เมื่อฟู่ลั่วเฉินอ่านข้อมูลในมือที่เกี่ยวข้องกับการสืบอานผิงอ๋อง จนจบ ดวงตาของเขากลายเป็นสีดำสนิท “ส่งคนไปสังเกตการณ์อานผิงอ๋อง มากหน่อย”
ตระกูลหยุนก็ลงมาเข้าร่วมด้วยแล้ว ต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวครั้งนี้ให้ดี เพราะจะทำให้องค์ชายสองและองค์ชายสามไม่นอกลู่นอกทางไปอีกพักใหญ่
“ท่านชาย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอานผิงอ๋อง เชื่อใจหมอที่หยุนเลี่ยวพามา เราควรเตือนเขาหน่อยดีหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอก เฝ้าดูเงียบๆ ก็เพียงพอแล้ว อานผิงอ๋อง จะได้รู้จักความผิดหวังเสียบ้าง”
ฟู่ลั่วเฉินไม่รู้ว่าฝีมือของหมอที่หยุนเลี่ยวพามาดีหรือไม่ แต่เขามั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังหยุนเลี่ยวไม่มีทางปล่อยให้เห้อเหลียนฉางเซิงมีชีวิตอย่างสงบสุขแน่
องค์ชายสองและองค์ชายสามอาจจะขอยืมมือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของอานผิงอ๋อง ได้ แต่ไม่สามารถที่จะสานสัมพันธ์ที่แท้จริงกับอานผิงอ๋อง ได้ เพราะสิ่งที่พวกเขาแย่งชิงกันอยู่นั้นคือตำแหน่งจักรพรรดิ ดังนั้นการแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิของราชวงศ์ต้าลี่ ประเทศตงเหว้ยไม่ควรที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม
พวกเขาจึงพยายามที่จะใช้ความสามารถของอานผิงอ๋อง ให้ได้มากที่สุด และพยายามอย่างยิ่งที่จะกำจัดอานผิงอ๋อง ไปให้พ้นทุกวิถีทางเช่นกัน
ท้องฟ้ามืดขึ้นเรื่อยๆ ฟู่ลั่วเฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะว่าคดี และแอบเหม่อลอยถึงเฟิงฉิ้นหว่านอย่างไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพยายามไปหานางแต่ไม่ได้พบหน้าถึงสองครั้งหรือไม่ ถึงทำให้เขาอยากเจอนางมากอย่างผิดปกติเช่นนี้
ณ วัดอานหลิง เฟิงฉิ้นหว่านยืนอยู่ข้างหน้าต่าง นางเงยหน้าเหม่อมองพระจันทร์ที่สุกสว่างกลมโตราวกับเป็นเรือเล็กๆ และก็อดไม่ได้ที่จะจามออกมา
เหว้ยหลันรีบหยิบเสื้อคลุมออกมาห่มให้นาง “คุณหนู ลมราตรีค่อนข้างเย็น ใส่เสื้อมากชิ้นหน่อยจะดีกว่านะเจ้าคะ”
เฟิงฉิ่นหว่านส่ายหน้า “เกรงว่าคงไม่ได้เป็นเพราะลมเย็น แต่เป็นเพราะมีคนแอบคิดถึงข้ามากกว่า”
ระหว่างที่คิด นางก็แอบบ่นในใจ โชคดีที่นางแอบเตรียมยาผงสำหรับป้องกันตัวเอาไว้หลายชนิด และยังเตรียมการป้องกันสำหรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเหมือนเช่นอย่างครั้งที่แล้วกับฟู่ลั่วเฉิน นางตั้งใจทำยาเม็ดออกมาโดยเฉพาะ เปลือกด้านนอกของตัวยาสามารถป้องกันน้ำได้ เพียงบีบเปลือกด้านนอกออกก็จะสามารถเอายาผงด้านในออกมาได้ทำให้ง่ายต่อการใช้งานมาก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานางก็ไม่เคยเป็นกังวลว่ายาจะโดนน้ำอีกเลย
เฟิงฉิ้นหว่านมองวิวทิวทัศน์ยามราตรีสักพัก จากนั้นจึงนอนพักผ่อนบนเตียง
ช่วงเวลากลางดึก เกิดเสียงดังเอะอะขึ้น เหว้ยหลันที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังประตู “ใครน่ะ”
“ข้าคืออานผิงอ๋อง แม่นางเฟิงอยู่หรือไม่” น้ำเสียงแหบแห้งร้อนรนดังขึ้น
เฟิงฉิ้นหว่านลืมตา ดวงตาคู่งามของนางไม่ปรากฏอาการงัวเงียเลยแม้แต่น้อย นางลุกขึ้นนั่งแล้วส่ายหน้าให้เหว้ยหลัน
เหว้ยหลันรีบเอ่ยปาก “เหลวไหล อานผิงอ๋อง จะมาปรากฏตัวกลางดึกที่วัดอานหลิงได้อย่างไร”
“แม่นางเฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ด้านใน ตอนนี้ฉางเซิงกำลังตกอยู่ในอันตราย ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ได้โปรดให้ความช่วยเหลือด้วยเถิด” อานผิงอ๋อง เอ่ยพลางก้มตัวลงทำความเคารพอยู่ด้านนอก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว
เฟิงฉิ้นหว่านลุกขึ้นยืน นางสวมใส่เสื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้เหว้ยหลันเปิดประตู
“เป็นท่านอ๋องจริงๆ เฟิงฉินหว่านทำความเคารพท่านอ๋อง”
เมื่อเห็นว่าประตูถูกเปิดออก แววตาของอานผิงอ๋อง ก็เริ่มเปล่งประกายตื่นเต้น “แม่นางเฟิง เกิดเรื่องกับฉางเซิงแล้ว แม่นางช่วยไปดูเขาให้ข้าได้หรือไม่”
เฟิงฉิ้นหว่านมองอานผิงอ๋อง อย่างสงบเงียบ นางขยับเท้าเพียงเล็กน้อย “ฉิ้นหว่านเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีความสามารถอะไร ท่านอ๋องไปเชิญคนที่มีความสามารถเถิด”
ใบหน้าของอานผิงอ๋อง เริ่มซีดขาวลง “แม่นางเฟิง……ข้ารู้ดีว่าก่อนหน้านี้ ข้าไม่ควรเชื่อคนตระกูลหยุนอย่างหยุนเลี่ยว แต่หมอที่เขานำตัวมาเป็นถึงปรมาจารย์หมอที่รักษาคนป่วยมาแล้วมากมาย ตอนนั้นข้า……ตอนนั้นไม่รู้ว่าข้าคิดอะไรอยู่ ข้าคิดเพียงว่าขอแค่มีคนช่วยมาตรวจอาการของฉางเฟิง ก็อาจจะมีความหวังที่จะรักษาหาย แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้สองวันฉางเฟิงยังดีๆ อยู่เลย แต่วันนี้อาการกลับแย่ลงกะทันหัน”
“ในเมื่อสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ท่านอ๋องก็ไม่ควรที่จะไปคาดหวังกับคนอื่นแล้วไปเชิญปรมาจารย์หมอคนนั้นมาช่วยรักษา” สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
“เขาจนปัญญาที่จะรักษาฉางเซิงแล้ว……”
“ขนาดปรมาจารย์หมอยังไร้ทางรักษา เช่นนั้นท่านอ๋องก็ไม่ควรเอาความหวังมาโยนไว้ที่ผู้หญิงธรรมดาอย่างข้า”
“แม่นางเฟิง!” สีหน้าของอานผิงอ๋อง รีบร้อน “ข้ารู้ดีว่าแม่นางคงแค้นใจข้าเป็นอย่างมาก ขอแค่แม่นางยอมช่วยข้า ข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไปตลอดชีวิต เรื่องเส้นทางการค้า ข้าจะช่วยแม่นางให้ถึงที่สุด ขอแค่แม่นางช่วยรักษาเท่านั้น……”
เฟิงฉิ้นหว่านถอดเสื้อผ้าของเห้อเหลียนฉางเซิงออก จากนั้นหยิบเข็มเงินออกมาแล้วเล็งไปที่ขมับของเขา
ฝังเข็มไปได้เพียงไม่กี่เข็ม ในที่สุดตัวของเห้อเหลียนฉางเซิงก็หยุดกระตุก และฟันที่ขบเข้าหากันแน่นก็ค่อยๆ คลายออก
เฟิงฉิ้นหว่านหยิบขวดกระเบื้องมาแล้วเทยาที่อยู่ในนั้นออกมาเพื่อป้อนยาให้ฉางเซิง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เห้อเหลียนฉางเซิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพที่ค่อยๆ รางเลือนเริ่มแจ่มชัด เมื่อเขามองเห็นเฟิงฉิ้นหว่านชัดแล้ว เขาก็มีท่าทางดีใจ แม้ว่าร่างกายของเขาจะอ่อนแอมาก แต่กลับพยายามยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
เฟิงฉิ้นหว่านวางขวดยากลับลงไป เมื่อเห็นท่าทางของเขาจึงยกมือปิดตาของเห้อเหลียนฉางเซิงเอาไว้ “อย่าคิดว่ามองแบบนี้แล้วข้าจะใจอ่อนนะ”
เมื่อดวงตาของเขาถูกเฟิงฉิ้นหว่านเอามืออันอบอุ่นปิดเอาไว้ เห้อเหลียนฉางเซิงจึงมองไม่เห็นอะไรอีก แต่เขากลับรู้สึกอบอุ่นใจ และพยายามที่จะเข้าใกล้นิ้วมือของเฟิงฉิ้นหว่านมากขึ้นแล้วเอาหน้าถูมือของนาง
“พี่สาว……ขอบคุณนะขอรับ……”
น้ำเสียงของเห้อเหลียนฉางเซิงแหบแห้งเป็นพิเศษ เสียงที่พูดออกมาก็อ่อนแออย่างยิ่ง ทำให้ความเย็นชาในสายตาของเฟิงฉิ้นหว่านลดลง
“เอาล่ะ ข้าไม่ถือสาเจ้าแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าของเห้อเหลียนฉางเซิง นางก็เริ่มใจอ่อนลง
หากช่วยได้ก็ช่วยไปเถิด การที่เห้อเหลียนฉางเซิงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็นับว่านางได้ทำลายโซ่ตรวนเมื่อชาติที่แล้วลง แสดงให้เห็นว่านางได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างแท้จริง
อานผิงอ๋อง เดินกระสับกระส่ายอยู่ปากประตู และพยายามเงี่ยหูฟังที่บานประตูเพื่อฟังความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในห้อง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงของเห้อเหลียนฉางเซิงพูดดังออกมา เขาพลันรู้สึกว่าหัวใจของเขาที่ตกอยู่ในนรกถูกกระชากกลับขึ้นมาอยู่ในโลกมนุษย์อีกครั้ง น้ำตาแห่งความปลื้มปีติจึงไหลออกมา “สวรรค์คุ้มครองโดยแท้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ