ในความคิดของเยว่อวิ๋น เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบเหล่านี้ หากถูกเลี้ยงดูดีๆ มีใครบ้างที่ไม่ขาวอวบนุ่มนิ่มดังเช่นซาลาเปา
ทว่าน่าเสียดายนัก ลูกเลี้ยงของนางทั้งสองคนกลับเป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเปื้อนโคลน พวกเขาไม่เพียงมีร่างกายที่ผ่ายผอมแคระแกร็น ทั้งยังเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวชนิดไม่มีที่ว่าง เยว่อวิ๋นที่ปกติเป็นคนอารมณ์ดีเห็นแล้วยังนึกสบถสาปแช่งคนสกุลเซี่ยด้วยความรังเกียจไปหลายต่อหลายรอบ
โดยเฉพาะเซี่ยซื่อแม่สามีราคาถูกของนาง
หากเป็นคนอื่น แม้จะรังแกสองพี่น้องก็ยังพอจะมองข้ามไปได้บ้าง เพียงแต่ตัวแม่เฒ่าเซี่ยนั้นเป็นมารดาของเซี่ยฉงอวิ๋น เด็กสองคนนี้ก็คือสายเลือดแท้ๆ ของนาง เหตุใดจึงปล่อยปละละเลยทิ้งขว้างได้ถึงเพียงนี้เล่า
คิดแล้วเยว่อวิ๋นก็ได้แต่ถอนลมหายใจให้กับชะตาชีวิตของเด็กน้อย เอาเถอะ นางตอนนี้มีศักดิ์ฐานะเป็นมารดาของอีกฝ่ายแล้ว ต่อไปภายหน้าก็ค่อยๆ ดูแลกันไปก็แล้วกัน
ในอดีตเยว่อวิ๋นใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพ แม้จะไม่สันทัดในเรื่องการทำอาหาร แต่ด้านการใช้ชีวิตประจำวันนั้นไม่ถือว่าแย่ หญิงสาวพลิกเสื้อคลุมอังไฟไปมาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ยามส่งเสื้อคืนให้แก่เจ้าของ ข้าวต้มในหม้อก็เริ่มส่งกลิ่นหอมลอยอวล
รอจนเมล็ดข้าวสุกดี นางจึงตักข้าวต้มข้นๆ ใส่ถ้วยให้เด็กสองคน จากนั้นจึงนำไข่ที่ล้างด้วยน้ำเย็นส่งให้ทั้งคู่อีกคนละสองใบ ก่อนจะหันไปจัดการปอกของตัวเอง
“นะ… นี่” ดวงตากลมของเสี่ยวอวี้เบิกกว้าง เด็กหญิงจ้องมองไข่ในมือตัวเองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“ทำไมรึ” เยว่อวิ๋นเงยหน้าจากชามข้าวต้ม พลางเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการงุนงงของเจ้าตัวเล็ก
“ไข่สองใบนี้ ให้เสี่ยวอวี้กินใบหนึ่งก็พอแล้วขอรับ” ต้าเป่าดึงไข่จากมือน้องสาวมาหนึ่งฟอง ก่อนจะส่งคืนมาพร้อมกับไข่ที่อยู่ในมือตนเอง “ท่านพ่อล้มป่วยมานาน ไม่เคยได้บำรุงร่างกายดีๆ ไข่พวกนี้…”
เดิมเขาคิดว่าได้กินแค่ข้าวต้มใสๆ ก็ดีแล้ว นึกไม่ถึงว่ามารดาคนใหม่จะใจดีแบ่งไข่ให้พวกตนถึงคนละสองฟอง
“ใช่ๆ เจ้าค่ะ เสี่ยวอวี้เป็นเด็ก กินแค่ข้าวก็พอแล้วจะได้ไม่สิ้นเปลือง” เห็นพี่ชายเอ่ย เสี่ยวอวี้ก็ตัดใจส่งไข่ที่เหลือในมือคืนให้ด้วยท่าทางเสียดาย
มารดาใจดียอมแบ่งให้ แต่นางจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ อย่างที่พี่ชายบอก ไข่เหล่านี้สามารถเก็บไว้ให้ท่านพ่อกินบำรุงร่างกายได้
เยว่อวิ๋นหลุบตามองมือเล็กที่ยื่นไข่ส่งคืนมาพลางนึกสะท้อนใจ ถึงจะอัตคัดและขัดสนจนตัวเองผ่ายผอมขนาดนี้ ทว่าเจ้าไชเท้าน้อยทั้งคู่ก็ยังคงไม่ลืมที่จะนึกถึงบิดา
นางคิดถึงชีวิตก่อนของตนในวังอ๋อง แม้มีทุกสิ่งพร้อมสรรพ ทว่ากลับไม่เคยมีผู้ใดคิดเผื่อ หรือแสดงความห่วงใยหยิบยื่นส่งให้เลยสักครั้ง ก็ให้อดนึกสะท้อนใจไม่ได้
เพื่อแลกกับความเชื่อใจฮ่องเต้ เสด็จพ่อส่งนางไปอยู่ข้างกายไทเฮาในวังหลวงที่มีแต่อุบายรอบด้าน ยามเติบโตนางเข้ากองทัพที่รอบกายเต็มไปด้วยอันตราย ทุ่มเททุกอย่างแต่ละย่างก้าวล้วนคิดคำนึงถึงบิดามารดาน้องชาย
แต่ในเวลาที่นางบาดเจ็บแทบล้มประดาตาย กลับไม่เคยได้รับคำพูดหรือการกระทำแสดงออกถึงความห่วงใยจากพวกเขาเลยสักประโยค
ที่แท้ความห่วงใยเหล่านี้คือเรื่องปกติของครอบครัวสามัญชนเท่านั้น หรืออันที่จริงเพราะนางไม่เคยใช่ครอบครัวของพวกเขากันแน่นะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม