ฟู่ลั่วเฉิงกลับไปที่ลานของตนเองด้วยความรู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับจินหมิงที่รออยู่ตรงประตู
“ข้าน้อยคารวะท่านชาย” จินหมิงรีบเดินเข้าไปทำความเคารพด้วยท่าทางที่สง่างาม
ฟู่ลั่นเฉินรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที : “มีอะไร ?”
“เรียนท่านชาย เป็นความผิดของข้าน้อยเอง ที่ไม่อาจมองการหลอกลวงของตระกูลเฟิงออกได้ล่วงหน้า”
“กิจการของตระกูลเฟิงถูกคำนวณออกมาแล้วหรือ ?”
“ขอรับ นอกจากหน้าร้านของตระกูลเฟิงที่มีอยู่ในตอนนี้แล้ว กิจการอื่น ๆ ทั้งหมดก็กลายเป็นสิ่งไร้ค่า หากตอนนี้ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ดูเหมือนว่าหน้าร้านจะทำเงินได้มากที่สุด
“เรื่องราคาเป็นอย่างไรบ้าง ?”
“อย่างมากก็คงได้ประมาณสองหมื่นสองพันตำลึงขอรับ”
ฟู่ลั่วเฉินขมวดคิ้วทันที : “ก่อนหน้านี้เฟิงฉิ้นหว่านเคยพูดว่า อย่างน้อยตระกูลเฟิงก็มีมูลค่าหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง”
“ท่านชาย ถ้ากิจการของตระกูลเฟิงเป็นปกติทุกอย่าง เมื่อรวมกับเส้นทางการค้าทั้งหมด ก็คงจะมีมูลค่าประมาณนี้ แต่ตอนนี้ ตระกูลเฟิงนั้นว่างเปล่าราวกับโครงไก่ เป็นอาหารที่ไร้รสชาติ แต่หากจะโยนทิ้งไปก็เสียดาย ตามความคิดของข้าน้อย ไม่สู้อาศัยโอกาสที่พ่อค้าจำนวนมากกำลังผนวกรวมสมาคมการค้าหนานเจียง รีบขายกิจการของตระกูลเฟิงออกไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
“ไม่ได้ !” ฟู่ลั่วเฉินขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างที่เขามองข้ามไป “เจ้าจะต้องคำนวณกิจการของตระกูลเฟิงออกมาให้ชัดเจน จะให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้ ?”
“เรียนท่านชาย เพราะท่านชายกำชับเป็นพิเศษ ดังนั้นครั้งนี้ข้าน้อยจะเป็นผู้จับตามองด้วยตนเองจนเสร็จสมบูรณ์ จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด”
คิ้วของฟู่ลั่วเฉินขยับเล็กน้อย : “แผนการผนวกรวมสมาคมการค้าหนานเจียงเป็นอย่างไร ?”
“สมาคมการค้าหนานเจียงมีการเคลื่อนไหวที่เอิกเกริกเกินไป พ่อค้าจำนวนมากในเจียงหนานต่างได้ยินข่าวนี้ ก็คิดที่จะอาศัยโอกาสเอาเปรียบ ประกอบกับองค์ชายสามทรงจงใจทำให้เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้น แอบลงมืออยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจึงสำเร็จไปเพียงแค่หนึ่งในสามขอรับ”
“เรื่องที่สมาคมการค้าหนานเจียง ให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบต่อ มีเจ้าอยู่ ข้าเองก็วางใจ ส่วนกิจการของตระกูลเฟิง ก่อนที่การนัดหมายหนึ่เดือนระหว่างข้ากับเฟิงฉิ้นหว่านจะมาถึง ไม่ต้องลงมือใด ๆ ทั้งสิ้น”
“ข้าน้อยรับทราบ”
หยุนชวนแอบฟังอย่างเงียบ ๆ รอจนกระทั่งจิงหมิงออกไปแล้ว ก็อดได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น : “ท่านชาย หากระยะเวลาหนึ่งเดือนมาถึงแล้วล่ะขอรับ ? ท่านจะขายกิจการของตระกูลเฟิงออกไปอย่างนั้นหรือ ?”
“หากกิจการของตระกูลเฟิงไร้ค่า เก็บเอาไว้จะมีประโยชน์อะไร ?”
“นั่นคือทรัพย์สินของแม่นางเฟิง จากนี้หากนางแต่งงานออกไป นั่นก็จะเป็นสินเดิม การแตะต้องสินเดิมของหญิงสาว หากเผยแพร่ออกไปจะไม่เป็นที่น่ารังเกียจหรือขอรับ”
ฟู่ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้นแล้วลูบหน้าผากของเขา รอให้กลับไปถึงเมืองหลวงก่อน เจ้าจงไสหัวกลับไปอยู่กับท่านพ่อ”
“ไม่นะ ท่านชาย ข้าน้อยพูดอะไรผิดตรงไหน ท่านจงบอกมาตามตรง ! อย่าเอาแต่ข่มขู่ข้าน้อยเช่นนี้ น่าตกใจจริง ๆ !”
ฟู่ลั่วเฉินหันหลังดินจากไป : “อย่าลืมสิ่งที่ข้าเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้”
หยุนชวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็ตั้งสติขึ้นมาได้ : “ขอรีบ ท่านชายโปรดวางใจ ข้าน้อยไม่มีทางลืมเด็ดขาด”
ในหอหญิงงามเมือง เฟิงฉิ้นหว่านส่งแขกทุกคนที่ยังคงติดพันอยู่กลับไป
หลังจากคนเหล่านั้นจากไปแล้ว ก็ยังคงพูดคุยอย่างมีความสุข : “พวกเจ้าค้นพบสวรรค์ของตนเองหรือยัง ?”
“ข้าหาเจอแล้ว ! ข้าได้พบกับแม่นางชิงอู่อีกทั้งแม่นางชิงอู่ผู้นี้ยังเป็นนกการเวกแปลงกายมาอีกด้วย นางมีความสามารถทั้งร้องรำ ที่สำคัญก็คือมีรูปร่างที่งดงาม มีหญิงรับใช้ทั้งสองคอยถือกลองใบเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ ส่วนนางคอยตีกลองและเต้นรำอยู่ด้านบน”
“ร้องรำได้เยี่ยมยอดตรงไหน ? นางฟ้าตัวจริงจะไม่ยอมแสดงความสามารถให้ใครเห็นได้ง่าย ๆ อีกทั้งนกการเวกที่อยู่บนสวรรค์ก็เป็นเพียงแค่นางฟ้าธรรมดา ๆ เท่านั้น ? มีอะไรน่าแปลกใจกัน ?”
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้าพบกับสรวงสวรรค์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าอย่างนั้นหรือ ?”
“แน่นอน ที่ข้าได้พบคือแม่นางเยว่เฉิน”
“อืม”
เฟิงฉิ้นหว่านเดินขึ้นชั้นบนไป จ้องมองห้องที่ว่างเปล่าด้วยแววตาหมองหม่น
ฉินฮั๋วเหนียนเดินขึ้นมา เมื่อไม่มีคนนอก คำเรียกที่เขาใช้กับเฟิงฉิ้นหว่านก็เปลี่ยนไป : “เมื่อครู่ดูเหมือนคุณหนูดูมีเรื่องกังวลใจ ไม่ทราบมีตรงไหนไม่เหมาะสมหรือเปล่าขอรับ ?”
เฟิงฉิ้นหว่านระงับความว้าวุ่นใจเอาไว้ : “ไม่มีอะไร เพียงแค่กำลังคิดแผนการขั้นต่อไปเท่านั้น”
“คุณหนูใกล้ชิดกับหลี่หยวนผู้นั้นได้สำเร็จ เขาเองก็เชื่อถือในคำพูดของคุณหนูแล้ว ต่อไปคงจะทำการได้สะดวกขึ้นไม่น้อยใช่ไหมขอรับ ?”
“คนที่อยู่เบื้องหลังหลี่หยวนคือองค์ชายสาม เขาเดินทางมาถึงหลินผิงหลายวันแล้ว คงร้อนใจไม่น้อยที่จะทำตามคำสั่งขององค์ชายสามให้ลุล่วง ข้าจึงไปพบเขาด้วยตนเอง จงใจแสดงความไม่เชื่อถือใต้เท้าจ้าวออกมา รวมไปถึงความโกรธแค้นที่มีต่อตระกูลเกาด้วย หากเป็นไปตามคาด ภายในไม่กี่วัน เขาจะต้องหาโอกาสให้ข้าเข้าไปพบกับคนของตระกูลเกาในเรือนจำอย่างแน่นอน”
ฉินฮั๋วเหนียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแสดงความประหลาดใจออกมา : “คุณหนูหมายความว่า เขาจะหลอกใช้ท่านกำจัดตระกูลเกา ?”
“ถูกต้องแล้ว”
“เช่นนั้นคุณหนูจะบอกเรื่องนี้กับใต้เท้าจ้าวหรือไม่ขอรับ ?”
“ย่อมต้องบอกใต้เท้าจ้าวแน่นอน ส่วนคนของตระกูลเกาเองก็ต้องตายด้วยเช่นกัน !”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านเต็มไปด้วยความเด็ดขาด วันนั้นนางไม่สามารถฆ่าชายที่ช่วยนางถอนพิษของน้ำเมากามารมณ์ได้ ทำให้ตอนนี้ต้องเกิดปัญหาตามมาอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นนางไม่มีทางทำผิดพลาดเช่นนี้อีกเด็ดขาด
“แต่ใต้เท้าเจ้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เก็บคนของตระกูลเกาเอาไว้นั้นมีประโยชน์ อีกทั้งเข้าจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างยุติธรรม คงไม่ยินยอมให้คุณหนูลงมือฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอน”
“ขอเพียงแค่คนของตระกูลเกาหมดประโยชน์ ใต้เท้าจ้าวจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านดุดัน ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติดูน่าทึ่งยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงเทียน ในความงามแฝงไปด้วยความดุร้าย : ต้องให้คนของตระกูลเกาตายไปจนหมดเสียก่อน เจตนาฆ่าและความโกรธแค้นที่มีอยู่ในใจของนางตั้งแต่เกิดใหม่จึงจะสงบลงได้บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ