ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 106

เสิ่นเยว่เห็นเฟิงฉิ้นหว่านใบหน้าซีดเผือด ก็ไม่พูดอะไรต่อ หลังจากประคองนางให้นั่งลงแล้ว ก็ห่มผ้าให้กับนาง : “พักผ่อนให้เต็มที่ เรื่องอื่นไม่ต้องคิดอีกแล้ว”

“เจ้าค่ะ” เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงหลับตาลงอย่างว่าง่าย

เสิ่นเยว่นั่งลงข้าง ๆ เตียง มองดูนางค่อย ๆ หลับตาลง จึงเคย ๆ เดินออกไปเงียบ ๆ

ด้านนอก แม่นมโจวยืนรออยู่ก่อนแล้ว : “ฮูหยิน คุณหนูไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ ?”

“ได้รับบาดเจ็บที่แขน โดยรวมดูแล้วไม่สดชื่นอย่างแต่ก่อน” เสิ่นเยว่ถอนหายใจ เมื่อคิดถึงสภาพของเฟิงฉิ้นหว่าน ก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

“ฮูหยิน ดู ๆ ไปแล้วสาวใช้ที่คุณหนูพากลับมาไม่เลวเลย ทำงานคล่องแคล่ว พูดจาสุภาพ ปฏิบัติตัวอยู่ในกฎเกณฑ์ ดูแล้วน่าจะได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีจากตระกูลใหญ่”

“คนที่อยู่ข้างกายท่านชายฟู่ ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”

แม่นมโจวขมวดคิ้ว : “ฮูหยิน ท่านว่าความคิดของคุณหนู......”

“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว”

เสิ่นเยว่ถอนหายใจ เมื่อได้ยินว่าเฟิงฉิ้นหว่านเห็นเงินเป็นพระเจ้า นางก็รู้สึกกังวลใจ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของนาง แล่ร่างกายที่อ่อนแรงที่นอนอยู่บนเตียง ก็รู้สึกว่าคนที่ไม่เข้าใจในความรักอย่างนาง อยู่คนเดียวก็นับว่าเป็นเรื่องดี

ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นั้น ก็เป็นยามเฝ้าประตูรีบร้อนวิ่งเข้ามา : “ฮูหยินขอรับ มีท่านชายมายืนรออยู่ที่หน้าประตู บอกว่าจะมาเยี่ยมคุณหนูขอรับ”

“คุณชายเย่ ?”

เสิ่นเยว่และแม่นมโจวหันมองหน้ากัน : “ไปเชิญคุณชายเย่เข้ามา แล้วเชิญไปที่ห้องนั่งเล่น”

“ขอรับ”

“ฮูหยิน คุณชายเย่ผู้นี้เป็นใครกัน ? ทำไมไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเจ้าคะ ?”

“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ช่วงนี้มีข่าวลือหนาหู ปกติแล้วไม่มีใครยินดีจะมาที่ตระกูลเฟิงของเรา ในเมื่อคุณชายเย่กล้าเดินทางมาด้วยตนเองเช่นนี้ ย่อมต้องพบหน้าสักครั้ง”

“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปยกน้ำชามานะเจ้าคะ”

เสิ่นเยว่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูภูมิฐาน สูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อพบกับคุณชายเย่

เพิ่งจะเดินมาถึงประตู เมื่อเห็นเย่ลั่วหานที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ก็รู้สึกตกใจทันที

ท่านชายที่อยู่ตรงหน้ามีท่วงท่าที่สง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาราวกับภาพวาด สวมเสื้อสีขาวพร้อมด้วยพัดในมือ ยืนอยู่ด้วยท่าทีที่ดูเรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เย่ลั่วหานก็หันหน้าไปมอง : “ข้าน้อยเย่ลั่วหาน คารวะฮูหยินเสิ่น มารบกวนอย่างกะทันหันเช่นนี้ ฮูหยินโปรดอภัยด้วย”

“มิได้ ๆ” เสิ่นเยว่หลีกเลี่ยง ไม่กล้ารับการคารวะจากเย่ลั่วหาน “ข้าได้ยินคนรับใช้พูดว่า ท่านชายเย่มาหาลูกสาวของข้าอย่างนั้นหรือ ?”

“ขอรับ ข้ารู้ว่าว่าแม่นางเฟิงไม่สบาย ไม่ควรจะมารบกวนการพักผ่อนของนาง แต่พรุ่งนี้เช้าข้าต้องเดินทางไปจากที่นี่แล้ว เรื่องที่รับปากนางเอาไว้ยังไม่ได้ทำให้สำเร็จ เพื่อไม่ให้รู้สึกติดค้างในใจ ดังนั้นจึงเดินทางมาในวันนี้”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ร่างกายของฉิ้นหว่านไม่สู้ดีนัก ตอนนี้พักผ่อนแล้ว......” เสิ่นเยว่นึกถึงสภาพของเฟิงฉิ้นหว่าน จึงคิดว่าไม่สมควรที่จะปลุกนางขึ้นมาเพื่อรับแขก

“เช่นนั้นหากข้าจะขออยู่รอที่นี่ได้หรือไม่ ?”

“ได้แน่นอน”

ตอนนี้เอง แม่นมโจวยกน้ำชาเดินเข้ามา เมื่อเห็นเย่ลั่วหาน ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

เสิ่นเยว่เห็นนางเสียมารยาทเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดตักเตือน : “แม่นมโจว ?”

แม่นมโจวตั้งสติขึ้นได้ รีบออกปากขอโทษ : “ข้าน้อยเหม่อลอยไปชั่วครู่ ขอท่านชายโปรดอภัยด้วย”

“ท่านชายคงไปหาหมอมานับไม่ถ้วน ไม่ทราบว่าพวกเขาตรวจพบสาเหตุความผิดปกติของร่างกายท่านชายหรือไม่ ?”

“เชิญหมอมาตรวจดูหลายคนแล้ว ต่างก็พูดว่าพละกำลังลดลงอย่างมาก แต่เกิดจากสาเหตุใดนั้นไม่อาจวินิจฉัยออกมาได้ ตอนนั้นท่านพ่อของข้าก็เสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน บอกไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่”

สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านเคร่งเครียดขึ้นทันที : “ท่านชายเย่เคยคิดไหมว่ามาจากการถูกพิษ ?”

เย่ลั่วหานหัวเราะเบา ๆ : “โรคนี้เรื้อรังมานาน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดย่อมเคยคิดมาทั้งสิ้น แม้แต่หมอหลวงในวังเองก็เคยเชิญมาตรวจดูหลายคน แต่ไม่มีใครที่วินิจฉัยออกมาว่าเป็นเพราะถูกพิษสักคน”

“ไม่มีใครวินิจฉัยออกมาได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านชายไม่ได้ถูกพิษนะเจ้าคะ”

“ดูเหมือนแม่นางเฟิงจะตรวจพบอะไรบางอย่างแล้ว ?” ความคิดของเย่ลั่วหานสั่นคลอนเล็กน้อย เขาพบหมอมานับไม่ถ้วน ทุกคนต่างบอกว่าเขาหมดหวัง ทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาเท่านั้น เมื่อเป็นเฟิงฉิ้นหว่านจะมีอะไรที่แตกต่างกันอย่างนั้นหรือ ?

“ดูเหมือนข้าน้อยจะเคยได้ยินอาการผิดปกติของชีพจรคุณชายเย่มาก่อน แต่ยังมีบางเรื่องที่ต้องให้ท่านชายเย่ยืนยันสักเล็กน้อย ตอนที่ท่านชายเย่เริ่มไม่สบาย รู้สึกเพียงแค่อ่อนกำลังลงและเซื่องซึมใช่หรือไม่ ?”

“ผ่านมานานแล้วจึงจำไม่ค่อยได้ แต่ในช่วงแรกอาการไม่รุนแรงนัก”

“ตอนนั้นท่านชายเคยให้คนมาตรวจดูชีพจรบ้างหรือไม่ ?”

ดวงตาของเย่ลั่วหานสั่นคลอนทันที แววตาปรากฏความหมองหม่นขึ้น : “ตอนนั้นเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในจวน แต่ไม่ได้ใส่ใจ”

“หลังจากนั้นท่านชายก็มักจะรู้สึกแน่นหน้าอกอยู่บ่อยครั้งใช่หรือไม่ จากนั้นจึงค่อย ๆ เริ่มกลัวอากาศร้อนในหน้าร้อน กลัวอากาศหนาวเย็นในหน้าหนาว ? อาการรุนแรงชัดเจนขึ้นทุกปี ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหกปีแล้ว น่าจะมีอาการหน้าซีดอยู่บ่อยครั้ง เลือดไหลเวียนไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะบำรุงเช่นไร ก็แสดงออกว่าไม่อาจชดเชยได้”

“ใช่” เย่ลั่วหานแสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมา “แม่นางเฟิง ข้าถูกพิษจริง ๆ หรือ ?”

“พิษชนิดนี้มีชื่อว่าพิษรัก หลังจากถูกพิษ จะรู้อ่อนแรง สภาพร่างกายอ่อนแอ แต่กลับไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตในระยะเวลาอันสั้น แต่ความเจ็บปวดจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี จนสุดท้ายท่านชายจะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง แม้กระทั่งจะลุกยืนก็ไม่ไหว กระดูกจะบอบบางราวกับเศษไม้ กระอักเลือดทุกวัน จนท้ายที่สุดจะสิ้นใจตายเพราะเสียเลือดจนหมด”

แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านปรากฏความดุดันขึ้นในแววตา ไม่ง่ายเลยที่นางจะหาผู้มีพระคุณเจอ หากนางยังตอบแทนพระคุณครั้งนี้ไม่สำเร็จ ต่อให้มัจจุราชมาด้วยตนเองก็ไม่อาจแย่งไปจากนางได้ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ