เฟิงฉิ้นหว่านผงะไป คิดไม่ถึงเลยว่าฟู่ลั่วเฉินไม่ทันพูดจาก็ลงไม้ลงมือ จึงรีบเข้าใกล้เขา เพื่อให้แรงมือของเขาลดลง
“ท่านชาย เจ็บเจ้าค่ะ !”
เฟิงฉิ้นหว่านกะพริบตาเบา ๆ รอบดวงตาแดงก่ำขึ้นมา ดวงตาที่เป็นประกายมีหยดน้ำเคลือบอยู่เล็กน้อย ประกอบกับที่แก้มถูกหยิก ทำให้พูดไม่ชัดเจน ท้ายประโยคจึงลากเสียงยาว ฟังดูนุ่มนวลอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นท่าทางของนาง ฟู่ลั่วเฉินก็ปล่อยมือทันที ปลายนิ้วยังคงรับรู้ถึงสัมผัสที่นวลเนียนของแก้มเฟิงฉิ้นหว่าน : เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่า แก้มของผู้หญิงคนนี้นุ่มนวลและเรียบเนียนเช่นนี้
เฟิงฉิ้นหว่านรีบยกมือขึ้นลูบแก้ม บริเวณที่ถูกฟู่ลั่วเฉินหยิก ยิ่งแดงก่ำชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
สายตาของฟู่ลั่วเฉินจ้องมองอยู่ที่รอยแดงบนแก้มของเฟิงฉิ้นหว่าน และแววตาสั่นคลอนเล็กน้อย : เมื่อครู่เขาไม่ได้ออกแรงเยอะเช่นนี้ ทำไมถึงได้แดงก่ำขนาดนี้ ?
“ตอนนี้รู้แล้วสินะว่าผิด ?”
เฟิงฉิ้นหว่านรีบพยักหน้า : “รู้แล้วเจ้าค่ะว่าผิด”
“ผิดตรงไหน ?”
“ข้าน้อยไม่ควรคิดจะรบกวนท่านชายในทุก ๆ เรื่อง ก่อนที่ท่านชายจะนึกออก ข้าน้อยควรรีบจัดการปัญหาให้หมดสิ้นเสียก่อน”
“หากปล่อยให้เจ้าจัดการ เจ้าคิดจะทำเช่นรับหลี่หยวน ?”
เฟิงฉิ้นหว่านแสดงสีหน้าสงสัยออกมา : “ท่านชายอยากฟังจริง ๆ หรือเจ้าคะ ?”
“พูดมา”
“ข้าน้อยเกรงว่าหลังจากพูดไปแล้ว ท่านชายจะโกรธ”
ฟู่ลั่นเฉินจ้องมองเฟิงฉิ้นหว่านด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยการขู่บังคับทันที : “พูดมา !”
เฟิงฉิ้นหว่านยอมพูดอย่างเชื่อฟัง : “ถ้าหากท่านชายไม่คิดที่จะจัดการกับหลี่หยวน ข้าน้อยก็จะไม่ปล่อยให้หลี่หยวนออกไปจากหลินผิงทั้งที่มีชีวิตอยู่ได้เด็ดขาด”
“อย่างไรเสียหลี่หยวนก็เป็นรองหัวหน้ากรมอาญา เจ้าคิดจะจัดการเขาอย่างไร ? หรือคิดจะใช้วิธีการเดียวกันกับที่จัดการเกาหนาน วางยาพิษเขา ?”
“ที่วางยาเกาหนาน เพราะจุดจบของตัวเขาเองก็คือความตายอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะรอดไปได้ เขาตายไปแล้ว ก็ระบุชื่อการเสียชีวิตอย่างกะทันหันอยู่ในเรือนจำ ไม่มีใครคิดจะสืบสวน แต่หลี่หยวนไม่เหมือนกัน เขาเป็นข้าราชการชั้นสูงของราชสำนัก หากถูกวางยาพิษจนตาย คงมีการสืบสวนหลินผิงแบบพลิกแผ่นดิน ข้าน้อยก็คงรอดพ้นความผิดได้ยาก”
ฟู่ลั่วเฉินแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก : “นับว่าโชคดีที่เจ้าฉลาด”
“คิดที่จะติดตามท่านชาย ย่อมต้องทำตัวฉลาดสักหน่อย หลี่หยวนที่ไม่อาจสังหารด้วยการวางยาพิษได้ ก็คงต้องอาศัยเกาหนานมาระบุความผิดของหลี่หยวนแล้ว
“เกาหนาน ? ถึงตอนนี้เขายังไม่ยอมสารภาพอะไรออกมาไม่ใช่หรือ ?”
“เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ยอมสารภาพ แต่วันนี้เขาต้องยอมพูดออกมาแน่นอน”
ฟู่ลั่วเฉินงุนงง : “เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”
“เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ไปสอบปากคำฉือเหลียน ข้าน้อยส่งข้อความไปให้เขาหนึ่งประโยค บอกว่าหากเขายังไม่ยอมปริปากอีก คอของเขาจะเน่า นิ้วมือจะอ่อนแรง ต่อให้อยากสารภาพมากแค่ไหน ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว เพราะไม่มีใครจะอ่านความคิดของเขาออกใช่หรือไม่ ?”
ฟู่ลั่วเฉินเข้าใจได้ในทันที เพียงแต่ยังนึกสงสัยอยู่ในใจ : “ตระกูลฉือเองก็ถูกจับเช่นกัน เกาหนานย่อมรู้ถึงสถานการณ์โดยรวม แต่ถึงแม้เขาจะสารภาพ เขาก็คงจะสารภาพเรื่องขององค์ชายสามที่อยู่เบื้องหลังออกมา ทำไมเจ้าถึงบอกว่าเขาจะโยนความผิดให้กับหลี่หยวน ?”
“ข้าน้อยทำข้อตกลงกับเขาเล็กน้อย” เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้ามองฟู่ลั่วเฉินแล้วยิ้มอย่างประจบ “ในมือของข้าน้อยยังมีอนุของเขากับลูกอีกคนไม่ใช่หรือ ? ข้าน้อยให้เขากัดหลี่หยวนให้ตาย แล้วข้าน้อยจะรับรองความเป็นอยู่ที่ร่ำรวยให้กับสองแม่ลูกตลอดชีวิต”
ฟู่ลั่วเฉินหัวเราะเยาะออกมา : “เจ้านี่มีความสามารถไม่เบาเลยนะ !”
ทันทีที่เกาหนานกัดหลี่หยวนจนตาย จ้าวยี่เพียงคนเดียว ไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดรอยแน่นอน
“ขอบคุณสำหรับคำชมของท่านชายเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นสายตาของนาง ฟู่ลั่วเฉินก็รู้สึกว่าต่อให้มีข้อตำหนิมากมาย ก็ไม่อาจพูดต่อไปได้อีก
“ทางด้านหลี่หยวน ข้ามีแผนการของข้า ต่อจากนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งอีกแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้เขาออกไปจากหลินผิงได้แน่นอน”
“ขอบคุณท่านชาย”
“นี่เป็นแผนการของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
ฟู่ลั่วเฉินลุกขึ้น แล้วก้มลงมองเฟิงฉิ้นหว่าน : “อีกอย่าง การเดิมพันระหว่างข้ากับเจ้า เจ้าเป็นฝ่ายชนะแล้ว”
เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกประหม่า : “เช่นนั้นเท่ากับข้าน้อยได้พิสูจน์ความสามารถให้ท่านชายเห็นแล้ว แสดงให้เห็นว่าข้าน้อยมีความสามารถที่จะดูแลตระกูลเฟิง ถึงขั้นสามารถช่วยท่านชายสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสมาคมการค้าหนานเจียงได้ ท่านชายเต็มใจยอมรับความภักดีของข้าน้อย และยอมให้ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามรับใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”
ฟู่ลั่วเฉินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เฟิงฉิ้นหว่านประหม่าจนรู้สึกคอแห้ง ถึงได้ยินคำตอบจากเขา
“หากคิดจะติดตามข้า ย่อมมีกฎเกณฑ์ไม่น้อย”
“ฉิ้นหว่านรู้ดีเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะมีกฎเกณฑ์มากมายแค่ไหน ข้าน้อยก็ยินดีปฏิบัติตาม”
“หากเจ้ากลายเป็นผู้รับใช้ของข้า ห้ามมีใจคิดทรยศหักหลังแม้แต่น้อย”
“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ ถ้าหากไม่อาจมีใจจงรักภักดีต่อนายท่าน ผู้รับใช้เช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร ?” เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้ารับคำอย่างยินดี
น้ำเสียงของฟู่ลั่วเฉินจริงจังขึ้นมา : “เช่นนั้นนับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าเป็นผู้รับใช้ของข้าแล้ว”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านปรากฏความปีติยินดี และรีบเดินขึ้นไปคารวะตามระเบียบ : “ข้าน้อยเฟิงฉิ้นหว่านคารวะท่านชาย”
ฟู่ลั่วเฉินสูดหายใจเข้าเล็กน้อย แล้วรู้สึกอึดอัดในใจ : ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเลี้ยงดูหญิงสาวมาก่อน และไม่รู้ว่าหากเลี้ยงดูไปเรื่อย ๆ จะเลี้ยงจนเสียนิสัยหรือไม่ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ