ฟู่ลั่วเฉินก้าวออกจากห้อง เฟิงฉิ้นหว่านยืนตัวตรงพร้อมมองแผ่นหลังของเขาขณะที่จากไปผ่านทางหน้าต่าง
รู้สึกถึงสายตาของเฟิงฉิ้นหว่าน ฟู่ลั่วเฉินขมวดคิ้วตอนที่กำลังเดินผ่านประตูทางออก แต่ในที่สุดก็หันหลังกลับมา
เฟิงฉิ้นหว่านยืนอยู่ข้างหน้าต่าง แต่งกายด้วยชุดสีขาว ผมของนางปล่อยลงมา ใบหน้าสวยงดงามไร้ที่ติของนางซีดเผือด มีลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พัดเส้นผมบนไหล่ของนางให้ปลิวไปตามลม ทำให้ร่างของนางที่ผอมเพรียวอยู่แล้วยิ่งดูมีความเปราะบางมากขึ้น
ฟู่ลั่วเฉินรู้สึกถึงใจที่กระตุกอย่างแปลกๆ ฝีเท้าที่หยุดอยู่กับที่ก็ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า
เฟิงฉิ้นหว่านงงงวยไม่เข้าใจ ในฐานะที่เป็นลูกน้องที่ดี เมื่อเจ้านายของตนกำลังจะจากไป ก็ต้องแสดงความอาลัยออกมาและเคารพตอนบอกลา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าดูเขาจากไป ดังนั้นนางจึงทนต่อความรู้สึกไม่สบายใจแล้วยืนอยู่ข้างหน้าต่าง
แต่ทำไมฟู่ลั่วเฉินถึงหยุดนิ่งล่ะ?
เฟิงฉิ้นหว่านลองยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วโบกมือให้ฟู่ลั่วเฉินพร้อมแสดงรอยยิ้มที่สดใสออกมา: อย่างนี้แล้วน่าจะไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน รูม่านตาของฟู่ลั่วเฉินหดตัวเล็กน้อย เขาละสายตาอย่างรวดเร็ว หันกลับไปและเดินออกไป
เมื่อเฟิงฉิ้นหว่านเห็นว่าในที่สุดเขาก็จากไป ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างๆ มองดูตัวเองในกระจก
เหว้ยหลันเดินเข้ามาในห้อง “คุณหนู ต้องการทานของทานเล่นหน่อยหรือไม่? บ่าวสามารถนำมาให้ท่านได้ทันที”
“แม่นางเหว้ยหลัน ไม่ต้องยุ่งแล้ว ไม่รู้ว่าท่านชายฟู่เคยบอกเจ้าหรือไม่ว่าต่อจากนี้ไปข้าจะรบกวนแม่นางดูแลแล้ว”
เหว้ยหลันก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงต่อหน้าเฟิงฉิ้นหว่านด้วยสีหน้าเคารพ “ท่านชายได้รับสั่งมาแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณหนูจะเป็นนายท่านของบ่าว บ่าวจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดูแลคุณหนูและปกป้องคุณหนูให้ปลอดภัย”
“แม่นางเหว้ยหลัน รีบลุกขึ้นเร็ว”
“คุณหนู ท่านชายรับสั่งบ่าวมาอยู่เคียงข้างท่าน ท่านคือนาย ข้าน้อยคือบ่าว ดังนั้นที่เรียกว่าแม่นาง บ่าวรับไม่ได้”
มีรอยยิ้มจางๆในดวงตาของเฟิงฉิ้นหว่าน ดูเหมือนว่า เหว้ยหลันจะรู้จักขอบเขตของตนมาก อย่างนี้แล้วในอนาคตก็จะง่ายต่อการอยู่ด้วยกัน นางกลัวจริงๆ ว่า ฟู่ลั่วเฉินจะโยนบ่าวที่มีความเย่อหยิ่งผยองจองหอง นี่ไม่ใช่เพียงแค่รับมือกับอันตรายที่กำลังใกล้จะมาถึงในหลินผิงเท่านั้น ยังคงต้องแบ่งเวลามาจัดการบ่าวคนนี้ แบบนี้ก็เหนื่อยเกินไป
“เหว้ยหลัน ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระคุณคุณหนู” เหว้ยหลันยืนขึ้น และเมื่อเห็นดวงตาของเฟิงฉิ้นหว่าน นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า “คุณหนู ดวงตาของท่านแดงมาก เพราะก่อนหน้านี้เจอสิ่งสกปรกตอนที่อยู่ในน้ำหรือเปล่า จะเชิญแพทย์มาดูหรือไม่?”
“ไม่ต้องรบกวนแพทย์เลย ประเดี๋ยวกลับไปถึงจวนแล้ว ข้าทำยาน้ำมาเช็ดเองก็ได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ งั้นตอนนี้บ่าวช่วยคุณหนูเก็บของ ด้านฮูหยินได้ส่งแม่นมโจวมาถามใต้เท้าจ้าวสองครั้งแล้ว ใต้เท้าจ้าวใช้ข้ออ้างที่ว่าเรื่องยังไม่จบบอกให้แม่นมโจวกลับไปแล้ว”
ใจของเฟิงฉิ้นหว่านกระตุก “ท่านแม่ต้องกังวลมากแล้ว รีบหน่อย เก็บของเสร็จแล้วพวกเราจะกลับไปทันที”
“เจ้าค่ะ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฟิงฉิ้นหว่านพา เหว้ยหลันออกจากสวน ขึ้นรถม้าและตรงไปที่ตระกูลเฟิง
ศาลาในกลางสวนแห่งหนึ่ง เย่ลั่วหานเติมชาให้ตนเอง จิบพร้อมพูดด้วยอารมณ์ปลงๆ “น้ำในเจียงหนานดีและใสกว่าในจิงเฉิงเล็กน้อยและชาที่ชงออกมามีรสชาติที่ดีกว่า”
“ข้าไม่รู้สึกว่าถึงความแตกต่างใดๆ” ฟู่ลั่วเฉินถือชามยาขึ้นมาดื่มลงไปพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน
“ตอนนี้หากมอบน้ำหวานจากไม้กฤษณาแก่เจ้า เกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถลิ้มรสรสชาติได้”
ฟู่ลั่วเฉินวางชามยาลง “ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ตัวเจ้านั่งอยู่ในสวนนี้ แต่หัวใจไม่รู้ว่าบินไปถึงไหนแล้ว ยังจะมีใจที่จะลิ้มลองรสชาติของชานี้ได้ที่ไหนเล่า?” เย่ลั่วหานหัวเราะ “พรุ่งนี้เจ้าต้องจากไปแต่เช้าตรู่ เจ้าไม่ไปบอกลาแม่นางเฟิงหรือ?”
“ไม่จำเป็นต้อง...”
“ไปเมืองหลวงแล้วยังไง? ไม่ว่าอย่างไรในใจของท่านอาลัยนางนี่ เมื่อแม่นางเฟิงไปที่เมืองหลวง พวกท่านจะมีโอกาสได้เจอหน้ากันตลอดไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้แล้วด้วยความเฉลียวฉลาดของแม่นางเฟิง แม้จะอยู่ในเมืองหลวงนางก็สามารถอยู่ได้ดีเหมือนกับปลาในน้ำอย่างแน่นอน”
เย่ลั่วหานหัวเราะเบา ๆ “หยุนซวน ตอนนี้ท่านชายของเจ้ารู้สึกทรมานใจอยู่ เจ้าอย่าพูดกดดันเขาเลย”
“ท่านชายเย่ ท่านคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีหรือ?”
“ถ้าเป็นเรื่องง่าย ๆ ท่านชายของเจ้ายังลังเลอยู่ที่นี่ทำไม?” เย่ลั่วหานลุกขึ้นยืน “ปล่อยให้ท่านชายของเจ้าอยู่คนเดียวสักพัก เจ้าออกไปเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
“ตระกูลเฟิง”
“ท่านชายเย่จะไปที่ไหนหรือ?”
“ตระกูลเฟิง”
“หา? ท่านไปทำอะไรที่ตระกูลเฟิง?”
“ก่อนหน้านี้ข้าสัญญาว่าจะให้แม่นางเฟิงช่วยวินิจฉัยชีพจรของข้า ดังนั้นข้าไม่เป็นผู้ที่ไม่ทำตามสัญญา”
หยุนซวนตามเย่ลั่วหานไปอย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะใช้สายตาแอบมองเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่ข้างๆ
เย่ลั่วหานยิ้มเล็กน้อย “เจ้ากำลังดูอะไรอยู่?”
“ไม่อะไร เมื่อสองวันก่อนข้าเพิ่งอ่านนิทานเล่มหนึ่ง ในนั้นบอกว่ามีเพื่อนที่ดีคู่หนึ่ง ต่อมาพวกเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน จากนั้นพวกเขาก็ต่อสู้กัน...”
เย่ลั่วหานส่ายหัวและยิ้มอย่างจนปัญญา “นิทานแบบนั้นอ่านให้น้อยลงจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น ลั่วเฉินจะส่งเจ้ากลับไปหาท่านอ๋องในไม่ช้า”
“ต่อแต่นี้ไป ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ