ชายาหมอเซี่ยจินอาน นิยาย บท 134

คำพูดสองคำสั้นๆนี้ทำให้คำพูดที่เหลือทั้งหมดของเซี่ยจินอานกลับเข้าไปติดอยู่ในท้องเสียแล้ว

เหลือเพียงดวงตาทั้งสองข้างเท่านั้นที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ตกตะลึง และรู้สึกประหลาดใจและดีใจ

แล้วเซี่ยจินอานก็พูดว่า "ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้ท่านให้คนไปถ่ายทอดคำพูดต่อหยุนจวินหงว่าให้เรามาพบกันด้วยนะเจ้าคะ"

หยุนฝู้เฉินจึงพูดเหมืนกับไม่พอใจออกไปว่า "ทำไมจะต้องพบกับเขาด้วยล่ะ?"

เซี่ยจินอานหัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า "ในฐานะที่เป็นองค์ชายเขาก็จะต้องมีเงินอย่างแน่นอน อีกอย่างพวกเราสองคนก็เป็นคนช่วยเด็กๆเอาไว้ด้วยกันทั้งคู่ ถ้าไม่ไปขอเงินกับเขาสักหน่อย ในใจของข้าก็จะรู้สึกว่ามันไม่เท่าเทียมกันน่ะสิเจ้าคะ!"

มุมตาของหยุนฝู้เฉินยกสูงขึ้นเล็กน้อย และเปล่งเสียง "อืม" ที่ค่อนข้างเบิกบานและแจ่มใสออกมา

หลังจากที่พูดคุยเรื่องนี้กันเรียบร้อยแล้ว การสนทนาครั้งต่อไปก็เลยค่อนข้างสบายใจมากเลยทีเดียว และเซี่ยจินอานยังดื้อให้หยุนฝู้เฉินอธิบายตำราพิชัยสงครามให้นางฟังสักหน่อยอีกด้วย หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหยุนฝู้เฉิน แล้ว นางก็จำใจต้องเลื่อมใสพรสวรรค์ทางการทหารของหยุนฝู้เฉิน

หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นแล้ว เซี่ยจินอานจึงกลับไปที่เรือนของตัวเอง ล้างหน้าบ้วนปากสักพักหนึ่งแล้วก็เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันไป ในคืนนี้มีคนหลับใหลไปอย่างสบายใจ แต่บางคนกลับกำลังเตรียมแผนการร้ายในครั้งต่อไปอยู่

แสงจันทร์ค่อยๆปีนขึ้นไปบนปลายไม้ แล้วสาดส่องผนังสีแดงและกระเบื้องสีเขียว และแสงสว่างที่ขมุกขมัวได้สาดส่องลงบนอาคารอันวิจิตรงดงามทีละหลังๆ ทำให้ทั่วทั้งพระราชวังดูลึกลับและเงียบสงบอย่างเห็นได้ชัด

ภายในห้องทรงพระอักษร มีแสงเทียนสว่างไสวขึ้นมา และภายในห้องก็มีกลิ่นหอมของอำพันทะเลจางๆกำจายออกมา บนที่นั่งสีทองมีชายวัยกลางคนซึ่งสวมเสื้อสีเหลืองอร่ามปักลายมังกรทองห้ากรงเล็บกำลังนั่งอยู่ และในมือกำลังถือสาส์นและกำลังพลิกอ่านด้วยสีหน้าเคร่งเครียดดูเหมือนกับกำลังรู้สึกไม่สบายใจอย่างไรอย่างนั้น

ทันใดนั้นขันทีที่อยู่ข้างๆก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า "ฝ่าบาท ดึกมากแล้ว ข้าน้อยจะประคองพระองค์ไปพักผ่อนนะพ่ะย่ะค่ะ"

คนผู้นี้ก็คือหยุนเทียนยิ่นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฉีสุ้นองค์ปัจจุบันนั่นเอง เขาปิดสาส์นลง แล้วนวดคลึงขมับที่เกิดอาการปวดเมื่อยเล็กน้อยไปมา และพยักหน้าตอบรับคำพูดของขันที เมื่อขันทีได้รับคำสั่งเขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองเขาในทันที แต่ในเวลานั้นเองก็มีขันทีคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับจดหมายที่อยู่ในมือ

เขาคุกเข่าลงกับพื้น แล้วถือจดหมายด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกับพูดว่า "ทูลฝ่าบาท ผู้สอดแนมในท้องถิ่นมารายงานตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนเทียนยิ่นจัดระเบียบร่างกายให้ดีอีกครั้ง พอขันทีที่อยู่ข้างๆเห็นดังนั้นจึงตั้งใจหยิบจดหมายนั้นมาถวายแด่หยุนเทียนยิ่นโดยตรง

หยุนเทียนยิ่นส่งจดหมายที่อยู่ในมือไปให้ขันทีที่อยู่ข้างๆเขา แล้วพูดว่า "เจ้าลองบอกระดับความน่าเชื่อถือของทั้งสองเรื่องนี้มาซิ"

ขันทีชำเลืองดูจดหมายทันที แล้วครุ่นคิดอยู่ในใจสักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดเสียงแหลมออกไปว่า "ตามความเห็นของข้าน้อย น่าเชื่อครึ่งหนึ่งไม่น่าเชื่อครึ่งหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ"

พอหยุนเทียนยิ่นได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมา จึงถามว่า "ทำไมถึงได้น่าเชื่อครึ่งหนึ่งไม่น่าเชื่อครึ่งหนึ่งล่ะ?"

"เซ่อเจิ้งหวางอุ้มชายคนหนึ่งในที่สาธารณะ ทุกคนต่างก็เห็นกับตาตัวเอง ข้าน้อยก็เลยคิดว่าเรื่องที่เขาเป็นพวกชายรักชายจะต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ข้างกายของเซ่อเจิ้งหวางนั้นมีผู้คนมากมายขนาดนี้แต่กลับไม่มีผู้หญิงเลยสักคนอีกด้วย คิดว่าเขาจะต้องไม่สนใจผู้หญิงจริงๆ แต่เรื่องอาการป่วยนี้เป็นเรื่องที่มีลับลมคมในอยู่บ้างจริงๆ หมอหลวงทั้งสำนักหมอหลวงล้วนแต่หมดหนทางที่จะรักษาทั้งนั้น คุณหนูจากตระกูลเซี่ยผู้นั้นจะไปมีความสามารถในการรักษาเซ่อเจิ้งหวางให้หายเป็นปกติได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนเทียนยิ่นก็คิดว่าสิ่งที่ขันทีพูดนั้นค่อนข้างมีเหตุผลมากเช่นกัน ภายในใจของเขาจึงบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

ในเมื่อไม่รู้ความจริงก็แค่ให้คนไปลองสืบหาความจริงมาก็ได้เรื่องแล้ว

"ให้มีราชโองการลงไปว่าข้าจะประทานนางสนมสักสองคนให้เซ่อเจิ้งหวาง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาหมอเซี่ยจินอาน