“นี่คือ?” จางเอ้อร์ยังไม่เข้าใจ
“ยาสมุนไพรที่ข้าไปซื้อมาจากร้านขายยา ใช้ทาที่ขา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาได้”
จางเอ้อร์ตกตะลึง ก้มมองขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของเขายากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขาข้างนี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแผ่นหินกระแทกในขณะที่เขาพยายามหาเลี้ยงชีพ
ปกติแล้วการเดินไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าเดินมาก ๆ ก็จะเริ่มเดินกะเผลก
การคุมตัวนักโทษนั้นจริง ๆ แล้วค่อนข้างไม่สะดวก แต่คนชั้นต่ำอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรื่องมาก
แม่นางกู้กลับสังเกตเห็น
ยิ่งไปกว่านั้น นางมาสายเพราะไปจัดยาให้เขา
จางเอ้อร์ก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เขาหยิบยาที่กู้หว่านเยว่ยื่นให้มาอย่างลวกๆ
“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”
นอกจากหัวหน้าแล้ว แม่นางกู้เป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้
“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็ดูแลข้าเหมือนกัน” กู้หว่านเยว่เป็นคนแบบนี้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ถ้าคนอื่นดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่า
ในเมื่อจางเอ้อร์ไว้ใจนาง นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“นางจิ้งจอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าใช้มนตร์เสน่ห์อะไรกับพวกนักการน่ารังเกียจพวกนี้!”
ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นกู้หว่านเยว่พูดคุยกับจางเอ้อร์ ก็กำหมัดแน่น
เห็นได้ชัดว่านางมีเสน่ห์มากกว่ากู้หว่านเยว่มาก แต่นักการพวกนี้กลับตะคอกใส่นาง ทว่ากลับยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับกู้หว่านเยว่
ไม่รู้ว่าคิดอะไร นางยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง หลังจากที่กลับไปนางจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่จิ่ง ดูสิว่าพี่จิ่งจะมองนางอย่างไร หึ ๆ
ระหว่างทาง กู้หว่านเยว่ดูเหมือนกำลังแกล้งหลับ แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางเข้าไปอยู่ในมิติ มองไปยังกองสิ่งของที่ปล้นมาจากห้องใต้ดิน นางก็ครุ่นคิดอย่างหนัก
สุดท้ายก็ตัดสินใจแกล้งตายต่อหน้าซูจิ่งสิง ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ความลับเรื่องมิติ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ แค่ไม่ยอมรับก็พอแล้ว
ถ้าเขามีแผนร้าย นางก็จะกำจัดเขาแล้วหนีไป
ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็ตามทุกคนกลับไปยังโรงเตี๊ยม
ซูจิ่งสิงเห็นนาง ก็พูดเพียงประโยคเดียว “ขนมาหมดแล้วหรือ?”
“อืมๆ!”
นางกู้หว่านเยว่ลงมือ จะมีของที่ขนไม่หมดได้อย่างไร? ขณะที่กำลังรอฟังต่อ ก็เห็นซูจิ่งสิงทำหน้าพึงพอใจ หลับตาลง ไม่พูดอะไรอีก
กู้หว่านเยว่ที่เตรียมคำพูดไว้อย่างเต็มที่ ?
“ท่านจะไม่ถามอะไรหน่อยหรือ?” ของเยอะขนาดนั้น ไม่ถามถึงที่มาที่ไปหน่อยหรือ?
“ไม่ถาม ข้าเชื่อใจเจ้า”
กู้หว่านเยว่คาดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่งสิงจะพูดว่าเชื่อใจนาง หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยก็ยิ้มออกมา แต่ซูจิ่งสิงไม่ถาม ก็ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองเวลาอธิบาย
“หว่านเยว่ กิน กินข้าว...” เวลานี้นางหยางยกข้าวสวยร้อน ๆ มาหนึ่งชาม พร้อมกับลูบมือ “จิ่นเอ๋อเป็นคน ทำ”
กู้หว่านเยว่หันไปมอง
ซูจิ่นเอ๋อยิ้มให้นางอย่างเขินอาย “ข้าเห็นพวกเขาไปยืมครัวของโรงเตี๊ยมใช้กัน ข้าก็เลยไปยืมมาทำกับข้าวบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ทำ พี่สะใภ้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง...”
กู้หว่านเยว่ลองชิมคำหนึ่ง ข้าวผัดผักที่ไม่มีน้ำมัน แถมยังไหม้เล็กน้อย รสชาติก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ
แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูจิ่นเอ๋อมองมาที่นางด้วยสีหน้าตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำไปหมด นางหลุดหัวเราะออกมา แล้วยกนิ้วโป้งให้
“ไม่อร่อย แต่ความตั้งใจดีเยี่ยม!”
“พี่สะใภ้ ท่านพูดอะไรดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือ!”
ซูจิ่นเอ๋อแกล้งกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รับคำชมจากกู้หว่านเยว่
ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นฉากนี้ก็รู้สึกแสบตา นางตัดสินใจเข้าไปหาเรื่องกู้หว่านเยว่ เดินไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิงแล้วพูดอย่างมีเลศนัย
“พี่ชาย พี่สะใภ้เก่งจริง ๆ ไม่เหมือนข้าที่ไร้ความสามารถ นักการพวกนั้นดีกับพี่สะใภ้มาก ตอนกลับมาก็ยังช่วยพี่สะใภ้ขนของด้วยนะ”
เมื่อเห็นแผนการยุยงแสนโฉ่งฉ่างของนางชาเขียว* แล้ว กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนักก็หัวเราะหึ ๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้วรอดูความสนุกสนาน
ซูจิ่งสิงหลับตา “หว่านเยว่ของพวกเราเก่งอยู่แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา