หวางจื้อหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะ “ท่านชายฉิน ข้าขอพูดมากถามอีกคำได้หรือไม่ ต่อไปทุกคนที่จ่ายเงินขึ้นมาสัมผัสความหมายที่แท้จริงของชีวิตบนชั้นสี่นี่ ก็จะถูกท่านชายฉินถามคำถามพวกนี้หรือ”
“ไม่ใช่แน่นอน” เฟิงฉิ้นหว่านยังคงยิ้ม “ไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติเช่นนายท่านหวาง”
“หากเป็นเช่นนี้จริง ท่านชายฉินก็ไม่กลัวคนพวกนั้นกล่าวว่าหอหญิงงามเมืองจงใจหลอกเงินหรือ?”
“โลกนี้ช่างงมงาย แต่ข้าเชื่อ ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเชิญมาหอหญิงงามเมือง และมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่จะเอา เงินออกมาได้มากเช่นนี้ ล้วนเป็นผู้ที่ฉลาดอย่างยิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการเข้าใจความหมายที่แท้จริงของชีวิตนี้ ก็ไม่สร้างศัตรูให้ตัวเองไปทั่วหรอกมั้ง?”
“คำพูดนี่หมายความว่าอย่างไร?”
“ทางเส้นนี้ในเมื่อเป็นเส้นทางแห่งแสงสว่าง ก็ไม่ขาดคนเดินขึ้นมา ในเมื่อเดินขึ้นมาเส้นทางนี้แล้ว เช่นนั้นจะดูคนอื่นขุดตัดเส้นทางอย่างนิ่งเฉยหรือ?บนการค้าไม่ใช่มีคำนี้หรือ?ตัดทางทำเงินคนอื่นราวฆ่าพ่อแม่ผู้อื่น ถึงแม้คำพูดจะว่าเช่นนี้จะรุนแรงไปหน่อย แต่ความหมายที่ต้องการแสดงถึงก็กล่าวถึงแล้ว”
การจัดการกับหวางจื้อหยวนเช่นนี้ ที่ล้มลุกคลุกคลานบนการค้า กระทำอย่างอ่อนโยน กลับจะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความมั่นใจ ในเมื่อได้เข้าไปพัวพันกับสิ่งค้ำหนุนขององค์ชายสามแล้ว เช่นนั้นพูดอะไรก็ต้องใจแข็ง มีเพียงเช่นนั้น หวางจื้อหยวนถึงจะรู้สึกหวาดกลัว
“ท่านชายฉินพูดได้ถูก แต่ว่าการทำการค้าขายก็มีกฎของการค้าขาย คำเปล่าฟันขาวไม่มีผู้ใดยอมรับหรอก” หวางจื้อหยวนหยิบถ้วยน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ คำพูดได้นำมาซึ่งความเฉลียวฉลาดในการทำธุรกิจ
เฟิงฉิ้นหว่านยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม: ดูเหมือนสามารถเก็บแห่ได้แล้ว
“นายท่านหวางคือตัดสินใจสัมผัสความหมายที่แท้จริงของชีวิตนี้แล้วหรือ?”
“คนมีชีวิตเดียว ยังควรใช้ชีวิตให้กระจ่างมิใช่หรือ?พูดตามจริง นายหวางอยากสัมผัสทางโลกเหี่ยวเฉา ความมั่งคั่งเป็นเพียงเมฆลอย สักทีจริงๆ แต่ไม่รู้ปรมาจารย์ท่านนั้นเบื้องหลังท่านชายฉินจะยอมช่วยเหลือหรือไม่?”
เฟิงฉิ้นหว่านหยิบหยกแขวนออกมาหนึ่งชิ้น วางลงบนโต๊ะ: "นายท่านหวางดูหยกแขวนชิ้นนี้มีคุณภาพเป็นเช่นไร?"
หวางจื้อหยวนมองดูอย่างละเอียด แล้วสายตาสั่นขยับ: “ถ้าข้าดูไม่ผิด หยกแขวนชิ้นนี้และหยกแขวนที่ใต้เท้าหลี่สวมเมื่อหลายวันก่อนมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก?”
“ก็ว่าใช่หรือไม่?” คำตอบของเฟิงฉิ้นหว่านไม่ชัดเจน
“เช่นนี้นี่เอง” หวางจื้อหยวนตระหนักในทันที ดวงตามีแสงวาบผ่าน “ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าหลี่มีน้องชายดูเหมือนว่าก็ทำการค้าด้วย รวมด้วยหอหญิงงามเมืองที่นี่ของท่านชายฉินด้วย ก็ไม่น่าขาดกำลังคนมิใช่หรือ”
หลี่หยวนนั้นเป็นรองเจ้ากรมอาญา ตำแหน่งยี้ฟังแล้วดูใหญ่โต แต่มากสุดก็เป็นแค่เจ้ากรมหลวงหลังจากเสร็จสิ้นคดีหลินผิงจะจากไปแล้ว ความสามารถในการสะเทือนสยบเจ้าค้าเช่นพวกเขามีจำกัด
เพียงแค่หลี่หยวนคนเดียว ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
“ข่าวคราวนายท่านหวางรวดเร็ว ใต้เท้าหลี่ก็ไม่ใช่ให้น้องชายของเขาลงทุนเข้ามาหนึ่งแสนตำลึงหรือ?”
หวางจื้อหยวนใจสั่น: “ท่านชายฉินเพิ่งหยิบหยกแขวนชิ้นนี้ออกมา เพราะต้องการจะบอกว่าน้องชายของใต้เท้าหลี่มีส่วนร่วมด้วยหรือ?”
“แน่นอน นายท่านหวางคิดไปถึงไหนกัน?หรือว่าท่านคิดว่าปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังที่ข้าว่า ก็คือเจ้าของของหยกแขวนชิ้นนี้?” เฟิงฉิ้นหว่านหัวเราะเสียงเบา สายตาวาบผ่านความดูถูกเล็กน้อย
“คิดไม่ถึงเสียจริง ท่านชายฉินอายุน้อยๆ กลับ มีวิธีการที่เหนือคนทั่วไปจริงๆ” ทัศนคติของหวางจื้อหยวนที่มีต่อเฟิงฉิ้นหว่านนั้นใจดีมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่คำพูดก็มีความประจบสอพลอเล็กน้อย
หากคนอย่างหลี่หยวน ก็ถูกมองว่าเป็นแค่หนึ่งในผู้เข้าร่วม เช่นนั้นการปฏิบัติต่อฉินหว่านก็ต้องระมัดระวัง
“ที่ไหนเล่า เพียงแค่โชคดีเท่านั้น มีคำกล่าวไว้ว่าปักษายักษ์ลอยไปกับสายลม ทะยานขึ้นไปเก้าหมื่นลี้ แม้ว่าคนเล็กๆอย่างข้าจะไม่กล้าเรียกตัวเองว่าปักษา ยิ่งไม่กล้ารอคอยท้องฟ้าสูงบนเก้าหมื่นลี้เลย สามารถบินได้ตามใจชอบ ก็ดีกว่าเดินบนพื้นดินตลอดชีวิตใช่ไหม?”
“ดูแจ่มแจ้งแล้ว กรมเรือชุ่นทงอย่างอื่นไม่พูด แต่ความสามารถในการขนส่งสินค้านั้นเป็นชั้นหนึ่งอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมาจากตงเหว้ยถึงเมืองหลวง กรมเรือชุ่นทงก็จะพยายามอย่างเต็มที่ "
“ในเมื่อเชิญนายท่านหวางมาชั้นสี่นี่ ก็เชื่อในความสามารถของท่านแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่คำไม่น่าฟังต้องพูดไว้ข้างหน้า การทำการค้าขายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษาคำพูด หากนายท่านหวางไม่อยากทำการค้าขายนี้ ใครก็ไม่ว่าอะไร แต่หากนายท่านหวางมีใจเข้าร่วม ก็ไม่สามารถถอยกลางทางได้ ในเมื่อ นายท่านท่านนั้นของข้าแม้อารมณ์ดี แต่ว่าเพิ่งเสียสมาคมการค้าหนานเจียงอันหนึ่งไป จิตใจนี้……”
หวางจื้อหยวนพยักหน้าอย่างเร่งรีบ: “ในเมื่อนายหวางตัดสินใจแล้ว เก็จะไม่เปลี่ยนแปลง รักษาคำพูดคำนี้ใหญ่คับฟ้า ยังขอท่านชายฉินเชื่อใจข้าน้อย”
“นั้นมันแน่นอน” เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มและพยักหน้า
“ท่านชายฉิน เมื่อกี้ฟังท่านกล่าว น้องชายของใต้เท้าหลี่ลงทุนเข้ามาหนึ่งแสนตำลึง ไม่ทราบว่าเงินตำลึงนี้ไว้ใช้การอะไรหรือ?”
“นายท่านหวาง ทำการค้าขายก็มีการสร้างสังคมที่กลมเลียว ใต้เท้าหลี่และนายท่านของข้าความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา น้องชายของใต้เท้าหลี่ ก็ดูยังนิ่งเฉยไม่ได้แน่นอน หากเส้นทางการค้านี้เปิด ทุกย่างก้าวก็ต้องใช้เงินทั้งหมดมิใช่หรือ? และยังต้องการผลกำไรจากในนั้น เช่นนั้น ก็มีด่านอีกมากมายต้องผ่าน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้จ่ายไม่น้อย”
เฟิงฉิ้นหว่านหลับตา ซ่อนแสงสว่างในดวงตา: ในการค้าใครมีเงินใจใหญ่ที่สุด ใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะพูดมากที่สุด
หวางจื้อหยวนวนตระหนักได้ทันที: "ในเมื่อนายหวางได้ตัดสินใจทำการค้าขายนี้แล้ว ก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่เพื่อเปิดเส้นทางการค้านี้แน่นอน ไม่รู้ว่าท่านชายฉิน คิดว่าเช่นไร "
เรื่องของเงินทอง นายฉิน ไม่กล้าตัดสินใจแทนนายท่านหวาง”
“ท่านชายฉิน พูดจาว่าเรื่องระมัดระวังเกินไปแล้วจริงๆนายหวาง ก็คิดว่าหอหญิงงามเมืองของท่านชายฉิน อยู่ที่หลินผิง หลินผิงนี้ดีขึ้นเรื่อยเรื่อย ก็เป็นประโยชน์มากขึ้นต่อท่านชายฉินมิใช่หรือ? เพราะฉะนั้นหากท่านชายรู้ข่าวคราวอะไร ยังคอยให้คำแนะนำด้วย นายหวางจะขอขอบคุณอย่างมาก จริงด้วย เห็นในหอหญิงงามเมืองของท่านชายฉิน ประดับกวีนิพนธ์มากมาย นายหวาง ก็สะสมภาพวาดบางส่วน วันต่อมาส่งมาให้ท่านชายฉินได้ดูเป็นบุญตา”
เขาวางตัวตนของฉินหว่าน ได้ไม่แน่ชัด แต่หน้าอยู่ต่อหน้าองค์ผู้สูงส่งผู้มีอำนาจเช่นนี้ หากฉิ้นหว่านคนนี้เป็นคนมีประโยชน์ข้างกายองค์ชายสาม เช่นนั้นเคารพไว้ก่อนจะเป็นเช่นไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ