกับกลิ่นอับชื้นอากาศจึงไม่น่าพิสมัยนัก เยว่อวิ๋นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะถือชามข้าวต้มเดินเข้าในห้อง
คนบนเตียงยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ลมหายใจแผ่วเบายากจะสังเกตก็ยังไม่แปรเปลี่ยน ทว่าเยว่อวิ๋นกลับรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังหลับอย่างท่าทางที่แสดงออก
“ข้านำข้าวต้มมาให้” นางกล่าวพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง “ยาของเจ้าเล่า ไม่มีงั้นหรือ”
บนโต๊ะด้านนอกไม่มียาวางไว้ นางมองหาดูภายในห้องก็ไม่เห็น อาการของอีกฝ่ายย่ำแย่ขนาดนี้ อย่าบอกนะว่ามารดาใจดำของเขาไม่คิดเตรียมไว้ให้
คำถามถูกตอบกลับมาด้วยความเงียบ บุรุษบนเตียงไม่แม้แต่จะขยับลืมตาด้วยซ้ำ เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่กล่าวอะไรต่อ คนผู้นี้คล้ายมีกลิ่นอายต่อต้านผู้อื่นแผ่ออกมาให้สัมผัสได้
แต่เดิมนางก็ไม่มีนิสัยชอบเอาหน้าร้อนๆ ของตนไปนาบก้นเย็นๆ ของผู้อื่น [1] อยู่แล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าที่ไม่ยี่หระ ความคิดแวบแรกที่ผุดมาคือ หรือว่านางจะปล่อยให้คนผู้นี้ตายไปเช่นนี้เลยดีนะ…
นางแต่งเข้ามาแล้ว ถ้าอีกฝ่ายจากไปนางก็จะกลายเป็นภรรยาม่ายของเซี่ยฉงอวิ๋น บ้านเดิมที่น่ารังเกียจย่อมไม่อาจเข้ามายุ่มย่าม ส่วนทางบ้านเซี่ยเองก็ไม่มีใครอยากแบกรับภาระเลี้ยงดูหญิงม่ายกับบุตรเป็นแน่ สิ่งที่แม่สามีราคาถูกของนางจะทำคงเป็นการเตะส่งแยกบ้านไล่พวกนางสามแม่ลูกออกมา
ชีวิตแบบนั้น มันช่าง…น่าสนใจเสียจริง
ความคิดนี้เปรียบดังกระแสน้ำไหล ลอยผ่านมาแล้วก็ลอยผ่านไป เพราะเจ้าไชเท้าน้อยคู่นั้นไร้มารดาผู้ให้กำเนิด หากต้องมาเสียบิดาอีกคนก็คงจะน่าสงสารแย่
แม้การเป็นภรรยาม่ายสามีตายโดยทิ้งลูกเล็กไว้ให้จะน่าเย้ายวนใจเพียงใด แต่เยว่อวิ๋นก็ตระหนักได้ว่าการมีชีวิตอยู่ของเซี่ยฉงอวิ๋นก็ยังสามารถสร้างประโยชน์ให้นางได้มากกว่าการตายของเขาอยู่สักเล็กน้อย
คิดได้ดังนั้น เยว่อวิ๋นจึงไม่มัวมาคิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย ก็แค่คนป่วยคนหนึ่งมิใช่หรือ ให้มันรู้ไปสิ ว่านางที่อดีตเป็นถึงผู้สืบทอดวิชาแพทย์ของเขาโอสถมีหรือจะจัดการเขาไม่ได้
เซี่ยฉงอวิ๋นยังคงนอนหลับตานิ่ง หูลอบฟังเสียงคนข้างกาย ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ คาดว่าคงจากไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเจ้าสาวหมาดๆ ของเขา จะไม่มีความอดทนเลยสักนิด แค่แสร้งไม่ตอบนางก็ผละจากไปไม่รั้งรอ ไม่รู้ว่าในใจสั่งสมความไม่พอใจเอาไว้มากแค่ไหน
ก็จริง ต้องแต่งให้บุรุษป่วยหนักซ้ำร่างกายยังพิการ สตรีปกติที่ไหนจะยินดีกัน
ไม่สิ…ยังมีคนผู้หนึ่ง ที่ไม่ว่าอะไรก็มิอาจสั่นครอนความตั้งใจของนาง ทว่าน่าเสียดายที่เขาจะไม่มีวันได้พบหน้านางอีกแล้ว
เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้ใบหน้าผู้ที่อยู่ตรงหน้านางจะถูกปกคลุมไปด้วยหนวดเครารุงรังจนยากจะมองเห็นได้ ทว่ากลิ่นอายบรรยากาศหดหู่ที่แผ่ออกมานั้นเห็นได้ชัด
เพียงแต่ไม่ว่าคนบนเตียงจะมีท่าทีอย่างไร ล้วนไม่กระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของเยว่อวิ๋น นางไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วยามโน้มตัวลงไปพยุงจัดท่าทางให้อีกฝ่ายนั่ง
นางนำหมอนมารองด้านหลังให้เขา หลังจากขยับดูจนแน่ใจว่ามั่นคง จึงหันไปหยิบชามข้าวกับไข่ที่ไม่ร้อนมากแล้วขึ้นมาป้อนเขา
เซี่ยฉงอวิ๋นแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่านางยังไม่จากไป ก่อนจะรู้สึกถึงปลายช้อนที่ยื่นมาจ่อริมฝีปากตัวเอง เขาอ้าปากรับช้าๆ ไม่ดึงดัน ด้วยรู้สึกได้ว่าตอนนี้ต่อให้ตนแสดงท่าทางเมินเฉยอย่างไร คนตรงหน้าก็ไม่สนใจเป็นแน่ ดีไม่ดีนางอาจจับเขาเงยหน้าบีบจมูกเทชามข้าวต้มกรอกเข้าปากแบบรวดเดียวด้วยซ้ำ
อย่าถามเลยว่าเขารู้ได้อย่างไร ก็ความรู้สึกมันบอกเช่นนั้น…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม