ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 135

เห้อเหลียนฉางเซิงยังคงทำท่าทางเหมือนอย่างเคย เขาก้าวเท้าช้าๆ เดินกลับไปราวกับต้องการจะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้วิ่งเล่น

เฟิงฉิ้นหว่านมองนางพลางพยายามที่จะเม้มปากแน่นเพื่อให้ท่าทางของตนดูจริงจัง แต่สุดท้ายก้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ ออกมา

ท่านชายน้อยผู้นี้ถูกเลี้ยงให้มีนิสัยใสซื่อบริสุทธิ์ คนเช่นนี้เติบโตมาในวังหลวงที่มีแต่ความดำมืดจึงเปรียบราวกับแสงสว่าง มิน่าสุดท้ายเขาจึงเกือบเอาชีวิตไม่รอด

เมื่อเห้อเหลียนฉางเซิงเดินห่างออกไปไกลแล้ว อานผิงอ๋อง ก็เดินตามมา

“แม่นางเฟิง ร่างกายของฉางเฟิงตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่”

“ก่อนหน้านี้อาการของเขาร้ายแรงมาก ตอนนี้จึงยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดไปก่อนเจ้าค่ะ”

อานผิงอ๋อง พยักหน้าและเตรียมจะพูดต่อ แต่เฟิงฉิ้นหว่านกลับเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ท่านอ๋องไม่ต้องกล่าวคำขอบคุณแล้ว ขอบคุณกันไปกันมาแบบนี้ไม่สู้หาทางวางแผนจัดการหยุนเลี่ยวจะดีกว่า”

“แม่นางเฟิงกล่าวถูกต้อง” สีหน้าของอานผิงอ๋อง หมองคล้ำลง “หยุนเลี่ยวคบคิดกับหมอเทวดาจัดการข้า ตอนนั้นข้าเป็นห่วงร่างกายของฉางเซิงมากเกินไป จึงได้แต่สั่งให้คนไปจับตาดูเขาเอาไว้ เมื่อวานจึงได้รับรายงานว่า หมอเทวดาผู้นั้นได้หายตัวไปแล้วตามที่แม่นางเฟิงกล่าวจริงๆ”

“คนทั้งคนคงไม่สามารถหายไปเฉยๆ ได้แน่ เพียงแต่เวลาผ่านไปสองวันแล้ว คงเหลือร่องรอยให้ติดตามไม่มากนัก ท่านอ๋องจึงต้องยอมรับความลำบากในข้อนี้”

“แม่นางเฟิงพอทราบหรือไม่ว่า ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังหยุนเลี่ยวคือใคร”

“ท่านอ๋องคิดจะทำอะไรหรือ”

“หมาตัวนี้กัดคน ลำพังเพียงตีหมาให้ตายอย่างเดียวคงไม่พอ อย่างน้อยๆ ก็ต้องตามหาเจ้าของของมันให้เจอด้วยเพื่อถามไถ่ให้แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดถึงปล่อยหมาออกเพ่นพ่านแบบนี้” สีหน้าของอานผิงอ๋อง เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“แต่ก็มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่าจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของก่อน ท่านอ๋องคิดจะตีหมาให้ตาย คงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น”

“ทำในที่แจ้งคงไม่ได้ แต่หากจัดการในที่ลับ แค่หมาตัวเดียวคงไม่ต้องทำอะไรให้มากความ”

ดวงตาของเฟิงฉิ้นหว่านเริ่มเคลื่อนไหว แววตาของนางส่องประกายออกมา “ดูท่าแล้วท่านอ๋องน่าจะมีแผนการของตัวเองแล้ว อย่างนั้นฉิ้นหว่านจะไม่พูดอะไรให้มากความ แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าสองพี่น้องหยุนเลี่ยวและหยุนฮั่นกำลังแย่งตำแหน่งเจ้าตระกูลกันอยู่ นอกจากนี้แล้วเบื้องหลังของสองพี่น้องน่าจะยังมีการขัดแย้งอื่นๆ อยู่อีก ตอนที่ท่านอ๋องจะจัดการสุนัขก็ควรพิจารณาเรื่องนี้ด้วยนะเจ้าคะ”

เมื่อได้อานผิงอ๋อง มาจัดการหยุนเลี่ยว นางจึงไม่จำเป็นต้องออกแรง จะได้ประหยัดเวลาเอามาจับตาดูตระกูลหยุนให้ดี

“ขอบคุณแม่นางเฟิงที่ช่วยเตือน ข้าพอมีแผนการอยู่บ้างแล้ว” ขัดแย้งกันสิดี สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือสามัคคีกัน

“ตอนนี้ท่านชายน้อยยังไม่มีอะไรน่าห่วง ตัวข้าเองก็ออกจากเมืองมานานแล้ว ตอนนี้หอหญิงงามเมืองคงต้องการให้ข้าช่วยออกหน้าให้แล้ว ดังนั้นเดี๋ยวข้าขอตัวกลับเข้าเมืองก่อน”

“ตกลง เช่นนั้นข้าจะจัดคนให้ช่วยคุ้มครองแม่นางเข้าเมือง”

“อือ”

ออกจากบ้านตระกูลเฟิงมาสามวันกว่าจะได้กลับ ตอนนี้เฟิงฉิ้นหว่านอารมณ์ดีอย่างยิ่ง

“ไปๆ มาๆ อย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าบ้านของตัวเองสบายที่สุดแล้ว”

เสิ่นเยว่หัวเราะเบาๆ อยู่ข้างๆ กายนาง และสั่งการให้คนนำของที่อานผิงอ๋อง มอบให้นำไปเก็บในห้องเก็บของ

“ข้าเห็นว่าของที่อานผิงอ๋อง มอบให้มีผ้าเสว่ตวนสองผืน ได้ยินมาว่าเป็นของที่เป็นที่นิยมมากในเมืองหลวง เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะเย็บชุดกระโปรงหลัวให้ลูกด้วยตัวเอง”

เฟิงฉิ้นหว่านเกาะแขนเสิ่นเยว่เพื่อเป็นการออดอ้อน “ข้าชอบใส่เสื้อผ้าที่ผ่านแม่เย็บให้ที่สุด แต่ไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเหนื่อยเกินไป ข้าเลยคิดว่าจะเชิญช่างเย็บผ้ามาทำให้ ท่านแม่เพียงช่วยเย็บบนชุดสักสองสามเข็มก็พอ”

“ไปยุ่งธุระของเจ้าเถิด ไม่ต้องกังวลทางแม่ แม่มีความสุขที่ได้ทำเสื้อผ้าให้ลูกใส่”

เฟิงฉิ้นหว่านอยากจะพูดต่อ แต่เสิ่นเยว่ก็ไล่นางให้ไปพักผ่อนเสียก่อน

สองวันนี้ นางต้องคอยจับตาดูแลเห้อเหลียนฉางเซิง คอยต้มยาและคอยดูแลอาหารการกินของเขา ทำให้นางไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่นาทีเดียว ทำให้เฟิงฉิ้นหว่านเองก็รู้สึกเหนื่อยมากเช่นกัน เมื่อล้มตัวนอนบนเตียงไม่นาน นางก็หลับไปทันที

ในขณะที่นางกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น ก็ได้ยินเสียงดังมาจากหน้าต่าง

“เหว้ยหลัน?”

เฟิงฉิ้นหว่านลืมตาแล้วมองผ่านม่านคลุมเตียงออกไปจึงเห็นเงาคนกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง หัวใจของนางเต้นระส่ำ จากนั้นจึงเอามือคลำหากริชที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนออกมา

นิ้วมือของฟู่ลั่วเฉินที่จับข้อมือของเฟิงฉิ้นหว่านเอาไว้แข็งทื่อ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยนาง และหันกลับไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างหนึ่งแทน รู้สึกเหมือนว่าไม่ได้เจอตนมานานแล้ว หรือว่านางอยากจะบอกว่าไม่เจอหน้าวันเดียวราวกับฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปสามปี

“เจ้า……พูดจาตรงไปตรงมาดี”

ตรงไปตรงมา?

ตอนนั้นเฟิงฉิ้นหว่านไม่ค่อยเข้าใจนัก เขาพูดแบบนั้นเขาเอาอะไรมาวัดว่าตรงหรือไม่ตรง ตนก็แค่ยอเจ้านายนิดหน่อยเท่านั้นเอง

“หากท่านชายไม่ชอบ คราวหน้าข้าจะพูดแบบอ้อมๆ หน่อยแล้วกันเจ้าค่ะ”

แม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมายของเจ้านายนัก แต่ก็พูดให้ถูกต้องไว้หน่อยดีกว่า

“ไม่ต้องหรอก” แววตาของฟู่ลั่วเฉินเริ่มสั่นคลอน ก่อนจะกล่าวเสียงเข้มออกมา

“เช่นนั้นข้าจะเชื่อฟังท่านชาย”

เจ้านายอารมณ์แปรปรวณเราควรทำอย่างไรดี ก็คงต้องเอาตามเขาใช่หรือไม่?

รอยยิ้มของเฟิงฉิ้นหว่านยิ่งอ่อนหวานขึ้น “ท่านชายกลับมาเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ ทำไมถึงไม่ส่งจดหมายมาแจ้งข้าเอาไว้ก่อน ข้าจะได้เตรียมต้อนรับอย่างดี”

“ข้าได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้มาดูแลอานผิงอ๋อง ”

“ที่แท้เช่นนี้เอง ท่านชายรีบร้อนมาหาข้ากลางดึกเช่นนี้ มีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่”

แน่นอนว่าฟู่ลั่วเฉินไม่ยอมโดนดูถูกง่ายๆ : นางได้รับความเชื่อมั่นจากอานผิงอ๋อง ไปแล้ว และเขาตามหานางเจอพอดี โอกาสมาถึงอย่างพอเหมาะพอดี

“ข้า……”ฟู่ลั่วเฉินชะงักไป ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าควรเอ่ยออกไปว่าอย่างไรดี

หรือว่าจะบอกไปดีว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องรีบร้อนวิ่งมากลางดึกถึงที่นี่ ให้รออีกสักคืนก็รอไม่ไหว

แต่ประโยคนี้จะพูดออกไปไม่ได้เด็ดขาด!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ