สองวันต่อมา ชั้นสองและสามของหอหญิงงามเมืองเปิดให้บริการตามปกติ การส่งบัตรเชิญตามรายชื่อที่เฟิงฉิ้นหว่านวางแผนเอาไว้ ทำให้หลินผิงเกิดความวุ่นวายขึ้น โดยไม่ทิ้งร่องรอย
สองวันก่อน ก่อนที่เรือนพรรณบุปผกาและแดนสวรรค์ดาราจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ตอนนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทุกวันจะมีสิ่งแปลกใหม่ปรากฏออกมา ทำให้ชื่อสียงของหอหญิงงามเมืองโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก
บทกวีชื่นชมความงดงามและความสามารถของหญิงสาวในหอหญิงงามเมืองถูกเผยแพร่ออกไป เริ่มแรกยังต้องอาศัยเฟิงฉิ้นหว่านคอยแอบส่งคนไปช่วยเหลือ แต่ในภายหลัง กลับกลายเป็นปราชญ์เหล่านั้นที่แย่งชิงกันเขียนบทกวีให้กับหญิงสามในหอหญิงงามเมือง
หลังจากที่ชื่อเสียงของหอหญิงงามเมืองเผยแพร่ออกสู่โลกภายนอกไม่หยุด ทำให้บัตรเชิญหนึ่งใบมีมูลค่าสูงถึงหลายร้อยตำลึง อีกทั้งหากสามารถเขียนบทกวีที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ ก็จะมีโอกาสได้พบหน้ากับหญิงสาวในหอหญิงงามเมือง อีกทั้งยังได้รับโอกาสที่จะเข้ามาในหอหญิงงามเมืองพร้อมกับข้าราชการชั้นสูงอีกด้วย ซ้ำยังได้เผยแพร่ชื่อเสียงด้านความสามารถของตนเอง เช่นนี้ทำไมจะไม่ยินดีทำล่ะ ?
เฟิงฉิ้นหว่านออกจากหอหญิงงามเมืองและกลับไปยังตระกูลเฟิง เสิ่นเยว่ยังคงวิ่งเล่นอยู่เช่นเคย และมาหยุดอยู่ตรงประตูพอดี
“ท่านแม่ วันนี้ได้เดินเล่นหรือยังเจ้าคะ ?”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สีสันและความยิ่งใหญ่ตระการตาในหอหญิงงามเมือง นางรู้สึกว่ายังเทียบไม่ได้กับรอยยิ้มของเสิ่นเยว่
“วันนี้ไม่ใช่การเดินเล่น” การแสดงออกของเสิ่นเยว่ดูเป็นธรรมชาติกว่าเมื่อก่อนมาก
รอยยิ้มของเฟิงฉิ้นหว่านยิ่งสดใสมากขึ้น นางปีนขึ้นไปบนเสา แล้วก้าวไปจับแขนของเสิ่นเยว่เอาไว้ : “เช่นนั้นท่านแม่ตั้งใจมารอข้าอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ ?”
เสิ่นเยว่ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผลักเฟิงฉิ้นหว่านออก : “ข้าได้รับจดหมายมาหนึ่งฉบับ คนที่ชื่อหยุนชวนเป็นผู้นำมาส่งให้ บอกว่าต้องการส่งให้เจ้า”
“หยุนชวน ?” เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมหยุนชวนจึงเขียนจดหมายให้นางเป็นพิเศษได้ ?
เสิ่นเยว่ยื่นจดหมายให้กับเฟิงฉิ้นหว่าน จากนั้นจึงนั่งดื่มชาอยู่ข้าง ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฟิงฉิ้นหว่านเปิดจดหมายออกดู เมื่ออ่านเนื้อหาภายในจดหมายจบแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมา จากนั้นจึงแสยะยิ้ม
“หยุนชวนผู้นี้เป็นใครกัน ? เจ้าอ่านจดหมายของเขาแล้ว ดูเหมือนจะมีความสุขมากเลยนะ ?”
“หยุนชวนผู้นี้ เป็นองครักษ์ประจำตัวของท่านชายฟู่ ที่เขียนจดหมายมาหาข้าเพราะต้องการบัตรเชิญให้กับคุณชายฟู่ผู้นั้น”
“ข้ายังนึกสงสัยอยู่ ก่อนหน้านี้เจ้าส่งบัตรเชิญออกไปทั่ว ทำไมถึงลืมคุณชายฟู่ผู้นี้เพียงคนเดียวล่ะ ?”
“ของที่นำไปมอบให้ด้วยตนเองมักดูไม่สดใหม่ เดิมทีข้ายังคิดว่าจะให้ใต้เท้าหลี่ช่วยผลักดันอย่างลับ ๆ จึงจะสามารถดึงดูดท่ายชายฟู่มายังหอหญิงงามเมืองได้ คิดไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะประทานเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ลงมาให้”
ราวกับว่านางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะใช้อวนจับปลา เหยื่อก็เลือกที่แพงที่สุด แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จู่ ๆ ปลาใหญ่ตัวนี้จะกระโดดเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของนางเสียเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยไป
เสิ่นเยว่รินน้ำชาให้เฟิงฉิ้นหว่านหนึ่งถ้วย และแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อยออกมา : “ฉิ้นหว่าน มีบางอย่างที่ข้าอยากจะพูดกับเจ้า “
เฟิงฉิ้นหว่านโยนจดหมายลงด้านข้าง แล้วรีบนั่งตัวตรง : “ท่านแม่เชิญว่ามา”
“ข้าครุ่งคิดมาพักหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าการใช้ประโยชน์จากหอหญิงงามเมืองถือเป็นทางลัด แต่เจ้าก็ต้องพยายามแย่งชิงกิจการของตระกูลเฟิงกลับมาจากท่านชายฟู่ผู้นั้น ในเวลาเดียวกันยังต้องใกล้ชิดกับใต้เท้าหลี่อีก เปรียบไปกับการเดินอยู่บนยอดเขาสูงทั้งสองด้าน ที่มีลมกระโชกแรงอันน่ากลัว”
“ท่านแม่กังวลว่าข้าจะตกลงไปหรือ ?”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าการตายของท่านพ่อเจ้ามีเงื่อนงำ ในใจก็คิดจะแก้แค้น แต่ตอนนี้เมื่อลองสงบสติอารมณ์ลง ก็รู้สึกว่าความปลอดภัยของเจ้าสำคัญยิ่งกว่า ท่านพ่อของเจ้าตายไปแล้ว เจ้าคือลูกที่เขารักที่สุดตอนยังมีชีวิตอยู่ หากเจ้าปลอดภัย เขาจึงจะจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบ”
“ท่านแม่ ข้าเข้าใจความกังวลของท่าน แต่ข้าไม่อาจถอยหลังได้อีกแล้ว”
เฟิงฉิ้นหว่านหลับตาลง ในแววตาปรากฏความเกลียดชังอย่างรุนแรงขึ้น : ท่านพ่อจากโลกนี้ไป ตระกูลเกาโจมตี เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปจวนเฉิงเสี้ยงที่จะเข้ามาหาเองต่างหาก ที่จะเป็นขุมนรกอย่างแท้จริง
ชาติก่อน นางถูกทำร้ายเสียจนร่างกายไม่เหลือชิ้นดี ชาตินี้ นางจะทำให้จวนเฉิงเสี้ยงไม่มีวันสงบสุขได้อีก !
“ฉิ้นหว่าน ไม่อาจถอยหลังได้แล้วจริงหรือ ? หากเจ้าไม่ชอบหลินผิง พวกเราลองหาช่องทางอื่น เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ก็พอแล้ว เราสองคนแม่ลูก รวมไปถึงแม่นมโจว และเงินเก็บที่ยังพอมีอยู่บ้างในมือ หาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก แล้วใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ......”
“เจ้าคิดว่าองค์ชายสามทรงโง่เขลาหรือไม่ ?”
“ท่านอ๋องกล่าวว่า หากองค์ชายสามมีขน ก็คงจะเป็นเทพวานร” หยุนชวนพูดจบ ก็รีบยกมือปิดปาก “ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”
ฟู่ลั่วเฉินไม่อยากถือสาเขา : “ใช่แล้ว เขาไม่โง่ เช่นนั้นทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงสนใจตระกูลเฟิงที่ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ล่ะ ? อีกทั้งตระกูลเฟิงก็ไร้ความสามารถที่จะหาเงิน แล้วจะทำให้เส้นทางการค้าของสมาคมการค้าหนานเจียงมั่นคงได้อย่างไร ?”
“เอ่อ แม่นางเฟิงบอกแล้วไม่ใช่หรือขอรับ ? พ่อของนางนำเงินออกมาเพื่อเริ่มเปิดเส้นทางการค้ากับตงเหว้ยแล้ว เปิดเส้นทางการค้า โดยเฉพาะเส้นทางการค้าระหว่างสองประเทศ การจะขุดตระกูลเฟิงให้เกลี้ยง ก็เป็นแค่เรื่องเล็กไม่ใช่หรือขอรับ ?”
“เฟิงฉิ้นหว่านพูดอะไร เจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ ?”
“แม่นางเฟิงผู้นั้นไม่ใช่คนเลวเสียหน่อย ทำไมจะไม่เชื่อล่ะขอรับ ?”
ฟู่ลั่วเฉินเหลือบตามอง : “ช่างเถอะ ต่อไปเจ้าอยู่ห่างเฟิงฉิ้นหว่านให้มากสักหน่อย”
“ท่านชายเกรงว่าแม่นางเฟิงจะขายข้า ข้าน้อยรู้ดี”
“ไม่ใช่ ข้าเป็นห่วงว่านางจะอาศัยเจ้า ขายข้าไปด้วยอีกคนต่างหาก” ฟู่ลั่วเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จะเป็นไปได้อย่างไร ?” หยุนชวนหัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว
จู่ ๆ ยามเฝ้าประตูก็เข้ามารายงาน : “ท่านชาย แม่นางเฟิงมาขอรับ กล่าวว่าได้รับจดหมายจากองครักษ์หยุนชวน จึงเดินทางมาเพื่อมอบบัตรเชิญของหอหญิงงามเมืองให้โดยเฉพาะขอรับ”
ฟู่ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้นทันที มีแสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในแววตาเฉียบคมของเขา
หยุนชวนยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิมทันที : “ท่าน......ท่านชาย ท่านบอกเองว่า ให้ข้าเผยแพร่ข่าวลือออกไปว่าท่านอยากเข้าไปในหอหญิงงามเมือง......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ