ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 83

เพียงแค่คิดว่าในที่สุดวันนี้ก็เอาการค้าของตระกูลเฟิงกลับมาได้แล้ว ทั้งยังทำให้ฟู่ลั่วเฉินยอมรับนางเป็นบริวาร แล้วนึกถึงเรื่องที่เกาหนานเกือบจะตายในคุก ยามค่ำคืนขณะที่เฟิงฉิ้นหว่านกำลังจะนอนหลับนั้น นางยกมุมปากขึ้น

กลางดึก มีเสียงโวยวายดังขึ้นด้านนอกเรือน

เฟิงฉิ้นหว่านลืมตาขึ้น สวมเสื้อคลุมแล้วเหยียดกายลุกขึ้น

แม่นมโจวที่ได้ยินเสียงก็รีบเดินเข้ามาหาเช่นเดียวกัน หลังจากที่นางถูกเกาหวูหลอกไปเรือนข้าง ไม่เพียงจุดเทียนในห้องยามค่ำคืน นอกจากนี้แม่นมโจวก็ชินกับการนอนเฝ้านาง บอกแม่นมหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ยอมฟัง เฟิงฉิ้นหว่านจึงทำได้เพียงจัดเตียงไว้ด้านนอกหนึ่งเตียง ให้แม่นมพักผ่อนได้สบายยิ่งขึ้น

“คุณหนูก็ได้ยินเสียงเหมือนกันหรือเจ้าคะ”

“ฟังแล้วคล้ายเสียงดังมาจากนอกเรือน เวลานี้ห้ามออกจากเคหสถานแล้วไม่ใช่หรือ?”

“เจ้าค่ะ”

เฟิงฉิ้นหว่านเดินออกไปที่ประตู เดินไปด้านหน้าระยะหนึ่ง มายังกำแพงที่อยู่ไม่ไกล

จากที่ตรงนี้นางพอจะมองเห็นแสงไฟที่เคลื่อนผ่านกำแพงไป ทั้งยังได้ยินเสียงร้องด้วยความไม่สบอารมณ์

เฟิงฉิ้นหว่านขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

แม่นมโจวฟังแล้วหัวใจเต้นแรง เห็นเฟิงฉิ้นหว่านยังคงยืนนิ่ง อดไม่ได้ที่จะพูดเกลี้ยกล่อม : “คุณหนูเจ้าคะ กลับไปนอนพักที่ห้องดีหรือไม่เจ้าคะ เสียงด้านนอกฟังแล้วช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

“อืม” เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้า “ที่ข้าไม่มีเรื่องอะไร แม่นมไปดูท่านแม่ของข้าเถอะ บอกท่านแม่ว่าไม่ต้องกังวล มีเรื่องใดพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากเฟิงฉิ้นหว่านกลับไปนางนอนหลับไม่สนิทเท่าใดนัก สะลึมสะลืออยู่ในความฝัน บุรุษน้ำเมากามารมณ์ที่มีดวงตาคล้ายฟู่ลั่วเฉินปรากฏขึ้นซ้ำไปซ้ำมา

เห็นชัดว่ารูปทรงของดวงตาทั้งสองคู่แตกต่างกัน สีของดวงตาก็ไม่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยามมองดวงตาคู่นั้น มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างคล้ายกัน

ตอนที่เฟิงฉิ้นหว่านตื่นขึ้นมา สายแล้ว นางแต่งตัวแล้วเดินไปที่โถงหน้า ทว่ากลับพบเสิ่นเยว่และแม่นมโจวที่มีสีหน้าซีดเผือด

“ท่านแม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? หรือว่าเมื่อคืนนอนไม่อิ่ม?”

“ฉิ้นหว่านมาแล้ว สองวันนี้ไม่มีเรื่องอะไร เจ้าอย่าออกไป” น้ำเสียงของเสิ่นเยว่เคล้าไปด้วยความกังวล

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? ด้านนอกมีเรื่องอะไรเจ้าคะ?”

“เช้าวันนี้ ท่านอาฉินของเจ้าส่งข่าวมา: ใต้เท้าหลี่ตายแล้ว”

เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้นทันที: “อะไรนะเจ้าคะ?”

“ตอนได้ยินเรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่นี่คือความจริง เวลานี้ด้านนอกเต็มไปด้วยเรื่องต่างๆ ที่น่ากังวล เจ้าหน้าที่มากมายตรวจค้นทั่วทุกบ้าน ได้ยินว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เป็นการรวมตัวกันของพวกอันธพาล พวกเขาขวางรถม้าของใต้เท้าหลี่ จากนั้นทุบตีทำร้ายใต้เท้าหลี่จนตาย”

แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านฉายความฉงนเล็กน้อย: “เป็นไปได้อย่างไร?”

“ข้าเองก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ เวลานี้ด้านนอกสถานการณ์คับขันอันตรายยิ่งนัก บนท้องถนนไม่มีผู้ใดกล้าออกมาเดิน”

เฟิงฉิ้นหว่านสงบสติอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบคิดพิจารณาหถึงข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้: “ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ดังนั้นเพียงปิดประตูเรือน ใช้ชีวิตของตนเองก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”

เฟิงฉิ้นหว่านนั่งอยู่ริมหน้าต่าง กำลังเล่นกับปลาทองที่เสิ่นเยว่เลี้ยงเอาไว้

ในกะละมังดินเผามีก้อนกรวดสีขาวดั่งหยกหลายก้อน ทั้งยังปลูกดอกบัวไว้หนึ่งต้น ปลาทองตัวเล็กสีแดงแหวกว่ายอยู่ด้านใน ช่างน่ารักยิ่งนัก

เมื่อได้ยินเสียง เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้น ดวงหน้าของนางเปื้อนยิ้มทันที: “ท่านอาฉิน ท่านอามาได้อย่างไรเจ้าคะ เวลานี้ในท้องตลาดวุ่นวายยิ่งนักไม่ใช่หรือ?”

เฟิงฉิ้นหว่านพูดจบ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหยุนชีที่อยู่ข้างๆ เวลานี้เขายืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม กะพริบตาปริบๆ ราวกับคนโง่เขลาอย่างไรอย่างนั้น

“คุณหนูวางใจเถอะ เวลานี้ด้านนอกเงียบสงบแล้ว ใต้เท้าจ้าวทำงานรวดเร็วและเด็ดขาด ให้เจ้าหน้าที่จับคนก่อเรื่องเมื่อวานไปไม่น้อยแล้ว”

ฉินฮั๋วเหนียนพูดจบ มองหยุนชีไปตามสายตาของเฟิงฉิ้นหว่าน จากนั้นฟาดฝ่ามือไปยังท้ายทอยของเขา: “เป็นอะไรไป เหตุใดจึงโง่เขลาเช่นนี้?”

หยุนชีดึงสติกลับมา รีบก้มหน้างุด แต่ว่าใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับผ้าแดง

หลังจากได้อยู่ใกล้ชิดกันมานาน เขาย่อมรู้ว่า คนที่ช่วยเขาไม่ใช่ท่านชาย แต่เป็นคุณหนู แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคุณหนูสวมกระโปรง

วันนี้คุณหนูแต่งกายเรียบง่ายยิ่งนัก ชุดกระโปรงสีเขียว ศีรษะประดับด้วยปิ่นหยก ทำผมทรงธรรมดา การแต่งกายเรียบง่ายนี้ กลับทำให้นางดูสง่างามยิ่งนัก

หยุนชีมองคุณหนูที่เป็นเช่นนี้ รู้สึกคล้ายบนแผงอกมีกระต่ายตัวหนึ่ง วิ่งชนไปมา หัวใจเต้นแรงไม่หยุด

เฟิงฉิ้นหว่านมีปมในใจต่อหยุนซี ตอนนั้นนางติดสินใจที่จะเก็บเขาเอาไว้เพื่อทำงานให้ตนเอง มีความคิดแค่เพื่อใช้ประโยชน์เท่านั้น เวลานี้เห็นท่าทีของเขา ปมในใจค่อยๆ จางหายไป: “ป่วยหรือ?”

หยุนชีรีบส่ายหน้า พูดติดขัดแล้วเปลี่ยนบทสนทนา : “คุณหนู เมื่อครู่ข้าน้อยได้ยินเรื่องบางอย่าง เกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายเมื่อวาน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ