เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็อยากไปซื้อของอยู่แล้ว ต่อไประหว่างทางถ้าหยิบอะไรออกมา ก็จะได้อ้างว่าเป็นของที่ซื้อมา
เมื่อได้ยินคำพูดของจางเอ้อร์ นางก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบตะกร้า
ตอนจะไป ซูจิ่งสิงที่อยู่บนเตียงก็ยัดกุญแจให้นาง
“เจ้าเอาอันนี้ไป หาโอกาสไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ หลังตรอกอูอี มีของอยู่ข้างใน... เจ้าขนมันออกมาให้หมด”
ขณะที่พูดประโยคสุดท้าย ซูจิ่งสิงก็มองนางอย่างลึกซึ้ง
แต่กู้หว่านเยว่มัวแต่ตกใจจนไม่ได้สังเกตแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้แอบซ่อนของไว้ที่นี่ด้วยหรือ?
สมกับเป็นตัวร้ายในนิยายที่มีสติปัญญาและวรยุทธ์เหนือกว่าฮ่องเต้สุนัขตัวนั้น ดูเหมือนว่าจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วสินะ
กู้หว่านเยว่อยากรู้อยากเห็นมาก “ท่านซ่อนอะไรไว้?”
“เห็นแล้วก็จะรู้เอง”
นักการยังคงรออยู่ข้างนอกประตู กู้หว่านเยว่ไม่สะดวกที่จะถามอะไรมากนัก จึงรับกุญแจมาแล้วรีบออกไป
“บางคนนี่หน้าไม่อายจริง ๆ ไม่รู้ว่าลับหลังแอบไปประจบประแจงอะไรนักการ ถึงได้ไปซื้อของกับพวกเราได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน”
เมื่อเห็นนักการไปลากรถ หลี่ซือซือก็พูดจาเหน็บแนมด้วยความอิจฉา
คนอื่น ๆ ในอีกหลายครอบครัวเห็นกู้หว่านเยว่ช่วยซุนอู่ไว้ ในใจก็รู้ถึงความสามารถของนาง จึงไม่ได้คิดว่ากู้หว่านเยว่ทำเรื่องน่าอับอาย ตรงกันข้าม พวกเขาต่างมองนางด้วยความชื่นชม
ถ้าสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนักการได้ ระหว่างทางก็คงจะสะดวกสบายไม่น้อยเลย
กู้หว่านเยว่ไม่แม้แต่จะมองหลี่ซือซือ ก้าวเท้าเดินไปที่รถลาก ยื่นมือออกไปแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถลากเพื่อหาที่นั่งที่ดีก่อน
ปล่อยให้หลี่ซือซือยืนกระทืบเท้าด้วยความโกรธอยู่ที่เดิม
“กระทืบอะไรนักหนา จะไปซื้อของไหม ถ้าจะไปก็รีบหน่อย ทำชักช้าอยู่ได้!”
จางเอ้อร์ตะคอกใส่หลี่ซือซือ
หลี่ซือซือตัวสั่นด้วยความกลัว รีบฝืนยิ้มแล้ววิ่งมา “ข้าไป ข้าไป...”
เพราะนางชักช้า จึงไม่มีที่นั่งบนรถลากแล้ว นางจึงทำได้เพียงวิ่งตามไปข้างหลังตลอดทาง ในใจก็ยิ่งเกลียดกู้หว่านเยว่เข้าไปใหญ่
“กู้หว่านเยว่นี่มันตัวซวย ตัวซวยจริง ๆ!”
เมื่อซูเช่อได้ยินคำด่าสาปแช่งของนางก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เอาแต่หาเรื่องกู้หว่านเยว่ จึงลืมขึ้นรถลาก เหตุใดถึงโทษคนอื่นได้...
ท่านแม่ยังให้เขาสนิทกับลูกพี่ลูกน้องอีก ผู้หญิงแบบนี้... เฮ้อ!
เมืองอูอวิ๋นเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ค่อยเจริญ แต่โชคดีที่ข้าวสาร แป้ง ธัญพืช น้ำมัน และของจำเป็นในชีวิตประจำวันอื่น ๆ มีครบ
เนื่องจากถูกเนรเทศ พวกเขาคงไม่ซื้ออาหารสดใหม่ ทุกคนจึงเดินข้ามร้านอาหารไปยังร้านขายอาหารแห้ง ตั้งใจจะซื้อข้าวโพด มันเทศ และขนมปังชนิดต่าง ๆ ที่สามารถเก็บไว้ได้ระหว่างทาง
จางเอ้อร์พานักการไปซื้อของ แล้วนำของที่ซื้อมาไปวางบนรถลาก ส่วนคนอื่น ๆ ก็ใช้โอกาสขณะที่เขาซื้อของ หยิบเงินออกมาซื้อเสื้อผ้าและของใช้
หลี่ซือซือแม่ลูกสองคนต่างจากตระกูลซู พวกนางถูกเนรเทศมา แต่ไม่ได้ถูกยึดทรัพย์สิน จึงมีเงินติดตัวมาพอสมควร
เมื่อมาถึงร้านขายอาหารแห้ง นางซื้อของมากมาย และโยนของทั้งหมดให้ซูเช่อถือ
นางเหลือบมองกู้หว่านเยว่ด้วยหางตา แล้วพูดอย่างเสแสร้ง
“ได้ยินมาว่าตระกูลโหวตัดขาดกับเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่มีเงินติดตัวสินะ อยากให้ข้าใจดีให้เจ้ายืมหน่อยไหม? ดูสภาพจน ๆ ของเจ้าสิ!”
“น้องสาว อย่าพูดเลย”
ซูเช่อได้ยินหลี่ซือซือด่ามาตลอดทาง ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยความสงสาร “พี่สะใภ้ ข้ายังมีเศษเงินอยู่นิดหน่อย เอาไปก่อนนะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ท่านช่วยชีวิตหร่านหร่านไว้ตอนที่ถูกยึดทรัพย์”
“ไม่ต้องหรอก”
กู้หว่านเยว่ยิ้มให้ซูเช่อแล้วโบกมือปฏิเสธ ส่วนเงินนางก็ไม่ได้ขาดแคลน
ซูเช่อเห็นดังนั้นก็ไม่ฝืนอีกต่อไป ถึงอย่างไรทั้งครอบครัวต้องมาลำบากเพราะบ้านสาม เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งบ้านใหญ่ของพวกเขาก็มีเงินไม่มาก ในเวลานี้ก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน
กู้หว่านเยว่มองไปรอบ ๆ ไม่มีอะไรอยากซื้อ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย จึงแกล้งทำเป็นซื้อของเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา