เฟิงฉิ้นหว่านฝังเข็มให้เห้อเหลียนฉางเซิง จากนั้นจึงไปคุมการต้มยาด้วยตนเอง จากนั้นเฝ้ามองเขาดื่มยาลงไปอย่างว่าง่าย
“วันนี้กินได้แค่ข้าวต้มที่ย่อยง่ายเท่านั้น ส่วนหากจะกินของอื่นๆ ให้เอามาให้ข้าตรวจสอบก่อน” เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวกำชับอานผิงอ๋อง
“ตกลง”
ยุ่งวุ่นวายอยู่ทั้งเช้ากว่าเฟิงฉิ้นหว่านจะมีเวลามานั่งกินข้าวเช้ากับเสิ่นเยว่
หลังจากกินข้าวเสร็จได้ไม่นาน เหว้ยหลันกับแม่นมโจวก็ยกกล่องใบใหญ่เข้ามาด้านใน
เฟิงฉิ้นหว่านมีสีหน้าประหลาดใจ “นี่คืออะไร”
“เรียนคุณหนู นี่คือของที่อานผิงอ๋อง ให้คนเอามาให้เจ้าค่ะ บอกว่าเป็นของที่ให้คุณหนูกับฮูหยิน
ไว้ใช้ในชีวิตประจำวันเจ้าค่ะ”
“ไหนลองเปิดดูสิ”
เมื่อกล่องถูกเปิดออกจึงพบว่าด้านในคืออัญมณีล้ำค่า
กล่องถูกแบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นแรกมีชุดกระโปรงหลัวที่ทอจากผ้าเสว่ต่วน ด้วยฝีมือประณีต ลวดลายงดงาม เพียงดูคราเดียวก็รู้แล้วว่ามีมูลค่าสูง
ส่วนในชั้นที่สองมีเครื่องประดับผมที่ทำจากไข่มุกที่เคลือบด้วยทองและฝังด้วยหยกที่ดูหรูหราสวยงามยิ่ง
ส่วนชั้นที่สามมีตั๋วเงินปึกหนาวางอยู่หนึ่งปึก เฟิงฉิ้นหว่านกวาดตามอง ดูคร่าวๆ แล้วน่าจะราวๆ หมื่นตำลึง
เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มออกมา “ท่านอ๋องจ่ายหนักยิ่ง”
เหว้ยหลันที่อยู่ข้างๆ อธิบายว่า “อันที่จริงอานผิงอ๋อง ตั้งใจจะนำมามอบให้ด้วยตนเอง แต่คิดทบทวนแล้วเห็นว่าในห้องนี้มีแม่นางเฟิงอาศัยอยู่กับฮูหยินเพียงสองคน ของที่นำมามอบให้ก็เป็นคนของใช้ส่วนตัวอย่างเครื่องประดับและเสื้อผ้า จึงกลัวว่าจะทำให้ชื่อเสียงของทั้งสองเสื่อมเสีย ดังนั้นจึงให้บ่าวเป็นคนเอามาให้แทน คุณหนูยินดีจะรับของพวกนี้ไว้หรือไม่เจ้าคะ”
“ของพวกนี้เป็นของที่อานผิงอ๋อง ให้เป็นค่ารักษา แน่นอนว่าข้าต้องรับเอาไว้”
เสิ่นเยว่เริ่มไม่สบายใจ “ฉิ้นหว่าน ของพวกนี้แพงเกินไปหรือไม่”
“ท่านแม่ หากพวกเราไม่รับเอาไว้ ท่านอ๋องคงจะกินนอนไม่ได้ไปหลายวันเชียวล่ะ”
“จะว่าไปแล้วก็จริง เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็รู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง เจ้าเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยท่านชายน้อยคนนั้น ก็ควรค่าที่เจ้าจะได้รับเงินพวกนี้ เช่นนั้นก็รับไว้เถิด”
เฟิงฉิ้นหว่านหัวเราะเบาๆ “เจ้าค่ะ”
นางชอบยามที่ท่านแม่พยายามจะช่วยนางเช่นนี้
ภายในหมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงัด อานผิงอ๋อง พยายามรักษาความปลอดภัยของลูกตัวเองจึงหวาดระแวงจนถึงขั้นบ้าคลั่ง แม้มียุงบินมาเพียงตัวเดียวก็ตรวจสอบให้ดีก่อนว่ายุงมีขางอกออกมาหรือไม่
ณ วัดอานหลิง ฟู่ลั่วเฉินหยุดยืนอยู่ด้านหน้าประตูวัด เขาโบกพัดพับในมือเบาๆ จี้ที่ห้อยพัดอยู่จึงสั่นไหวเล็กน้อย
เขารู้สึกว่าทำเช่นนี้มันชัดเจนเกินไป ครุ่นคิดอยู่นานจึงเก็บพัดและจัดระเบียบกระเป๋าเงินที่แขวนอยู่ตรงเอว
“ไปเถิด”
วันอานหลิงเป็นเพียงวัดเล็กๆ ดังนั้นแสงเทียนจึงไม่ได้สว่างไสวมากนัก และตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่ทำให้ผู้คนที่มาที่นั่นยังมีไม่มากนัก
“ว่าอย่างไรโยม มาไหว้พระหรือ” พระรูปหนึ่งเดินเข้ามาถาม
“ข้อแรกมาเพื่อไหว้พระ ข้อสองมาเพื่อตามหาคน มิทราบว่าแม่นางเฟิงยังอยู่ในวัดหรือไม่”
“หากจะมาไหว้พระ ธูปเล่มนี้ยังไม่มีคนใช้ แต่หากมาหาคนเกรงว่าท่านชายจะเสียเวลาเปล่าเสียแล้ว เมื่อคืนแม่นางเฟิงมีธุระจึงลงเขาไปกลางดึกแล้ว”
หยุนซวนที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม เขาค่อยๆ หันหน้ามาแล้วจ้องค้างอยู่ที่พระรูปนั้น
“ท่านไม่ได้จำผิดกระมัง ฮูหยินเสิ่นแห่งตระกูลเฟิงและแม่นางเฟิงมาไหว้พระที่วัดแห่งนี้ เห็นบอกว่าจะมาเพื่อสวดภาวนาสามวัน แต่นี่เพิ่งจะวันที่สองเอง”
“อาตมาไม่ได้จำผิด แม่นางเฟิงกับฮูหยินเสิ่นได้ออกไปจากที่นี่แล้วจริงๆ”
ฟู่ลั่วเฉินค่อยๆ หลุบตาต่ำลง ดวงตาของเขาเกิดประกายขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้าไปในโบสถ์
หลังจากจุดธูปไหว้พระแล้ว ก็ทำบุญค่าธูปและน้ำมัน
หยุนซวนรีบปิดปาก แล้วมองไปที่ฟู่ลั่วเฉินอย่างน่าสงสาร “ท่านชาย……”
“ไปสืบมาให้ได้ว่าเมื่อคืนวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น นั่นจะถือเป็นการชดใช้ความผิดของเจ้า”
“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ฟู่ลั่วเฉินกลับไปยังสวน หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หยุนซวนก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาราวใกล้จะหมดลมเต็มทีเพื่อนำเรื่องที่สืบได้มารายงาน “ท่านชาย ข้าน้อย……ข้าน้อยสืบได้ความแล้ว อานผิงอ๋อง เป็นคนนำตัวแม่นางเฟิงไปขอรับ!”
“อานผิงอ๋อง ? ตอนนี้อยู่ที่ใด”
“อยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกของเมือง ตอนนี้ร่างกายของท่านชายกำลังป่วยหนัก แม่นางเฟิงน่าจะไปทำการรักษาให้เขาขอรับ”
ดวงตาของฟู่ลั่วเฉินหรี่เล็กลง หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็แผ่รังสีอำมหิตออกมา “ไปตามหาหยุนเลี่ยว!”
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”
หยุนซวนออกไป จากนั้นฟู่ลั่วเฉินจึงเอามือคลำถุงเงินที่ห้อยอยู่ตรงเอวพลางขมวดคิ้วแน่น “ตอนที่จะเล่นงานข้า เจ้าออกจะฉลาดปานนั้น ทำไมตอนนี้ถึงตกหลุมพรางผู้อื่นง่ายดายเช่นนี้”
ช่วงโพล้เพล้ของอีกสองวันถัดมา เฟิงฉิ้นหว่านนั่งอยู่ในศาลาเล็กเพื่อชมดอกโบตั๋นที่กำลังบานเต็มที่ หลังจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นด้านหลัง
เฟิงฉิ้นหว่านหันหน้ากลับไปมอง จึงเห็นว่าด้านหลังศาลาเล็กมีชายเสื้อโผล่ออกมา
“ออกมาเถิด”
เห้อเหลียนฉางเซิงโผล่หน้าออกมา ดวงตาที่หลักแหลมของเขาปรากฏความดีใจอย่างล้นหลาม หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆ เดินออกมา ในมือของเขาถือถาดที่วางดอกโบตั๋นอยู่ “พี่สาว!”
เฟิงฉิ้นหว่างชะงัก “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า เจ้าต้องอยู่นิ่งๆ เข้าไว้และอย่าวิ่งเล่นไปไหนๆ จะดีที่สุด”
เห้อเหลียนฉางเซิงยังคงเคลื่อนที่อย่างช้าๆ แววตาของเขาปรากฏความกังวลเล็กน้อย “พี่สาว ข้าเดินช้าๆ มาแบบนี้ตลอด เดินนิ่งมากไม่ได้วิ่งเลยขอรับ ข้า……ข้าเห็นว่าท่านชอบชมดอกโบตั๋น ก็เลย……เอามาส่งให้ท่าน”
ริมฝีปากของเฟิงฉิ้นหว่านคล้ายจะยิ้ม “วางดอกไม้ลงเถิด ส่วนเจ้าก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
เห้อเหลียนฉางเซิงยิ้มอย่างสดใส “ขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ