ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 97

เฟิงฉิ้นหว่านสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองที่แผ่ซ่านมาจากฟู่ลั่วเฉิน เป็นการยากที่ครั้งนี้นางมีความหลักแหลม รู้สึกว่าเขาไม่ชอบอาหารบนโต๊ะ จึงรีบอธิบาย

“ท่านชายทั้งสองลองชิมดู นี่คืออาหารที่มีเฉพาะในช่วงเทศกาลเทพเจ้าดอกไม้ เพราะวันนี้ต้องให้ความเคารพท่านเทพเจ้าดอกไม้ ดังนั้นอาหารจึงไม่มีรสจัดเท่าใดนัก เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงถึงความเคารพของตนที่มีต่อท่านเทพเจ้าดอกไม้ ทั้งยังง่ายที่ได้จะรับคำอวยพรจากเทพเจ้า”

เย่ลั่วหานพยักหน้าด้วยความรอบคอบ : “ที่แท้ก็เช่นนี้นี่เอง”

ทว่าสีหน้าของฟู่ลั่วเฉินกลับเย็นชายิ่งนัก: คำพูดของสตรี ล้วนลวงหลอก เชื่อไม่ได้แม้แต่คำเดียว! คิดว่าเขาไม่เห็นหรืออย่างไรเมื่อครู่ลูกค้าในร้านล้วนกินเนื้อสัตว์?

เห็นฟู่ลั่วเฉินเริ่มรับประทาน เฟิงฉิ้นหว่านลอบทอดถอนหายใจ ตักเตือนตนเอง คราวหน้าต้องระมัดระวัง รอบคอบให้มาก ห้ามให้ฟู่ลั่วเฉินเห็นจุดอ่อนเด็ดขาด เพราะถึงอย่างไรนายท่านคนนี้ของตนนิสัยไม่ดีเท่าใดนัก อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน มองดูแล้วยังใจแคบยิ่งนัก

แม้อาหารจะจืดชืด ทว่ายามทำนั้นเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก เตรียมอาหารตลอดทั้งคืน เวลานี้กินแล้วรสชาติอาหารสดใหม่ อบอวลในปาก

เป็นการยากที่เย่ลั่วหานจะรู้สึกอยากอาหาร กินผักรสจืด รู้สึกว่าต่อมรับรสที่ถูกยาสมุนไพรทำลายตลอดเวลาที่ผ่านมานี้หายดีแล้ว

เฟิงฉิ้นหว่านเห็นเขาตักข้ามเพิ่มครึ่งถ้วย รอยยิ้มในแววตาแทบจะเอ่อล้น: ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ต้องให้พ่อครัวแม่ครัวในร้านอาหารศึกษาการทำอาหารมากขึ้น หากท่านชายเย่กินได้มากเช่นนี้ วันข้างหน้าสุขภาพร่างกายก็คงดีขึ้นบ้างกระมัง?

ฟู่ลั่วเฉินมองสีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน คิดบัญชีในใจเงียบๆ เวลานี้เขาตัดสินใจแล้วว่าการอบรมนางต้องรวมอยู่ในแผนการ ประการแรกต้องให้นางรู้ว่าจิตใจของมนุษย์นั้นร้ายกาจเพียงใด

เวลานี้ ฟู่ลั่วเฉินลืมไปเสียสนิทแล้วว่า เฟิงฉิ้นหว่านเป็นคนที่เก่งกาจในโลกการแพทย์

หลังจากทั้งสามรับประทานอาหารเสร็จ แล้วพักอยู่ในห้องภายในร้านอาหารครู่หนึ่ง เห็นคนจำนวนมากเริ่มเดินไปที่ริมแม่น้ำ พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

แม้เวลานี้ท้องฟ้ายังสว่าง แต่ที่ริมแม่น้ำมีคนจำนวนมากอดทนรอไม่ไหวลอยกระทงไปแล้ว กระทงหลากสีล่องลอยไปตามกระแสน้ำ คล้ายมีเรือลำเล็กลอยอยู่เหนือน้ำ ส่องสว่างทอประกายระยิบระยับ เพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ริมแม่น้ำ มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตั้งตระหง่านบนพื้นกว้าง

เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้นมอง มองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยผ้าสีแดงพริ้วไหว

“ว่ากันว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้อายุมากแล้ว นายอำเภอในอดีตจ่ายเงินมหาศาลให้คนสร้าง เพื่อระลึกถึงเทศกาลเทพเจ้าดอกไม้

นับจากนี้ ท่านนายอำเภอก็จะสั่งให้คนยกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมาทุกปี ตั้งตระหง่านไว้ที่ริมแม่น้ำ ให้ชาวบ้านทั้งนครมาขอพร นึกว่าช่วงนี้งานยุ่ง ใต้เท้าจ้าวจะลืมไปแล้วเสียอีก ทว่าคิดไม่ถึงท่านใต้เท้ายังให้คนซ่อมแซมต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้”

เย่ลั่วหานหยิบผ้าสีแดงออกมาจากแขนเสื้อ: “แม้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้จะสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ แต่ว่าเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและเป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านนับร้อยของเมืองนครหลินผิง มองจากที่ไกลๆ ก็ทำให้คนรู้สึกนับถือ จิตใจก็สงบไปด้วย ช่างเป็นการยากยิ่งนัก”

แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม: “เช่นนั้นท่านชายเย่ก็ไปผูกผ้าแดงด้านหน้าเถอะเจ้าค่ะ ในขณะเดียวกันก็สามารถขอพรได้ด้วย”

“อืม”

เย่ลั่วหานเดินนำหน้า ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สูงใหญ่ มือของเขายกขึ้นผูกผ้าแดงบนกิ่งไม้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากเฟิงฉิ้นหว่านหรือไม่ เขาหลับตาลงแล้วอธิษฐานจริงๆ”

เฟิงฉิ้นหว่านแปลกใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ฟู่ลู่เฉิน: “ท่านชาย ท่านว่าคำอธิษฐานของท่านชายเย่คืออะไร?”

ฟู่ลั่วเฉิงหลบตาลง: “เจ้ารู้หรือไม่เพราะเหตุใดน้อยคนที่จะอายุยืนยาว”

“ปีนให้สูงแล้วจะมองการณ์ไกลได้ ยิ่งสูงทิวทัศน์ก็ยิ่งงดงาม หรือว่าท่านชายไม่ชอบกิ่งไม้ที่อยู่ด้านบนสุดหรือเจ้าคะ? อีกทั้งยิ่งสูงผ้าก็ยิ่งน้อย เมื่ออธิษฐาน ท่านเทพเจ้าดอกไม้ก็จะเห็นง่าย เป็นเรื่องที่ดีงามไม่ใช่หรือ?”

ฟู่ลั่วเฉินพยักหน้า เป็นการยากที่ดวงตาหงส์อันเย็นชาจะเปื้อนยิ้ม: “เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อม”

“เตรียมตัวอะไรเจ้าคะ?”

ฟู่ลั่วเฉินถอดหยกแขนที่เอว มัดเชือกทั้งสองเส้นแน่น จากนั้นมองกิ่งไม้สูงใหญ่ โยนขึ้นไปทำให้เกิดเสียงฟิ้วดังขึ้น

หยกแขวนนำพาผ้ายาวทั้งสองเส้น ผ่านกิ่งไม้ ตรงขึ้นไปพันผูกกิ่งไม้ที่อยู่ด้านบนสุด

หยกแขวนมีน้ำหนักประมาณหนึ่ง นำพาผ้าทั้งสองเส้นหมุนรอบกิ่งไม้หลายรอบ ทำให้ผ้าทั้งสองเส้นผูกติดกัน

เฟิงฉิ้นหว่านตกตะลึง มองหยกแขวนที่หมุนรอบกิ่งไม้หลายตลบ แล้วมองผ้าทั้งสองผืนที่พันผูกกัน ชั่วขณะหนึ่งนางไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด

ทว่าชาวบ้านที่อยู่รอบๆ เมื่อเห็นภาพนี้ก็แตกตื่นแล้วร้องตะโกนว่าเยี่ยมกันทันที สามารถผูกผ้าได้สูงเช่นนี้ ผูกไว้บนจุดสูงสุดจริงๆ

ฟู่ลั่วเฉินหันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย สายตาของเขามองไปยังใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน: “ยังไม่อธิษฐานหรือ?”

เฟิงฉิ้นหว่านถอนสายตากลับมาช้าๆ เกือบลืมคำอธิษฐานที่ตนอยากจะอธิษฐานแล้ว หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่งนางหลับตาลง:

ท่านเทพเจ้าดอกไม้ ข้าเป็นคนโลภมาก หวังว่าทุกปรารถนาของข้าจะเป็นดั่งใจหวัง หากท่านไม่อาจคุ้มครองก็ไม่เป็นเช่นไร ถึงอย่างไรข้าก็ทำให้เป็นจริงทีละอย่าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ