เห้อเหลียนฉางเซิงมุดออกมาจากรถม้า และเตรียมจะกระโดดลงมา ทำเอาคนควบรถม้าตกใจจนหน้าถอดสี
โชคดีที่ในตอนนี้ได้มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากรถม้า และดึงเอาคอเสื้อด้านหลังของเห้อเหลียนฉางเซิงเอาไว้
“ฉางเซิง ห้ามดื้อสิ”
เห้อเหลียนฉางเซิงเป็นเหมือนดั่งแมวที่ถูกจับคอด้านหลัง ต้องคอตกไปในทันที และลงจากรถม้าอย่างว่าง่าย เงยหน้ามองไปยังเฟิงฉิ้นหว่านด้วยสายตาละห้อย
เฟิงฉิ้นหว่านมองกลับไป และปรากฏรอยยิ้มอ่อน ๆ ออกมา
เห้อเหลียนฉางเซิงดีอกดีใจขึ้นมาในทันที และยิ้มกว้างตอบกลับไป: “พี่ชาย!”
ที่จริงแล้วเขาอยากจะเรียกพี่สามมากกว่า แต่ระหว่างทางเสด็จพ่อได้ย้ำนักย้ำหนาว่า ห้ามเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพี่สาวเป็นอันขาด
เฟิงฉิ้นหว่านเดินเข้ามาทำความเคารพ: “ฉินหว่านน้อมพบอานผิงอ๋อง คารวะใต้เท้าเจ้า คารวะท่านชายน้อย”
ในที่สุดอานผิงอ๋อง ก็ได้พบกับคนที่อยากจะพบมาเป็นเวลาหลายวัน อดไม่ได้ที่จะพิจารณาดูอย่างละเอียด
เฟิงฉิ้นหว่านที่อยู่ตรงหน้าสวมในชุดของบุรุษ เส้นผมถูกรวบเอาไว้ด้วยกวานหยก หน้าตาสวยงาม ปากแดงฟันขาว พร้อมด้วยรอย ๆ อ่อนในเวลานี้ มีความสูงส่งเอ้อระเหยอยู่ในตัว ราวกับคุณชายที่ไม่เคยพบเจอโลกภายนอกที่ถูกเลี้ยงดูมาจากพวกตระกูลใหญ่
“ท่านชายฉินไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้าไม่ใช่อานผิงอ๋อง เป็นแค่ลูกค้าธรรมดาคนหนึ่ง ที่พาบุตรชายมาพบเจอกับโลกภายนอกเท่านั้น”
ประหม่าในการลงมือของเฟิงฉิ้นหว่าน น้ำเสียงของอานผิงอ๋อง นั้นมีมารยาทเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่หอหญิงงามเมือง”
เฟิงฉิ้นหว่านไม่ได้พูดคุยอะไรมาก และเดินนำทางคนทั้งสองเข้าไปในหอ
อานผิงอ๋อง หรี่ตาลงเล็กน้อย เฟิงฉิ้นหว่านมีท่าทางเป็นธรรมชาติเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าตนเอง ไม่มีท่าทีร้อนตัวเลยสักนิด หรือว่านางจะมีวิธีทำให้สุขภาพร่างกายของฉางเซิงดีขึ้นจริง ๆ?
เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าเล็กน้อย สบเข้ากับสายตาพิจารณาของอานผิงอ๋อง นางเพียงยิ้มอ่อน ๆ โดยไม่ได้พูดมากความอะไร
ท่าทางสงบไม่ร้อนรนของนาง เมื่อตกอยู่ในสายตาของผู้อื่น มันช่างไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
แม้ว่าอานผิงอ๋อง จะเป็นคนตงเหว้ย แต่ก็เป็นท่านอ๋องเต็มรูปแบบ ฐานะตำแหน่งไม่รู้สูงส่งถึงเพียงใด แต่เมื่อเฟิงฉิ้นหว่านเผชิญหน้ากับเขา กลับไม่มีท่าทางประจบสอพลอ เอาอกเอาใจเลยสักนิด ในทางกลับกันท่าทีของอานผิงหวังกลับเป็นมิตรเป็นอย่างมาก ซึ่งนี่มันทำให้คนอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดไตร่ตรองให้ลึกยิ่งขึ้น
คนจำนวนมากต่างก็เชื่อคำร่ำลือในนครหลินผิงเมื่อก่อนหน้านี้ยิ่งขึ้น แม่นางเฟิงผู้นี่จะต้องมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านชายฟู่แห่งจวนยู่ชินอ๋องจริง ๆ เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นละก็ เหตุใดอานผิงอ๋อง และใต้เท้าเจ้าถึงได้ให้เกียรตินางเช่นนี้เล่า?
ภายในใจของพวกหวางจื้อหยวนเหลือเพียงความรู้สึกโชคดีเท่านั้น โชคดีที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เลือกอย่างฉลาด หลังจากได้ทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในนครหลินผิง ยังคงเลือกที่จะเชื่อถือเฟิงฉิ้นหว่านเหมือนเดิม ไม่ได้ถือโอกาสสร้างความลำบากใจให้ มิเช่นนั้นวันนี้คงต้องมาเสียใจภายหลังเป็นแน่
ลูกค้าเต็มร้าน หลังจากที่เสียงฆ้องได้ดังก้องกังวานขึ้น การแสดงของหอหญิงงามเมืองก็ได้เริ่มขึ้น
ทุกคนต่างได้ยินมาถึงปลาทะยานข้ามประตูมังกรมาก่อนแล้ว แต่จะทะยานข้ามอย่างไรนั้นต่างไม่มีผู้ใดคาดเดาได้เลย เพราะหอหญิงงามเมืองแห่งนี้ต่างมีลูกเล่นแปลก ๆ เสมอ
ลูกค้าทุกคนต่างถูกเชิญขึ้นมาชั้นบน จากนั้นเสียงดึงโซ่ก็ได้ดังขึ้นอย่างช้า ๆ
ทุกคนคนต่างเงยหน้ามองไปดูอย่างไม่ได้นัดหมาย แท่นดอกไม้ที่ถูกดึงให้อยู่ติดเพดานโค้งในเมื่อก่อนหน้านี้ได้ค่อย ๆ เลื่อนลงมา
เมื่อเห็นแท่นดอกไม้ที่มีสภาพปกติ คนจำนวนมากต่างก็รู้สึกประหลาดใจ: “ไม่มีอย่างอื่นอยู่บนแท่นดอกไม้นี่นา แม้แต่น้ำก็ยังไม่มี แล้วจะแสดงปลาทะยานข้ามประตูมังกรอย่างไรเล่า?
เฟิงฉิ้นหว่านยืนออกมา: “ท่านนี้ก็น่าจะเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้วว่า วันนี้จะแสดงปลาทะยานข้ามประตูมังกร ทุกท่านสามารถเลือกปลาคราฟให้อยู่ภายใต้ชื่อของตนเองได้คนละตัว หากอีกสักครู่ปลาคราฟตัวที่เลือกสามารถทะยานข้ามประตูมังกรได้ ท่านก็จะได้รับพร”
“ใต้เท้าจ้าวเกรงใจเกินไปแล้ว เราทุกคนได้รับการดูแลจากใต้เท้าจ้าว และใช้ชีวิตอยู่ในหลินผิง ก็ควรแล้วที่จะช่วยอีกแรง”
เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากจ้าวยี่ ผู้คนไม่น้อยต่างก็ดวงตาเป็นประกาย
ใต้เท้าเจ้าผู้นี้เป็นคนซื่อตรง ผู้คนมากมายอยากจะประจบสอพลอแต่กลับไร้ซึ่งหนทาง บัดนี้โอกาสพบกลับได้วางอยู่ตรง เพียงแค่ใช้เงินไม่กี่ตำลึงเท่านั้นเอง มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การแสดงปลาทะยานข้ามประตูมังกรเริ่มขึ้นในบัดนี้”
ทันทีที่เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวจบ เสียงน้ำไหลก็ค่อย ๆ ดังขึ้น จากนั้นเสียงน้ำไหลก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ในตอนนี้เอง แสงเทียนภายในหอหญิงงามเมืองก็ได้ค่อย ๆ หม่นหมองลง บรรยากาศเงียบสงบลงเรื่อย ๆ มีเพียงเสียงน้ำไหลดังลอยมาเป็นระยะ ทำให้จิตใจคนอดไม่ได้ที่จะสงบลงตาม
ในตอนที่ทุกคนผ่อนคลายจนถึงขีดสุดนั่นเอง จู่ ๆ ก็มีน้ำไหลรินลงมาจากเพดานโค้งอย่างช้า ๆ เฉกเช่นน้ำตกสายหนึ่ง แฝงไปด้วยแสงระยิบระยับ ตกลงสู่แท่นดอกไม้ที่ได้เลื่อนลงมาในเมื่อก่อนหน้านี้
“นี่......”
“ช่างเป็นความคิกที่ละเอียดอ่อนยิ่งจริง ๆ ประณีตยิ่งกว่าเนรมิตเสียอีก!”
“เดิมคิดว่าการออกแบบของหอหญิงงามเมืองประณีตงดงามเพียงพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีน้ำตกลงมาจากเพดานโค้งด้านบน มันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
ฟังคำชื่นชมจากทุกทิศทุกทาง สายตาที่ฉินฮั๋วเหนียนมองเฟิงฉิ้นหว่านนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม: ในตอนแรกที่คุณหนูออกแบบเครื่องกลเหล่านี้ ได้ใช้กำลังคนและกำลังของไปจำนวนมาก ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจ รู้สึกเพียงว่าเสียเงินไปอย่างไม่คุ้มค่า มาวันนี้ดูแล้ว คุณหนูช่างรอบคอบคิดการณ์ไกล สติปัญญาล้ำเลิศยิ่งนัก
คนอื่นเดินหนึ่งก้าวมองไปข้างหน้าสิบก้าวก็นับว่าหาได้ยากมากแล้ว คุณหนูของตนเล่า เดินไปหนึ่งก้าว สายตายังมองไปไกลกว่าสิบลี้ มันทำให้คนไม่นับถือไม่ได้จริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ