ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 184

เมื่อพูดเรื่องการงานแล้วเสร็จ เฟิงฉิ้นหว่านมองไปยังฉียุ่นเซิงที่อยู่ตรงหน้า อดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้“เมื่อครู่ลุงฉีใส่จีวร ท่าทางที่เคาะปลาไม้นั้นไม่แตกต่างกับนักบวชทั่วๆไปเลย ปรกติก็เข้าวัดฟังพระเทศน์สวดมนต์ตลอดใช่หรือไม่ ?”

ฉียุ่นเซิงหัวเราะเหอะๆ “ที่เหมือนเช่นนั้น เป็นเพราะในวัยเด็กของข้า เคยบวชเป็นพระมาก่อนอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ”

“พระ ? ”ดวงตาแห่งความสงสัยของเฟิงฉิ้นหว่านก็ยิ่งจะเพิ่มมากขึ้น

“ในวัยเด็กครอบครัวยากจน ที่เรือนไม่มีอันใดให้กิน ได้ยินว่าหากออกบวชก็จะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ เช่นนั้นแล้วข้าก็จึงออกบวช”

สายตาที่ฉียุ่นเซิงมองเฟิงฉิ้นหว่านก็ยิ่งจะพึงใจมากขึ้น ปรกติเวลาจะคุยเรื่องตัวเองกับหยุนซวน เจ้าเด็กคนนั้นก็ประหนึ่งราวกับมีสามขา วิ่งหนีหายไปอย่างว่องไว เป็นเรื่องยากที่จะมีคนสนใจอย่างเฟิงฉิ้นหว่าน

“แล้วหลังจากนั้นทำไมถึงลาสิกขาล่ะเจ้าคะ?”ดวงตาเฟิงฉิ้นหว่านสุกใส

“เพราะกินเยอะมากไป เจ้าอาวาสวัดบอกเลี้ยงข้าไม่ไหว ก็จึงให้ข้าลงเขาไปบิณฑบาต ข้าพบว่าลงเขามาบิณฑบาตก็ยังกินไม่อิ่มท้อง ได้ยินคนบอกว่าไปเป็นทหารนั้นจะได้กินอย่างอิ่มท้อง ดังนั้นข้าจึงไปยังสนามรบ ในสนามรบโชคดีที่ได้รู้จักกับท่านอ๋อง จึงมาเป็นหทารใต้บังคับบัญชาของท่านอ๋อง”

“ข้าเห็นดวงตาของลุงฉีสดใส มีชีวิตชีวา ร่างกายกำยำแข็งแรง แต่ทุกย่างก้าวนั้นแผ่วเบา เห็นชัดว่าเป็นผู้มีวิชาอยู่ในตัว มีความสามารถเช่นนี้ ในสนามรบก็ย่อมต้องทำผลงานได้ดี แต่ลุงฉีไม่มีตำแหน่งอันใด กลับยังเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของท่านอ๋อง ซึ่งในความสัมพันธ์นั้นต้องมีที่มา หากข้าเดาไม่ผิด ลุงฉีเป็นคนที่ซื่อตรงและภักดี รู้จักบุญคุณ ”

ดวงตาของฉียุ่นเซิงที่มองไปยังเฟิงฉิ้นหว่านเต็มไปด้วยความชื่นชม“แม่นางเฟิงช่างปัญญาเฉียบแหลม”

ไม่แปลกที่ท่านชายจะดั้นด้นมาถึงที่หลินผิง เกือบต้องแลกชีวิตทั้งชีวิตก็ยังจะตามตัวคนมาให้ได้ หญิงงามนั้นมีอยู่มาก แต่ที่งามและรอบรู้มีไหวพริบ เป็นที่น่าสนใจ ก็ไม่ได้มีมากนัก

“ต่อไปยังต้องรบกวนลุงฉีช่วยดูแล หากฉิ้นหว่านทำอะไรที่มิถูกมิควร ขอลุงฉีได้โปรดอภัยด้วย ”

“แม่นางเฟิงถ่อมตัวไปแล้ว ในเมื่อเจ้าเรียกขานข้าว่าลุงฉีเหมือนท่านชาย ต่อไปเราก็เป็นคนกันเอง เจ้าอย่ามองว่าท่านชายนั้นมีนิสัยที่เคร่งขรึม แต่กับคนกันเองแล้วปฏิบัติด้วยอย่างดี”

เฟิงฉิ้นหว่านหันมองไปยังฟู่ลั่วเฉิน คิดไปถึงข้อความในสัญญา ใบหน้าแดงเรื่อและมีรอยยิ้มที่เขินอาย “ข้ารู้”

ดวงตาของฉียุ่นเซิงเป็นประกาย จดหมายที่ท่านอ๋องแจ้งมาเหตุใดถึงบอกว่าท่านชายยังตามเกี้ยวพานแม่นางเฟิงไม่สำเร็จ ที่เห็นตอนนี้ คนทั้งสองต่างชอบพอ และมีใจให้กันมิใช่หรือ?

ฟู่ลั่วเฉินกระแอมไอเสียงเบา“ลุงฉี ฮูหยินกับฉิ้นหว่านขึ้นเขามาเพื่ออธิษฐานขอพร แล้วเจ้าอาวาสของวัดอานหลิงเล่า?”

“ก่อนหน้าตอนที่ข้าออกบวชพอมีคนรู้จักอยู่บ้าง ข้าแนะนำให้เขาไปจำวัดที่อื่น ในเมื่อวัดอานหลิงนี้ก็มิได้มีธูปเทียนอันใด คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ”

ฟู่ลั่วเฉินหลุดหัวเราะ“ไม่ว่าลุงฉีจะไปที่แห่งใด ล้วนมีสหาย ”

“หรือไม่จริง ? มีสหายมากก็หนทางมาก มีศัตรูมากกำแพงขวางกั้นมาก มีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น สหายก็จึงย่อมมากเป็นธรรมดา”ฉียุ่นเซิงลุกยืนขึ้น“ฮูหยินกับแม่นางเฟิงนั่งกันไปก่อน ข้าขอไปที่ห้องเครื่องต้น ลงมือทำอาหารมังสวิรัติให้พวกท่านได้ลิ้มลอง”

เสิ่นเยว่รีบลุกขึ้นยืน ส่ายหัวปฏิเสธ“พี่ฉีไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้”

“ข้าแก่กว่าฮูหยินอยู่หลายปี หากฮูหยินไม่ถือสา เรียกข้าว่าพี่ฉีย่อมได้ ข้าไม่ใช่คนมียศศักดิ์อันใด แค่คนร่อนเร่พเนจรทั่วไป ก่อนหน้านั้นหยอกล้อฮูหยินกับแม่นางเฟิงไปตอนนี้จะทำอาหารสักมื้อ ถือเป็นการชดเชยแล้วกัน ”

ฉียุ่นเซิงพูดจบ ก็หันหลังแล้วเดินไปยังทิศทางของห้องเครื่อง

เฟิงฉิ้นหว่านมองไปยังฟู่ลั่วเฉิน“ท่านชายฟู่ แบบนี้มันดูจะไม่เหมาะสมหรือไม่ ?”

“ครั้งนั้นที่มาพบเจ้า เดิมอยากให้เจ้าต้องประหลาดใจ แต่เพราะมาช้าเกินไป เจ้าได้ลงเขาไปพร้อมอ๋องผิงหวางแล้ว และเดิมก็อยากจะแค่จุดธูปสักการะท่านพ่อของเจ้าเท่านั้น แต่เมื่อครุ่นคิดว่าแค่จุดธูปอย่างเดียวคงไม่เพียงพอกับความจริงใจ ดังนั้นก็เลยสักการะไฟแห่งแสง เพื่ออธิษฐานขอพรให้กับท่านพ่อของเจ้า”

ในตอนนั้นเขายังไม่ได้ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเฟิงฉิ้นหว่าน เรื่องหลายเรื่องก็ได้ทำลงไปอย่างไม่รู้ตัว

เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้า“สมุดบัญชีเล่นนั้นอยู่ในมือท่านชาย สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ เงินแห่งความโลภในแม่น้ำเอาคืนมาได้ สามารถจะซ่อมแซมเขื่อนให้ได้ดียิ่งขึ้น ดูแลชาวบ้านได้อยู่อย่างสงบสุข ความปรารถนาของท่านพ่อก็ถือว่าสำเร็จแล้ว และในตอนนี้ตระกูลเกาก็ได้ถูกลงโทษแล้ว ท่านพ่อก็คงจะอยู่อย่างสงบสุขได้แล้ว ขอบคุณท่านชายที่ให้ความเคารพท่านพ่อของข้า ”

ปลายนิ้วของฟู่ลั่วเฉินไหวสั่นเล็กน้อย พัดที่ถืออยู่ในมือถูกเขากำแน่นจนมีเสียงดังกึก ความปรารถนาดีที่เขาเอ่ยถึงเมื่อครู่นั้นมันสำหรับเฟิงฉิ้นหว่าน แต่ไม่คิดว่า นางจะเข้าใจผิดว่าเป็นความเคารพที่มีให้เฟิงหลิง นี่มันพลาดไปนิดเดียว ก็จะผิดไปเป็นโยชน์!

“……เป็นเรื่องสมควร”

“ท่านชาย เมื่อครู่ข้ามีเรื่องสงสัยเล็กน้อย ลุงฉีเรียกตัวเองว่าเจ้าอาวาสไร้เจตสิก แต่ในตอนที่ออกบวชมีชื่อทางธรรมที่เรียกขานกันเช่นนี้ด้วยหรือ?”

ในตอนที่นางไปส่งเสิ่นเยว่ไปยังเรือนที่พักในวัด บังเอิญเห็นหยุนซวนเดินตามฉียุ่นเซิงอย่างยิ้มแย้มและเรียกขานเขาด้วยชื่อนี้ ทำเอาฉียุ่นเซิงโกรธจนบิดไปที่หูของเขา มันทำให้นางเกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือชื่อนี้เรียกขานไม่ได้อย่างนั้นหรือ ?

จากนี้ไปต้องร่วมงานกัน หากรู้และเข้าใจมากขึ้น จะได้หลีกเลี่ยงการกระทำผิด

ฟู่ลั่วเฉินหัวเราะเสียงเบา หว่างคิ้วมีความอ่อนโยนผาดผ่าน“ข้าก็ได้ยินท่านพ่อว่ามา วรยุทธของลุงฉีนั้นเยี่ยมยอดมาก แต่ไม่รู้ว่าไปได้ยินเรื่องเล่าของจอมยุทธ์พเนจรมาจากที่ใด บอกว่าจอมยุทธ์พเนจรนั้นมีนิสัยบางอย่างของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเริ่มมุ่งมั่นที่จะฆ่าศัตรูโดยไม่ให้เปื้อนเลือดในสนามรบ ในตอนแรกก็ลำบากอย่างมาก มีเรื่องขำขันให้เล่าขานอยู่ไม่น้อย และเพราะเรื่องนี้ก็ยังเคยได้รับบาดเจ็บ สหายร่วมรบหลายคนก็หัวเราะเยาะเขา บอกว่าตั้งชื่อเป็นไร้เจตสิกเสียดีกว่า แสร้งทำตัวว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง”

“แล้วหลังจากนั้นเล่า ?”

รอยยิ้มฟู่ลั่วเฉินฉีกกว้างมากขึ้น “หลังจากนั้น…… ไร้เจตสิกคำเรียกขานนี้ก็มีชื่อเสียงตรงกับความจริง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ