ตระกูลเฟิง เฟิงฉิ้นหว่านเพิ่งลงจากรถม้าเดินเข้าไปในจวน เสิ่นเยว่ก็รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และคว้าแขนของนางเอาไว้
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว !”
เมื่อเห็นเส้นเลือดแดงในตาของเสิ่นเยว่ เฟิงฉิ้นหว่านก็รู้สึกผิดในใจ : “ท่านแม่ ทั้งหมดเพราะข้าไม่ดีเอง ทำให้ท่านต้องเป็นกังวล”
“ข้าเป็นห่วงหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย” เสิ่นเยว่มองสำรวจเฟิงฉิ้นหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า “สีหน้าของเจ้าไม่สู้ดีนัก ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า สาหัสมากไหม ?”
“ได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยตรงชั้นผิวหนังเท่านั้น รักษาไม่กี่วันก็คงหายดี ไม่ใช่เรื่องใหญ่เจ้าค่ะ”
เสิ่นเยว่อยากถามต่อ แต่แม่นมโจวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบเดินเข้ามาเอ่ยเตือน : “ฮูหยิน ให้คุณหนูกลับไปพักผ่อนที่ลานก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้อน้อยเห็นสีหน้าของคุณหนูแล้ว รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง”
“แม่นมโจวพูดถูก แม่จะส่งเจ้ากลับลานของตัวเอง”
เฟิงฉิ้นหว่านรีบเดินไปข้างหน้าตามแรงของเสิ่นเยว่ โดยไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย : “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ”
“จะเป็นหรือไม่เป็น ต้องเชิญท่านหมอมาตรวจดูเสียก่อนจึงจะสรุปได้”
“ไม่ต้องตามหมอมาหรอกเจ้าค่ะ ท่านชายฟู่ให้หมอตรวจดูอาการของข้าแล้ว ตรงบาดแผลใส่ยาและพันแผลใหม่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจริง ๆ เจ้าค่ะ”
เฟิงฉิ้นหว่านยืนยันหนักแน่น แต่เสิ่นเยว่กลับไม่เชื่อแม้แต่น้อย หลังจากพานางกลับไปถึงห้องแล้ว ก็ให้นางขึ้นนอนบนเตียงทันที
“ไปตามหมอมาดูเสียหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย”
เฟิงฉิ้นหว่านยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อของเสิ่นเยว่ : “ท่านแม่ ข้ายังไม่ได้แนะนำให้ท่านรู้จัก แม่นางที่อยู่ตรงนี้ผู้นี้มีนามว่าเหว้ยหลัน หลังจากนี้ไปจะเป็นสาวใช้ของข้า”
เสิ่นเยว่รีบสงบสติอารมณ์ แล้วเงยหน้าขึ้นมองพิจารณาเหว้ยหลันอย่างละเอียด
เหว้ยหลันเดินเข้าไปทำความเคารพ ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัว : “ข้าน้อยคารวะฮูหยิน”
“ไม่ต้องมากพิธี ต่อไปคงต้องฝากเจ้าดูแลฉิ้นหว่านด้วยนะ”
“ฮูหยินเกรงใจเกินไปแล้ว ต่อไปข้าน้อยจะต้องดูแลคุณหนูเป็นอย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ”
“อืม แม่นมโจว เจ้าพาเหว้ยหลันไปจัดการเรื่องที่พักก่อน แล้วดูด้วยว่านางยังขาดเหลืออะไรอีกบ้าง แล้วชาวยจัดหาให้นางด้วย”
“เจ้าค่ะ”
เหว้ยหลันตามแม่นมโจวออกไป เสิ่นเยว่รีบกระซิบถามทันที : “ฉิ้นหว่าน ที่คือคนที่ท่านชายฟู่ส่งมาใช่หรือไม่ ?”
“เจ้าค่ะ”
“หรือจะให้แม่ช่วยเจ้าหาสาวใช้เพิ่มอีกสักสองคน ?”
ในเมื่อเป็นคนที่ท่านชายฟู่ส่งมา ย่อมต้องมีจุดประสงค์หลักเพื่อจับตาดูอย่างแน่นอน เช่นนี้คงทำให้ฉิ้นหว่านต้องขาดอิสระไปไม่น้อยไม่ใช่หรือ ? หากมีสามวใช้เพิ่มขึ้นมาอีกสักสองคน ก็คงช่วยปรามเหว้ยหลันผู้นั้นได้บ้าง เพื่อนางจะไม่กล้าทำอะไรเกินเหตุ เพราะคิดว่าตนเองมีคนคอยหนุนหลังอยู่
“ตอนนี้ยังไม่ต้อง ต่อไปหากต้องการ ข้าจะบอกท่านแม่เอง”
“ก็ได้ เจ้าดึงแม่ไม่ยอมให้แม่ไปตามหมอ เพราะฉะนั้นจงบอกมาโดยดีว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เสิ่นเยว่คือคนที่เฟิงฉิ้นหว่านเชื่อใจมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ตอนที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จึงไม่คิดปิดบังอะไร ยอมเล่าออกมาจนหมดเปลือก
เสิ่นเยว่ฟังจบ ก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย : “เจ้าแทงท่านชายฟู่ผู้นั้นจริง ๆ หรือ ?”
“เหตุสุดวิสัย จึงต้องทำเช่นนี้”
เสิ่นเยว่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรต่อดี
ชั่วชีวิตของนางต้องล้มเหลวในเรื่องความรัก หลงรักเฟิงหลิงมาสิบกว่าปี แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจสักนิด ตอนนี้คิดจะชี้แนะเฟิงฉิ้นหว่าน ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอย่างไรดี
เฟิงฉิ้นหว่านเข้าใจความหมายในสิ่งที่เสิ่นเยว่พูด จึงหัวเราะออกมาทันที : “ท่านแม่ ท่านคงไม่คิดว่าข้าหลงรักท่านชายฟู่หรอกนะ ?”
“ครั้งนี้เพื่อเขาแล้ว เจ้าเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เช่นนี้ไม่นับว่าเป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้งหรอกหรือ ?”
“หากตอนนี้ข้าจำเป็นต้องรักท่านชายฟู่ ข้าก็รักได้โดยไม่มีปัญหา”
“พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ?”
“ท่านแม่” เฟิงฉิ้นหว่านกุมมือของเสิ่นเยว่ “เรื่องระหว่างท่านกับท่านพ่อ ข้าเองก็เห็นมาหลายปี เมื่อก่อนไม่เคยเข้าใจ แต่ตอนนี้มีหลายเรื่องที่เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว เรื่องรัก ๆ ใคร ๆ สำหรับผู้หญิงแล้วเหมือนกับพิษร้าย สิ่งที่ข้าชอบมากกว่าคือคำคำนี้——เห็นเงินเป็นพระเจ้า”
“เห็นเงินเป็นพระเจ้า ?”
“ท่านแม่ คนอย่างท่านพ่อที่รักปักใจท่านแม่ผู้ให้กำเนิดข้าตลอดชีวิตเช่นนั้น บนโลกนี้จะมีอยู่สักกี่คน ? ข้าคิดว่าตนเองคงไม่โชคดีขนาดนั้น ดังนั้นไม่มีทางเอาชีวิตของตนเอง ไปเดิมพันกับคำหวานที่ออกจากปากของผู้ชายเด็ดขาด หากตอนนี้ข้าจำเป็นต้องรักฟู่ลั่วเฉิน และการที่รักเขาจะทำให้อนาคตของข้าราบรื่น ข้าก็ยินดีจะรักเขา แต่หากว่าไม่ ข้าย่อมไม่เสียเวลาคิดเรื่องเหล่านั้นแน่นอน”
เสิ่นเยว่มองเฟิงฉิ้นหว่านด้วยความตกตะลึง แล้วรีบส่ายหน้า : “ฉิ้นหว่าน จะพูดเช่นนั้นไม่ได้นะ......”
“ท่านแม่ เดิมทีข้าไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับท่าน แต่ตอนนี้ข้าเองก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว หากปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานโดยไม่มีการหมั้นหมาย ซ้ำยังเข้าออกสถานที่อย่างหอหญิงงามเมืองอยู่บ่อยครั้ง คงจะต้องถูกคำครหานินทาไม่น้อย ดังนั้นท่านแม่จะต้องทำใจให้ได้ว่า ที่ไม่ยอมแต่งงานเป็นสิ่งที่ข้าเลือกเอง อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่ข้ารู้สึกสบายใจและชอบอีกด้วย เช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว”
“แต่ว่า......” เสิ่นเยว่รู้สึกตกตะลึง แต่ตอนนั้นก็ไม่อาจคิดออกได้ในทันทีว่าจะพูดโน้มน้าวเฟิงฉิ้นหว่านอย่างไรดี
เฟิงฉิ้นหว่านพิงลงบนไหล่ของเสิ่นเยว่ แล้วพูดออดอ้อนเบา ๆ : “ท่านแม่ ข้างกายข้าเหลือเพียงท่านคนเดียวแล้ว ถ้าหากแม้แต่ท่านก็ไม่สนับสนุนข้า ข้าคงจะน่าสงสารเต็มทน”
เสิ่นเยว่ใจสั่น ยกมือขึ้นตบหลังของนางเบา ๆ : “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว แม่ก็สนับสนุนเจ้า แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าแม่เห็นด้วยกับความคิดของเจ้าหรอกนะ แม่ยังหวังว่าเจ้าจะหาคนที่รักเจอ และใช้ชีวิตกับเขาอย่างมีความสุขตลอดไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ