มองดูท่านพ่อพาหยุนเลี่ยวเดินออกไป แต่ทิ้งตนเองเอาไว้อยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง หยุนฮั่นโกรธแค้นถึงขีดสุด ความโกรธทำให้ดวงตาของเขาเป็นสีแดงรุนแรงมากขึ้น
เฟิงฉิ้นหว่านนำเทียนในมือส่งไปให้ในมือของหยุนฮั่น เทียนเอียงเล็กน้อย น้ำตาเทียนสองสามหยดลงบนแขนเสื้อของหยุนฮั่น
“ท่านชายรอง ชีวิตนี้ของท่านช่างน่าเวทนายิ่งนัก ท่านไม่คิดจะแก้แค้นเสียหน่อยเชียวหรือ?”
หยุนฮั่นกำเทียนในมือเอาไว้แน่น นิ้วมือสั่นเล็กน้อย
“โยนลงไป ความแค้นที่ผ่านมาก็จะถูกคิดบัญชีพร้อมกันทั้งหมด”
เปลวเทียนในมือของหยุนฮั่นยิ่งสั่นรุนแรงขึ้น
เฟิงฉิ้นหว่านถอยหลังไปสองก้าว เพื่อให้แน่ใจว่าจะมองไม่เห็นตนเองจากด้านล่าง น้ำเสียงที่ต่ำเบาเล็กน้อยแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ปลุกปั่นจิตใจคน:
“ท่านชายรอง ถ้ายังไม่นำเทียนโยนลงไปอีก นายท่านหยุนก็จะพาหยุนเลี่ยวหนีไปได้แล้ว หลังจากกลับไป หยุนเลี่ยวก็จะได้รับช่วงตำแหน่งนายท่านต่อ ในตระกูลหยุนก็จะไม่มีที่ยืนสำหรับท่านอีกต่อไป......”
“อ้า! พวกเจ้าตายไปให้หมด!”
หยุนฮั่นทนรับแรงกระตุ้นเช่นนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ตะโกนร้องออกมาทีหนึ่ง แล้วโยนเทียนในมือมุ่งตรงสู่ด้านล่าง!
เปลวไฟสัมผัสลงกับพื้น เปลวไฟที่รุนแรงลุกขึ้นดังพรึ่บแล้วเพลิงก็ลุกลามไปทั่วในหอหญิงงามเมือง
ในเวลานี้ หน้าต่างบานหนึ่งบริเวณชั้นหนึ่งถูกคนทุบออกจากด้านนอก จ้าวยี่ที่เป็นผู้นำมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่หยุนฮั่นกำลังโยนเปลวเทียนพอดี หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอย่างอื่น ตะโกนเสียงดังทันที:
“รีบเข้าไปช่วยคนเร็ว!”
“ดับไฟ! รีบดับไฟ!”
เพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลวไฟลุกลามขึ้นไปยังชั้นบนตามผ้าม่านแพรโปร่งที่ห้อยลงมาอย่างรวดเร็ว
หยุนฉิวลากหยุนเลี่ยววิ่งออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะกลิ้งกึ่งคลาน
ในใจของจ้าวยี่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่จำเป็นต้องออกคำสั่ง ให้คนลากพวกเขาออกมาด้านนอกหน้าต่าง ในฐานะที่เป็นขุนนาง แม้ว่าภายในใจจะโกรธแค้นแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถมองดูคนตายไม่ช่วยชีวิตได้
แขนเสื้อของหยุนเลี่ยวถูกเปลวไฟไหม้ ต้องกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นถึงจะสามารถดับเปลวเพลิงลงได้ อ้าปากแล้วก็ตะโกนออกมา: “เฟิงฉิ้นหว่านต้องการฆ่าปิดปากพวกข้า......”
จ้าวยี่กัดฟันสอบถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เฟิงฉิ้นหว่านละ?”
แขนของหยุนฉิวถูกเผาบาดเจ็บบริเวณหนึ่ง แต่เจ็บเข้าไปจนถึงในหัวใจ แต่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาด้วยสภาพที่มั่นคง:
“ใต้เท้าจ้าว แม่นางเฟิงในตอนนี้ถูกขังอยู่ด้านในหอหญิงงามเมือง ดูเหมือนว่านางมีเจตนาอยากจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ทำให้คนนึกไม่ถึงว่า นางจะจงใจนัดพบพวกข้าที่นี่ คิดอยากจะลากพวกข้าตายไปพร้อมกัน......”
จ้าวยี่มองไปทางหยุนฉิวอย่างเย็นชา: “แท้ที่จริงแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไร นำคนช่วยออกมา จะถามให้ชัดเจนอย่างแน่นอน”
“รีบเข้าไปช่วยคนเร็วเข้า!”
“ใต้เท้า เพลิงไหม้ลุกลามรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะชั้นหนึ่ง คนเข้าไปไม่ได้เลยสักนิด!”
หยุนฮั่นที่โยนเทียนลงไปแล้วก็ล้มลงที่บนพื้นทันที ถูกความโกรธทำให้เสียสติในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมาแล้วเล็กน้อย เขาหันหน้ากลับไปมองเฟิงฉิ้นหว่านที่ยืนอยู่ด้านหลัง จ้องนางตาเขม็ง:
“เฟิงฉิ้นหว่าน เจ้าวางแผนทำร้ายข้า?”
เฟิงฉิ้นหว่านเหลือบตามองดูเปลวเพลิงที่กำลังพุ่งขึ้นมายังชั้นสอง สีหน้าบนใบหน้าตั้งแต่เริ่มจนจบนิ่งสงบไร้ความเคลื่อนไหว: “หากตระกูลหยุนไม่คิดทำร้ายข้า ข้าย่อมไม่มีโอกาสได้ตอบโต้กลับ”
ผู้ที่ฆ่าผู้อื่น ก็จะถูกผู้อื่นฆ่าไม่ช้าก็เร็ว
เฟิงฉิ้นหว่านยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมา เป็นถ้วยนั้นที่หยุนเลี่ยววางยาพิษเอาไว้ก่อนหน้านี้: “ท่านชายรอง ท่านดื่มด้วยตนเอง หรือจะให้ข้าช่วยกรอกลงไปให้ท่าน?”
“เจ้าจะทำอะไร?”
“หยุนเลี่ยวยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็จำเป็นต้องตาย”
“เจ้า......เจ้ากล้า?”
“ชีวิตข้ายังกล้าทิ้ง จะไม่กล้าฆ่าคนเชี่ยวหรือ? ท่านชายรองมิใช่ว่าเคยฆ่าคนมาแล้วหรอกหรือ? ไม่เช่นนั้นละก็ สร้อยลูกประคำบนข้อมือของท่านเส้นนั้นได้มาได้อย่างไรกัน?”
หยุนฮั่นกุมข้อมือเอาไว้: “เจ้า......เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เกาหวูเคยสวมใส่สร้อยลูกประคำเส้นหนึ่งที่ทำมาจากกระดูกนิ้วก้อยข้อที่สองของหญิงสาว ในตอนนั้นข้าก็รู้สึกรังเกียจเขามากพอแล้ว แต่ไม่คิดว่า คาดไม่ถึงว่าท่านจะนำฟันกรามของหญิงสาวมาขัดเงาหลังจากนั้นนำมาสวมเป็นเม็ดไข่มุก แท้ที่จริงแล้วจิตใจของคนผู้นี้โหดเหี้ยมดุร้าย ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถเข้าใจได้”
หยุนฮั่นรีบส่ายหน้า: “ไม่ใช่แบบนั้น นี่เป็นของที่ข้าซื้อหามา เพียงแค่เพื่อให้เป็นหน้าเป็นตา ข้าไม่เคยลงมือทำร้ายหญิงสาวเหล่านั้นด้วยตนเอง!”
“หญิงสาวเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”
ดูเหมือนว่าจุดที่ถูกวางกลอุบายเอาไว้ในหอหญิงงามเมืองไม่ใช่เพียงแค่ที่เดียว นางนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่นางลี่กับคนอื่นจะร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับกับนาง ที่มุมริมฝีปากยกขึ้นปรากฏให้เห็นรอยยิ้มเยาะหยันเย็นชาออกมาอย่างไม่นึกมาก่อน
นางเกือบจะทำลายน้ำแข็งภายในใจแตก ยอมรับแสงแดดที่อบอุ่นที่ส่องลงมาสายนั้น แต่คิดไม่ถึงว่า สิ่งที่ได้รับยังคงเป็นความทรยศ!
จ้าวยี่กำลังมองดูหอหญิงงามเมืองที่กลายเป็นทะเลเพลิงผืนหนึ่ง ดวงตาปรากฏความสิ้นหวังออกมาแวบหนึ่ง: แม่นางเฟิงท่านนั้นช่วยกลับมาไม่ได้แล้วจริงๆหรือ?
ในเวลานี้ มีเสียงควบของกีบเท้าม้าราวกับหยาดน้ำฝนมาถึง
จ้าวยี่หันหน้ากลับไปทันทีทันใด ตามมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมากบนใบหน้าในทันที: “ท่านชายฟู่?”
“เฟิงฉิ้นหว่านละ?” น้ำเสียงของฟู่ลั่วเฉินแหบแห้ง
“ถูกขังอยู่ภายในหอ”
ฟู่ลั่วเฉินในชุดสีดำ พลิกกายลงจากม้า มือข้างหนึ่งถือกระบี่ยาว มืออีกข้างหนึ่งหิ้วถังน้ำที่อยู่ข้างกายราดให้เปียกไปทั่วทั้งกาย จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวพุ่งตัวเข้าไปในทะเลเพลิงในหอหญิงงามเมือง!
“ท่านชาย!”
หยุนซวนลงจากม้าอย่างฝืนใจ ร่างกายโยกไหว เกือบจะล้มลงไปบนพื้น: “ยังยืนอึ้งทำไมอีก? รีบดับไฟ!”
จ้าวยี่กัดฟันแน่น: “ดับไฟ!”
ถ้าหากว่าฟู่ลั่วเฉินเป็นอะไรขึ้นมา ท้องฟ้าของหลินผิงนี้ก็คงจะถล่มลงมาจริงๆแล้ว!
ชั้นหนึ่งของหอหญิงงามเมืองกลายเป็นสีดำไหม้ไปทั้งผืนเรียบร้อยแล้ว ควันหนาลอยโขมง เกือบจะมองอะไรไม่เห็น
ฟู่ลั่วเฉินอาศัยความทรงจำ รีบวิ่งขึ้นไปทางชั้นสองด้วยความรวดเร็ว
แขนเสื้อถูกเปลวเพลิงจุดติด เขารีบใช้กระบี่ตัดแขนเสื้อจนขาดอย่างรวดเร็ว
เปลวเพลิงที่โหมรุนแรงสะท้อนอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง สีแดงเข้มซัดสาดออกมาจากดวงตาหงส์ที่ดำขลับ
“เฟิงฉิ้นหว่าน!”
ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเป็นอะไรไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ