มองแผ่นหลังที่จากไปอย่างเร่งรีบของจ้าวยี่ มุมปากของหลี่หยวนก็ยกขึ้น ก่อนจะหันไปมองหมากรุกสีดำขาวบนกระดาน และเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเบาๆ
ไม่ว่าหมากจะเดินดีแค่ไหน แต่สุดท้ายคนที่ชนะก็คือเขา!
ทันทีที่เกาหนานตาย องค์ชายองค์สามก็ได้ขจัดเสี้ยนหนามร้ายแรงในใจออกไปได้ จากนั้นก็ล่อฟู่ลั่วเฉินให้ติดกับ และดึงจวนยู่ชินอ๋องทั้งหมดลงไปในน้ำ และการเดินทางมายังหลินผิงก็เพียงพอจะนับว่าสำเร็จได้แล้ว!
หลี่หยวนคิดในใจพลางหมุนตัวเดินออกไปจากที่ว่าการอำเภอ
เมื่อขึ้นไปบนม้า หลี่หยวนสั่งการองครักษ์เบาๆ “เตรียมตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงทันที”
“ขอรับ”
ในคืนนี้ มีหลายคนที่นอนไม่หลับ
กลางดึก ฉินฮั๋วเหนียนเคาะประตูหลังของตระกูลเฟิง
แม่นมโจวรีบเปิดประตูให้คนเข้ามาทันที
“ท่านฉินมาแล้ว ฮูหยินกับคุณหนูรอท่านอยู่ที่ห้องโถงใหญ่”
ฉินฮั๋วเหนียนรีบพยักหน้า “อืม ข้าจะไปพบฮูหยินและคุณหนูเดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นฉินฮั๋วเหนียนเดินเข้าไปในห้องโถง สติของเฟิงฉิ้นหว่านก็ตื่นตัวขึ้น “ลุงฉินเรียบร้อยดีหรือไม่?”
ตามคำแนะนำของคุณหนู ข้าพาคนบุกเข้าไปในเรือนของเกาหนาน เห็นสองแม่ลูกคู่นั้น และหาจี้หยกชิ้นนี้เจอบนตัวเด็กคนนั้น เชิญคุณหนูตรวจดูได้เลย”
เฟิงฉิ้นหว่านลุกขึ้นไปรับจี้หยกมา มองดูลวดลายบนนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน “ไม่ผิด อันนี้แหละ”
“คุณหนู เรือนหลังนั้นถูกซ่อนไว้มิดชิดมาก ปกติไม่มีใครเห็นเกาหนานไปที่นั่น ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเขาซ่อนครอบครัวอีกครอบครัวไว้ที่นั่น?”
“ไปถามหยุนชีมา”
ความจริงแล้ว เฟิงฉิ้นหว่านได้รู้เรื่องพวกนี้ตามความทรงจำในอดีต แต่เรื่องแบบนี้จะพูดออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงผูกมิตรหยุนชี
ฉินฮั๋วเหนียนกล่าวด้วยความท้อใจ “คิดไม่ถึงว่าพวกขอทานที่คุณหนูซื้อมาเพราะความเมตตาเหล่านั้น จะมีประโยชน์ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้”
เสิ่นเยว่ไม่ค่อยเข้าใจ มองจี้หยกในมือของเฟิงฉิ้นหว่าน “จี้หยกชิ้นนี้ดูแล้วก็ไม่มีสิ่งใดพิเศษ ฉิ้นหว่าน เจ้าดูเหมือนจะสนใจมาก ด้านในสิ่งใดซ่อนอยู่งั้นหรือ?”
ฉิ้นหว่านส่งจี้หยกให้เสิ่นเยว่ “ท่านแม่เอามันไปดูใกล้ๆ กับแสงเทียนดูสิ”
เสิ่นเยว่นำจี้หยกไปใกล้แสงเทียนอย่างระมัดระวัง หลังจากดูครู่หนึ่ง
นางวางจี้หยกไว้บนฝ่ามือแล้วมองดูอย่างระมัดระวัง ตัวอักษรนั่นก็กายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านแม่ เห็นหรือไม่ว่าตัวอักษรที่ซ่อนอยู่บนจี้หยกนั่นคือตัวอะไร?”
“เหมือนจะเป็นตัว เซิง”
เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้า “ไม่ผิด คือตัว เซิง ”
“ตัวอักษรนี่หมายความว่าอย่างไร?”
“หากจะพูดถึงตัวอักษรนี้ ก็เป็นตัวอักษรธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แต่องค์ชายสามของราชวงศ์นี้มีชื่อว่าฟู่ถางเซิง ”
เสิ่นเยว่ถลึงตามองอย่างอดไม่ได้ “จี้หยกก้อนนี้เป็นขององค์ชายสามหรือ?”
“เกาหนานเห็นแก่ตัวเห็แก่ประโยชน์ของตัวเอง สองแม่ลูกนั่นน่าจะเป็นความจริงใจที่เหลืออยู่ไม่มากของเขา” ดวงตาของเฟิงฉิ้นหว่านวูบไหวอย่างเย็นชา “ถอนหญ้าก็ต้องถอนให้สิ้นซาก ถึงจะสามารถกำจัดปัญหาในอนาคตได้อย่างสมบูรณ์”
เสิ่นเยว่อ้าปากพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด “พ่อเจ้ากับเกาหนานรู้จักกันมานาน ไม่เคยสังเกตการมีอยู่ของแม่ลูกคู่นี้เลย เห็นได้ว่าเกาหนานปกป้องพวกเขาเป็นอย่างดี เรื่องของตระกูลเกา พวกเขาก็น่าจะไม่รู้”
เฟิงฉิ้นหว่านช้อนตามองเสื่นเยว่ “ท่านแม่อยากไว้ชีวิตพวกเขาหรือ?”
“ใช่ เด็กคนนั้นเพิ่งจะเจ็ดขวบ ไม่รู้เรื่องอะไร...” เสิ่นเยว่กระวนกระวายเล็กน้อย “ฉิ้นหว่าน ข้อเสนอของข้าอาจจะดูลำบากในความคิดของเจ้า แต่พ่อของเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ เขาไม่อยากให้เจ้าฆ่าคนบริสุทธิ์แน่นอน”
เฟิงฉิ้นหว่านกะพริบตาปริบๆ แววตาเป็นประกาย “ท่านแม่ไม่อยากให้ข้าสังหารพวกเขา งั้นไว้ชีวิตพวกเขาแล้วกัน แต่เพื่อไม่ให้พวกเขากลับมาแก้แค้น ข้าจะให้คนวางยาพวกเขา แล้วส่งไปที่อื่น เพื่อลืมเรื่องในอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่”
เสินเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นแบบนี้ก็ดี”
ฉนฮั๋วเหนียนเอ่ย “เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ข้า”
“ตกลง”
“คุณหนู ได้จี้หยกมาแล้ว ท่านจะทำอย่างไร?”
เฟิงฉิ้นหว่านมองจี้หยกในมือของเขา ในสายตาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา “มีหยกก้อนนี้ ก็สามารถโยนองค์ชายสาวลงน้ำได้แล้ว”
เพราะอยากจะใช้อำนาจของฟู่ลั่วเฉินในอนาคต แน่นอนว่าต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าตนมีประโยชน์ และนี่คือของขวัญยอมสวามิภักดิ์ของนางที่มอบให้ฟู่ลั่วเฉิน
ทั้งสามคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอีกครั้งเกี่ยวกับแผนของพวกเขาสำหรับคืนพรุ่งนี้ จากนั้นก็แยกย้าย
กลางดึกคนนั้น แม้ว่าหลายคนจะนอนไม่หลับ แต่เฟิงฉิ้นหว่านกลับหลับสบายมาก
เช้าวันต่อมา นางตื่นแต่เช้า เปลี่ยนเสื้อผ้า เขียนสัญญายืมเงินหนึ่งแสนตำลึงของหลี่หยวน ก่อนจะตรวจสอบอย่างละเอียด และลงชื่อของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ