เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย มองพิจารณาดูหยุนชีด้วยความประหลาดใจอยู่สักพัก จากนั้นก็ให้คนนำกระดาษและพู่กันมา แล้วเขียนตัวเลขชุดหนึ่งลงไป : “ลองคำนวณดูซิว่าบวกกันแล้วได้เท่าไร ?”
หยุนชีเหลือบมอง สักพักก็ให้คำตอบออกมา : “สามหมื่นสองพันแปดร้อยสิบ”
เฟิงฉิ้นหว่านประหลาดใจอย่างยิ่ง : “คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ข้ารับเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจจะเป็นอัจฉริยะ”
หยุนชีสบตากับเฟิงฉิ้นหว่าน ใบหน้าเกิดเลือดฝาดขึ้นมาทันที : “ข้าน้อยไม่ใช่อัจฉริยะ เป็นเพียงคนรับใช้ของคุณหนูเท่านั้น”
เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มอย่างมีความสุข : “เจ้ามีความสามารถด้านนี้ ต่อไปก็ช่วยท่านอาฉินดูแลเรื่องบัญชีของหอหญิงงามเมือง ส่วนด้านอื่น ๆ หากเจ้าอยากจะเรียนรู้ ก็สามารถปรึกษาท่านอาฉินได้”
หยุนชีเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมองไปที่เฟิงฉิ้นหว่าน : “คุณหนู หากข้าเรียนรู้ให้มากอีกหน่อย ก็จะช่วยคุณหนูได้ดียิ่งขึ้นอีกใช่หรือไม่ ?”
“แน่นอน อีกหน่อยหากเจ้ายืนหยัดด้วยตัวเองได้ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นคนสนิทข้างกายข้าก็ได้ ถึงตอนนั้น ข้ายังต้องพึ่งพาเจ้าอีกนะ”
หยุนชีรีบเม้มปาก มีประกายสดใสปรากฏขึ้นในแววตา : “ข้าน้อยจะตั้งใจเรียนรู้”
เขาไม่สนใจว่าตนเองจะมีความสามารถเช่นไร เขาหวังเพียงแค่ตนเองจะสามารถช่วยงานของคุณหนูได้อย่างสุดความสามารถเท่านั้น
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านสั่นคลอนเล็กน้อย : “ดี หากสองวันนี้เจ้ามีเวลาว่างละก็ ให้มาหาข้าที่จวน ช่วยข้าดูบัญชีร้านค้าอื่น ๆ ของตระกูลเฟิง ใช้วิธีการจัดการของเจ้า จัดการบัญชีใหม่อีกครั้ง ในเมื่อคิดจะเริ่มต้นใหม่ ประการแรก บัญชีเหล่านี้ห้ามยุ่งเหยิงเด็ดขาด”
“ขอรับ”
เมื่อรู้ว่าหยุนชียังไม่รับประทานอาหาร เฟิงฉิ้นหว่านก็ให้เหว้ยหลันพาเขาออกไป
ฉินฮั๋วเหนียนมองบัญชีพับนั้น ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากพูดว่า : “คุณหนู หยุนชีทำงานขยันรวดเร็วและไว้วางใจได้ เพียงแต่มีนิสัยที่ดูเย็นชาเกินไปสักหน่อย ปกตินอกจากคุณหนูแล้ว ต่อให้พบหน้ากับข้าก็มักเงียบขรึมไม่พูดจา คนประเภทนี้จะเชื่อถือได้จริง ๆ หรือ ?”
“หนังสือขายตัวเป็นทาสก็ลงนามเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เขาจะมีความคิดเป็นอื่น ก็คงจะต้องชั่งใจให้หนัก ชั่งจึงผลที่จะตามมา อีกทั้ง ข้าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาคงไม่ทรยศหักหลังง่าย ๆ หรอกน่า”
“อีกทั้งข้ายังสังเกตเห็นว่า......คุณหนู ดูเหมือนหยุนชีผู้นั้นจะคิดอะไรบางอย่างกับคุณหนู......” ฉินฮั๋วเหนียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจบอกสิ่งที่ตนเองสังเกตเห็นให้เฟิงฉิ้นหว่านรู้
“ท่านอาฉิน หัวใจอยู่ในร่างกายของผู้อื่น พวกเขาจะคิดเช่นไร พวกเราไม่อาจควบคุมได้” เฟิงฉิ้นหว่านหัวเราะเบา ๆ
“คุณหนูไม่ถือสาหรือ ?”
“มีเรื่องให้ข้าต้องจัดการมากมาย จะเอาเวลาที่ไหนไปใส่ใจความคิดของคนอื่นกัน ? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากความคิดนี้ทำให้เขายิ่งจงรักภักดีต่อข้า แล้วทำไมข้าจะต้องทำลายความคิดนี้ของเขาด้วย ?”
เฟิงฉิ้นหว่านค่อย ๆ หลับตาลง ศัตรูที่นางต้องรับมือนั้นแข็งแกร่งมาก ต่อให้จะพึ่งพาฟู่ลั่วเฉินเป็นการชั่วคราว แต่ก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเรื่องใดก็ตามที่มีประโยชน์ต่อนาง นางคิดที่จะนำมาใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น
ฉินฮั๋วเหนียนผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรต่อ : “คุณหนู ท่านรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็พอ”
“ขอบคุณท่านอาฉินที่เตือน”
ฉินฮั๋วเหนียนพยักหน้า แต่ในใจกลับมีความคิดแน่วแน่บางอย่าง : ดูเหมือนว่าจะต้องให้ฮูหยินช่วยปลอบใจคุณหนูให้มาก ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่งผลกระทบต่อนางไม่น้อย ตอนนี้คุณหนูไม่สนใจความรักของผู้อื่น หรือว่าจากนี้ไป คิดจะใช้ชีวิตตามลำพังคนเดียวเช่นนี้ ?
หลายวันต่อมา หยุนชีเดินทางมาที่จวน เพื่อช่วยจัดการบัญชีร้านค้าร้านอื่น ๆ ของตระกูลเฟิง เขามีความสามารถด้านการคำนวณ อีกทั้งยังตั้งใจทำงาน ขอเพียงแค่เฟิงฉิ้นหว่านไม่สั่งให้เขาหยุด เขาก็สามารถตรวจสอบสมุดบัญชีได้หลายชั่วยามติดต่อกันโดยไม่หยุดพัก
เฟิงฉิ้นหว่านยิ่งมองดูหยุนชีก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ : “หยุนชี พักผ่อนสักเดี๋ยวเถอะ”
เมื่อได้ยินเสียงของเฟิงฉิ้นหว่าน หยุนชีก็วางพู่กันในมือลงทันที : “ขอบคุณขอรับคุณหนู”
เฟิงฉิ้นหว่านเดินไปที่โต๊ะทำงาน แล้วเริ่มหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาเปิดดู
ในสมุดบัญชี ต่อให้เป็นเงินที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเพียงไม่กี่อีแปะ ก็ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ทั้งหมด เฟิงฉิ้นหว่านอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างถอนใจ : “พรสวรรค์เช่นนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ เจ้าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดหรือไม่ ?”
“ที่ข้าต้องการจะล่อไม่ใช่อานผิงอ๋อง แต่เป็นบุตรชายของอานผิงอ๋อง ตอนนี้จวิ้นอ๋องน้อยผู้นั้นเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่สิบสี่ปี เป็นวัยที่สงสัยใคร่รู้ไปเสียทุกเรื่อง”
“ข้าน้อยเพียงแต่กังวลว่า อานผิงอ๋อง ผู้นั้นจะไม่ยอมพาบุตรชายมาที่หอหญิงงามเมืองนะสิเจ้าคะ ได้ยินมาว่า อานผิงหวานเอาใจใส่บุตรชายของตนเองเป็นอย่างยิ่ง ปกติแล้วแม้แต่โดนลมพัดก็กลัวว่าเขาจะเป็นหวัด”
“หากหลอกล่อมาได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากหลอกล่อไม่สำเร็จ ก็ค่อยคิดหาวิธีอื่น” แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านฉายแววของความมั่นใจออกมา : ไม่ว่าอย่างไร นางจะต้องได้รับมิตรภาพจากอานผิงอ๋อง ให้ได้
เมื่อข่าวลือของหอหญิงงามเมืองแพร่ออกไป ก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดขึ้นในหลินผิงทันที ภายใต้การจัดการของหยุนชี ข่าวลือแพร่กระจายออกจากหลินผิงไปทั่วทั้งเจียงหนานอย่างรวดเร็ว
สองวันต่อมา หอชมจันทราที่อยู่ห่างจากหอหญิงงามเมืองออกไปไม่กลนัก จู่ ๆ ก็เริ่มส่งบัตรเชิญออกไป เชิญชวนให้แขกผู้มีเกียรติในหลินผิง มาเยี่ยมชมหอชมจันทราหลังจากที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เรียบร้อยแล้ว
ในหอหญิงงามเมือง ใบหน้าของนางลี่เต็มไปด้วยความโมโห : “ท่านชายน้อย ท่านคงไม่รู้ หอชมจันทราแห่งนั้นช่างไร้ยางอายอย่างยิ่ง พวกเขาลอกเลียนแบบหอหญิงงามเมืองของเราอย่างสมบูรณ์ ปรับปรุงหอชมจันทราใหม่ทั้งหมด ตอนนี้เปลี่ยนรูปแบบให้มีหลายชั้น ชั้นที่เปิดกิจการในวันนี้มีชื่อว่าโบตั๋นครองใต้หล้า”
เฟิงฉิ้นหว่านนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเบา ๆ : “ทำไมนางลี่ต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะ หอชมจันทรายินดีจะลอกเลียนแบบ นั่นหมายความว่าหอหญิงงามเมืองของเราประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ ?”
“แต่ข้าน้อยเป็นห่วงว่า หอชมจันทราจะทำให้กิจการของเราได้รับผลกระทบนะเจ้าคะ”
“ตอนนี้หอหญิงงามเมืองมีแขกมาใช้บริการอย่างแน่นขนัด บรรดาหญิงสาวในหอต่างก็เหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง ถือเสียว่าได้มีเวลาพักผ่อนพอดี” เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มอย่างใจเย็น
“คุณหนู หากเป็นเช่นนี้ คงจะทำให้สูญเสียแขกไปไม่น้อย”
“แขกก็ต้องเน้นที่มีคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ หอหญิงงามเมืองของเราต้องการขุดทองจากทราย ไม่ใช่ว่าสิ่งสกปรก สิ่งไม่ดีก็จะดึงดูดเข้ามาในหอเสียทั้งหมด นับได้ว่าหอชมจันทราปรากฏตัวออกมาได้ถูกที่ถูกเวลาพอดี”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านลึกซึ้ง : กำลังคิดหนักเรื่องหาข้ออ้างสำรวจเบื้องลึกของหอชมจันทราไม่ได้อยู่พอดี คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเสนอตัวออกมาเองเช่นนี้
หอชมจันทราสามารถชี้นำให้ผู้ใดมาสร้างความวุ่นวายที่หอหญิงงามเมืองได้ เป็นเพราะความบังเอิญหรือมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังกันแน่ ก็คงต้องอาศัยการหยั่งเชิงครั้งนี้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ