ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 107

แขนของเย่ลั่วหานแข็งทื่อทันที ดวงตาปรากฏความดุดันขึ้นมา

การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของเขา ทำให้นิ้วมือของเฟิงฉิ้นหว่านที่แตะอยู่บนจุดชีพจร ไหลลงไปด้านข้าง

“ขอโทษด้วย” เย่ลั่วหานพยายามระงับความเจ็บปวดในใจ และเอ่ยขอโทษเฟิงฉิ้นหว่าน : “อาการที่แม่นางเฟิงพูดมาเมื่อครู่ เหมือนกับอาการของท่านพ่อก่อนจะเสียชีวิตไม่มีผิด”

“ท่านพ่อของท่านชายเองก็เสียชีวิตเช่นนี้ด้วยหรือ ?”

“ใช่ ดังนั้นจึงมีหมอจำนวนมากที่รู้สึกสงสัย ว่าตระกูลเย่มีโรคทางกรรมพันธุ์ที่ไม่ทราบสาเหตุหรือไม่”

“เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อของท่านชายเองก็ถูกคนทำร้ายเช่นกัน”

เฟิงฉิ้นหว่านพูดอย่างมั่นใจ

“ท่านชาย พิษชนิดนี้ มีเพียงแค่ช่วงที่เพิ่งเข้าสู่ร่างกายเท่านั้น ที่จะสามารถตรวจพบจากการจับชีพจรได้ หลังจากนั้นก็จะไร้ร่องรอยของโรค ตอนที่ร่างกายของท่านชายเริ่มผิดปกติ ในจวนเกิดเรื่องขึ้นพอดี จึงพลาดโอกาสที่จะตรวจพบการถูกพิษจากการจับชีพจร ดูเหมือนท่านชายควรสืบสวนให้ชัดเจนแล้ว”

เย่ลั่วหานหดแขนกลับ เขากำหมัดแน่นอยู่ภายใต้แขนเสื้อ : “ขอบคุณแม่นางเฟิงที่เตือน ตั้งแต่ที่พ่อของข้าไม่สบายจนกระทั่งสิ้นลม เป็นเวลาทั้งสิ้นสิบปี ไม่รู้ว่าข้าเองจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร ?”

“ท่านชายเย่วางใจเถอะ ข้าจะพยายามยับยั้งการแพร่กระจายของพิษให้ท่านอย่างสุดความสามารถ รอให้ข้าหายาถอนพิษได้ ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน”

เฟิงฉิ้นหว่านขมวดคิ้ว ยาพิษชนิดนี้นางเคยเห็นในตำราแพทย์เท่านั้น ได้ยินมาว่าเป็นยาลับที่ถ่ายทอดมาจากราชวงศ์ก่อน สาบสูญไปนานหลายปีแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะถอนพิษได้อย่างไร

“หาหมอมานับไม่ถ้วนเช่นนี้ และในนั้นก็มีหมอเทวดาปะปนอยู่หลายคน แต่คนเหล่านั้นกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพิษชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอย่างไร ดังนั้นหากคิดที่จะหายาถอนพิษ นับว่าเป็นเรื่องยากไม่น้อย รบกวนแม่นางเฟิงช่วยบอกข้ามาเถอะว่ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไร เช่นนี้จึงจะสามารถวางแผนเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยได้”

เย่ลั่วหานสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด จากนั้นสีหน้าของขาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ

มองดูแววตาคู่นั้นของเขา ทำให้เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกสงสารจับใจ ไม่ปรากฏความโกรธแค้นเกลียดชังในแววตาเลยแม้แต่น้อย กลับดูราวกับท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆ แม้จะถูกคนวางยาพิษ จนเหลือเวลาอยู่ไม่มากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่อาจทำให้ดวงตาที่บริสุทธิ์คู่นั้นแปดเปื้อนได้

“ท่านชายเย่ พื้นฐานของร่างกายท่านก็ไม่สู้ดีนัก เมื่อประกอบกับยาต้มที่ดื่มมานานหลายปีเหล่านั้น สรรพคุณทางยาต่าง ๆ ที่ผสมปนเปกัน ทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นไม่น้อย หากท่านชายเย่ดูแลสุขภาพของตนอย่างดี น่าจะมีเวลาอีกสักสามปี”

“สามปี......ขอบคุณแม่นางเฟิงมากที่บอกให้รู้” ปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยขึ้นบนใบหน้าของเย่ลั่วหาน “เดิมทีที่เดินทางมาหาแม่นางเฟิงในครั้งนี้ ประการแรกก็เพื่อบอกลา ประการที่สองก็เพื่อทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะติดค้างบุญคุณแม่นางเฟิงครั้งใหญ่เช่นนี้ หากมีอะไรที่ข้าทำเพื่อแม่นางเฟิงได้ ขอให้แม่นางเฟิงบอกมาได้เลย”

เฟิงฉิ้นหว่านเม้มปากเบา ๆ ริมฝีปากที่ซีดเผือดดูมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย : “คุณชายเย่ ในเมื่อรู้แล้วว่ามีคนวางยาพิษท่าน อีกทั้งการตายของท่านพ่อของท่านก็มีเรื่องน่าสงสัย หรือท่านชายไม่คิดจะสืบหาความจริงเพื่อแก้แค้นเลยหรือ ?”

“ความจริงต้องมีการสืบหาแน่นอน แต่เวลาสามปีที่เหลือนี้ ข้าก็ยังไม่รู้ว่าตนเองจะสืบเจอหรือไม่”

“ข้าน้อยยินดีที่จะช่วยท่านชายเอง”

“ขอบคุณแม่นางเฟิงมาก แต่ข้าจะสืบหาด้วยตัวเอง” เย่ลั่วหานลุกขึ้น “วันนี้รบกวนแม่นางแล้ว ลาก่อน”

“ท่านชายเย่ !” เฟิงฉิ้นหว่านขมวดคิ้ว “ท่านชาย ข้าน้อยช่วยท่านได้จริง ๆ นะ......”

เย่ลั่วหานหันกลับมามอง แล้วยกมือขึ้นคำนับขอบคุณ : “ขอบคุณความหวังดีของแม่นางเฟิง”

มองดูแผ่นหลังของเย่ลั่วหานที่เดินจากไป คิ้วของเฟิงฉิ้นหว่านก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น

“คุณหนู......” เหว้ยหลันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยปากขึ้น “คุณชายเย่ไม่อยากดึงคุณหนูเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คงเป็นเพราะเขาเอง มีเรื่องที่ต้องลำบากใจเช่นกัน”

“ข้ารู้”

ตอนนั้น เย่ลั่วหานฝืนทนกับความเจ็บปวดทรมาน เต็มใจที่จะมอบเสื้อคลุมให้กับนางเพื่อห่มร่างกาย นับได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนถึงเนื้อในจริง ๆ คนประเภทนี้ มักกลัวว่าหากตนเองทำอะไรผิดไปเพียงเล็กน้อย จะทำให้ผู้อื่นต้องพลอยลำบากไปด้วย

เฟิงฉิ้นหว่านนั่งคิดทบทวนอยู่กับที่พักใหญ่ จากนั้นจึงเงยหน้ามองเหว้ยหลัน : “เหว้ยหลัน เดิมทีเจ้าเป็นคนสนิทของท่านชายฟู่ ต้องมาอยู่รับใช้ข้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ คงมีหลายอย่างที่ยังปรับตัวไม่ได้สินะ ?”

“ข้าน้อยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เดิมทีมีนายท่านคือท่านชายฟู่ ก็ยินดีทำเพื่อนายท่านอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ท่านชายฟู่ให้ข้ามาคอยดูแลคุณหนู เช่นนั้นก็เท่ากับคุณหนูเป็นนายหญิงของข้า ข้าจึงไม่มีทางมีใจเป็นอื่นไปได้”

“ดี ข้าเชื่อใจเจ้า ดังนั้นอาการของท่านชายเย่ในครั้งนี้ เจ้าไม่ต้องนำกลับไปรายงานท่านชายฟู่ ที่เลือกที่จะมาหาข้าตามลำพังหลังจากที่ข้ากลับมาถึงตระกูลเฟิงแล้ว คงเพราะต้องการปิดบังเรื่องนี้ เขาคงไม่ต้องการให้ท่านชายฟู่เป็นห่วง”

“คุณหนู จากนี้ไปท่านห้ามเสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีกนะ ท่านอาฉินอายุมากแล้ว หัวใจก็ไม่แข็งแรงนัก หากคุณหนูยังเสี่ยงชีวิตเช่นนี้อีกสักสองครั้ง ท่านอาฉินคงจะได้ไปพบนายท่านเป็นการล่วงหน้าแน่นอน” ฉินฉั๋วเหนียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีอ่อนแรง

เฟิงฉิ้นหว่านอดขำไม่ได้ : “ท่านอาฉินสุขภาพแข็งแรง ไม่มีใครเทียบได้ จู่ ๆ เป็นโรคหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”

ฉินฮั๋วเหนียนทำท่าทางเช่นนี้ก็ไร้ประโยชน์ จึงรีบนั่งตัวตรง : “ตั้งแต่รู้ว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนู ข้าก็ตามหาริมแม่น้ำตลอดทั้งคืน ที่ปากบวมเป่งก็เพราะร้อนใจจนร้อนใน”

“ข้าทำให้ท่านอาฉินต้องเป็นห่วงแล้ว”

“จะทำให้เป็นห่วงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ คุณหนูไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ฉินฮั๋วเหนียนรู้สึกหวาดกลัวในใจ “คุณหนู ท่านไม่เห็น เมื่อคืนเป็นเทศกาลเทพเจ้าดอกไม้ มีผู้คนรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับมีคนห้าหกคนที่จู่ ๆ ก็มีไฟลุกโชนท่วมร่าง และวิ่งไปมาเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบ มีคนถูกไฟคลอกตายไปกว่ายี่สิบคน และยังมีอีกยี่สิบกว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้าง วันนี้ใต้เท้าจ้าวเองก็ยุ่งไม่น้อย”

“หาสาเหตุเจอไหมว่า ทำไมจู่ ๆ ร่างกายของคนเหล่านั้นจึงเกิดไฟลุก ? แล้วมีความเกี่ยวข้องอะไรกันบ้าง ?”

“ได้ยินว่า สืบหาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เจอเบาะแสแม้แต่น้อย อีกทั้งคนที่เกิดไฟลุกในตอนแรกเหล่านั้น ก็ถูกไฟคลอกตายจนหมด แทบจะไม่หลงเหลือเบาะแสอะไรเลย”

“ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะวางแผนมาอย่างรอบคอบแล้ว”

“คุณหนู แผนการเช่นนี้ คงเพื่อโจมตีท่านชายฟู่ผู้นั้นใช่หรือไม่ ?”

“อืม”

“เพื่อโจมตีท่านชายฟู่ คนเดียวกลับทำลายชีวิตคนนับสิบ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ช่างลงมือได้อย่างเลือดเย็นจริง ๆ”

“ในสายตาของคนบางคน ชีวิตคนก็เหมือนผักปลา”

จวนเฉินเสี้ยงเป็นเช่นไร องค์ชายสามที่ได้รับการสนับสนุนจากจวนเฉิงเสี้ยงย่อมเป็นเช่นเดียวกัน

แต่คนที่โหดเหี้ยมและลงมืออย่างเลือดเย็นเช่นนี้เท่านั้น จึงจะสามารถขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูงได้ สวรรค์ไร้ความยุติธรรมเช่นนี้เชียวหรือ ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ