ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 115

ในเมืองหลินผิงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่พ่อค้าจำนวนมาก เริ่มแย่งซื้อกิจการที่สมาคมการค้าหนานเจียงทิ้งเอาไว้ ทำให้ราคาสินค้าในเมืองหลินผิงขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องนี้

สำหรับตระกูลใหญ่ สิ่งของที่ต้องซื้อมีราคาแตกต่างไปจากเดิมเพียงแค่ไม่กี่ตำลึง จึงไม่เกิดความแตกต่างมากนัก แต่สำหรับประชาชนธรรมดาแล้ว ของใช้จำเป็นมีราคาสูงขึ้นเพียงแค่อีแปะเดียว ก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว

เพราะความวุ่นวายในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนตาดำ ๆ ต่างเดือดร้อน แต่ถนนที่หอหญิงงามเมืองตั้งอยู่ กลับคึกคักผิดปกติ

เฟิงฉิ้นหว่านยืนอยู่บนหอ มองลงมายังรถที่เคลื่อนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายที่ถนนด้านล่าง ทำให้ประกายในแววตาสั่นไหวเล็กน้อย

ฉินฮั๋วเหนียนเดินขึ้นมา : “คุณหนู วันนี้แขกที่เดินทางมายังหอหญิงงามเมืองน้อยลงไปเกือบสามส่วน”

เฟิงฉิ้นหว่านหันสายตากลับมา : “ท่านอาฉินไม่ต้องเป็นกังวล และบอกหญิงสาวที่อยู่ในหอด้วยว่าไม่ต้องคิดมาก ช่วงที่ผ่านมาทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยมามาก ให้มอบเงินเพิ่มให้กับทุกคน คนละยี่สิบตำลึง จากนั้นเชิญคนของหอเฉิงอีเข้ามาที่หอ เพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าให้บรรดาหญิงสาว และให้พวกนางพักผ่อนให้เต็มที่”

“เช่นนั้นทางด้านหอชมจันทราล่ะขอรับ ?”

“ไม่ต้องไปสนใจ ปล่อยให้พวกเขาสนุกสนานต่อไป”

“ขอรับ

ในเมืองหลินผิงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งตารอดู การปะทะกันระหว่างหอชมจันทราและหอหญิงงามเมือง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหอหญิงงามเมืองกลับเพิกเฉย

หอชมจันทราพยายามอย่างหนักเพื่อดึงดูดแขกเหล่านั้น แต่หญิงสาวในหอหญิงงามเมืองกลับใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข ถึงขั้นว่ามีอยู่วันหนึ่งที่แขกบางตา จึงปิดร้านแล้วออกไปเดินจับจ่ายใช้สอยบนถนนอย่างง่ายดาย

ในหอชมจันทรา มีชายคนหนึ่งสวมชุดสีฟ้านั่งอยู่ริมหน้าต่าง สายตาจับจ้องไปที่ป้ายของหอหญิงงามเมือง

ชายคนนี้แต่งกายด้วยชุดสีฟ้า หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่างามไม่ธรรมดา ดวงตางามระหงแฝงความหมองหม่นเล็กน้อย คนผู้นี้คือหยุนเลี่ยว ท่านชายสามแห่งตระกูลหยุนที่ไปพบหลินชิวหยุนมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง : “หอหญิงงามเมืองยังไม่ตอบโต้อีกหรือ ?”

หยุนเลี่ยวหันหาหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ยืนตัวตรงสวมชุดกระโปรงอันงดงามอยู่ด้านข้าง : “ท่านชาย ดูเหมือนหอหญิงงามเมืองจะไม่สนใจที่ถูกแย่งลูกค้าเลยสักนิด”

“พวกหวางจื้อหยวนยังไม่มาตามคำเชิญอีกหรือ ?”

“เจ้าค่ะ บัตรเชิญถูกส่งออกไปแล้ว แต่พวกของนายท่านหวางต่างมีธุระติดพันจนไม่มีเวลาไม่อาจมาได้ จึงปฏิเสธกลับมา”

“มีธุระติดพันจนไม่มีเวลาที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากผิดใจกับเฟิงฉิ้นหว่าน” หยุนเลี่ยวแสดงสีหน้าสงสัย “ไม่รู้ว่าเฟิงฉิ้นหว่านวางยาเสน่ห์อะไรคนพวกนั้น ถึงทำให้พวกเขาจงรักภักดีได้เช่นนี้”

“ท่านชาย ตอนนี้หอหญิงงามเมืองมีอิทธิพลอย่างยิ่ง หากเผชิญหน้ากันอย่างกะทันหันเช่นนี้ จะเป็นผลดีจริง ๆ หรือเจ้าคะ ?”

หยุนเลี่ยวเงยหน้าขึ้น : “ซู่ซิน เจ้าเองก็ออกมาจากหอหญิงงามเมือง ไม่ว่าจะฉินฮั๋วเหนียนหรือตระกูลเฟิง ต่างก็มีความเข้าใจเป็นอย่างดี เจ้าคิดว่าเฟิงฉิ้นหว่านจะเป็นเหมือนที่ผู้คนแอบซุบซิบนินทากันว่า ถูกคนรับเลี้ยงอย่างลับ ๆ มาหลายปีจริงหรือ ?”

ซู่ซินขมวดคิ้ว : “ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของแม่นางเฟิงผู้นั้นไม่ปรากฏชัดเจนนัก และปรากฏตัวต่อสาธารณะน้อยครั้งนัก ข้าน้อยจึงไม่เคยเห็นนางมาก่อน”

“เฟิงฉิ้นหว่านอาจมีความสามารถบางอย่าง แต่คงไม่ลึกลับอย่างที่ผู้คนในเมืองหลินผิงเล่าลือกันอย่างแน่นอน เพียงแค่อาศัยความสามารถของผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนเท่านั้น หากข้าต้องการคว้าตำแหน่งผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลหยุนมาให้ได้ ข้าก็จำต้องผ่านบททดสอบในครั้งนี้ หอหญิงงามเมืองกำลังได้รับความนิยม หากข้าสามารถทำลายหรือกลืนกินมันได้ ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของข้าได้ดีอย่างยิ่ง”

“แต่ว่าท่านชาย แล้วนายท่านที่อยู่เบื้องหลังแม่นางเฟิงผู้นั้นล่ะ ท่านทำลายหอหญิงงามเมือง แล้วนายท่านผู้นั้นจะโกรธเคืองหรือไม่เจ้าคะ ?”

“เจ้าคิดว่าตระกูลเฟิงและตระกูลหยุนเปรียบเทียบกันแล้วเป็นอย่างไร ?”

“ถึงแม้ตระกูลเฟิงจะตั้งตัวขึ้นมาใหม่ได้อย่างสวยงาม แต่เมื่อเทียบกับตระกูลหยุนแล้วนับว่ายังต่างกันราวฟ้ากับดิน”

“ถูกต้องแล้ว ขอเพียงนายท่านผู้นั้นไม่ใช่คนโง่ ก็น่าจะรู้ว่าการเลือกตระกูลหยุน สามารถช่วยเหลือเขาได้มากกว่าการเลือกเฟิงฉิ้นหว่านอย่างแน่นอน”

“ท่านชาย นายท่านคิดจะพึ่งพาองค์ชายสามไม่ใช่หรือเจ้าคะ ? ถ้าหากจู่ ๆ ท่านหันไปติดต่อกับผู้มีพระคุณคนอื่น นายท่านจะโกรธหรือไม่เจ้าคะ ?”

“ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเสียหน่อย พึ่งพาองค์ชายสามเป็นความคิดของพี่รอง หากท่านพ่อเห็นด้วย ตำแหน่งเจ้าบ้านเป็นไปได้อย่างสูงที่จะตกเป็นของพี่รอง ในเมื่อต้องการช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ้านกับพี่รอง ก็ต้องให้ท่านพ่อมองเห็นทางเลือกอื่น”

บนสนามหญ้าราบเรียบนอกเมือง เฟิงฉิ้นหว่านถือสายป่านวิ่งไปมาอยู่บนพื้นดิน เมื่อเหว้ยหลันเห็นว่าได้จังหวะที่เหมาะสม ก็รีบส่งว่าวที่อยู่ในมือขึ้นไปบนท้องฟ้า

เด็กน้อยตัวอ้วนอุ้มปลาคาร์ฟลากสายป่านยาวเหยียดสองเส้น ลอยกวัดแกว่งไปมาขึ้นสู่ท้องฟ้า สีสันสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง

“คุณหนู ลอยขึ้นไปแล้วเจ้าค่ะ !”

ปรากฏรอยยิ้มขึ้นในแววตาของเฟิงฉิ้นหว่าน มือจับสายป่านเอาไว้แน่นและคอยกระตุกขึ้นลง ว่าวกระดาษที่เดิมทีลอยอยู่อย่างสงบ เริ่มกวัดแกว่งไปมาบนท้องฟ้า และวาดวงกลมวงใหญ่ขึ้นหนึ่งวง

ว่าวกระดาษที่เฟิงฉิ้นหว่านทำขึ้นมีสีสันสดใส เมื่อลอยขึ้นไปก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนในทันที

“คุณหนูยอดเยี่ยมจริง ๆ เลยเจ้าค่ะ !” เหว้ยหลันปรบมือ แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม

เฟิงฉิ้นหว่านขยับสายป่านของว่าวที่อยู่ในมืออย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จู่ ๆ ว่าวกระดาษก็ค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้น

“ว๊าย !”

เหว้ยหลันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตกใจ กลัวว่าว่าวที่สวยงามเช่นนั้น เมื่อหล่นลงมาจะขาดเสียหาย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีต่อมา ว่าวกระดาษที่เดิมทีกำลังลอยต่ำลง จู่ ๆ ก็กวัดแกว่งและลอยสูงขึ้นอีกครั้ง

“ดี !” จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนว่าดีขึ้นมา เฟิงฉิ้นหว่านหันมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นรถม้าที่จอดอยู่ข้างถนนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

องครักษ์ที่ยืนอยู่รอบ ๆ รถม้าต่างมีท่าทีขึงขัง จ้องมองเฟิงฉิ้นหว่านด้วยสายตาระแวดระวัง

ผ้าม่านของรถม้าถูกเปิดออก เด็กหนุ่มอายุราว ๆ สิบสามสิบสี่ปีคนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถม้า : “พี่สาวท่านนี้ ฝีมือเล่นว่าวของท่านยอดเยี่ยมจริง ๆ”

เฟิงฉิ้นหว่านมองพิจารณาเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด ผ่านไปสักพัก ก็ขมวดแน่นคิ้วขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ