เซี่ยจินอานไม่รู้เลยว่าตนเองถูกผู้ชายคนหนึ่งจับตามองเสียแล้ว และเขายังอยากจะควักดวงตาของนางอีกด้วย
ขบวนความคิดทั้งหมดได้ไหลทะลักลงไปบนตัวผู้ชายสามคนนั้นหมดแล้ว
จนกระทั่งได้ยินเสียงคนไอเบาๆเสียงหนึ่ง นางจึงมีสติกลับมาอีกครั้ง
เซี่ยจินอานจ้องมองเทียนเฟิงที่กำลังไอด้วยความสงสัย และใช้ระบบกวาดไปทั่วทั้งร่างกายของเขาหนึ่งรอบ เขาไม่ได้ป่วย
ไม่ได้เป็นอะไร แล้วไอทำไม? กล้ามเนื้อบริเวณกล่องเสียงเป็นตะคริวทางอ้อมหรืออย่างไร?
หลังจากที่หยุนฝู้เฉินเห็นว่าตัวเองออกมาแล้ว เซี่ยจินอานก็ยังคงไม่สังเกตเห็นเขา และยังเอาสายตาไปมองเทียนเฟิงอีกด้วย อารมณ์ของเขาก็เลยยิ่งแย่ลงกว่าเดิม!
พอลองคิดให้ดีๆหลายวันมานี้เซี่ยจินอานติดต่อกับเทียนเฟิงบ่อยมากจริงๆ นี่นางสนใจในตัวเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?
เขาต้องย้ายเทียนเฟิงไปที่อื่นไหมหรือเปล่า?
เทียนเฟิงผู้น่าสงสารไม่รู้เลยว่าเสียงไอเสียงนี้ที่ได้ทำการเตือนเซี่ยจินอานของเขา สุดท้ายมันจะถูกเข้าใจผิดจนกลายเป็นแบบนี้ไปได้
อีกทั้งเทียนเฟิงก็ได้พบว่าสายตาที่ท่านอ๋องของเขามองมาที่เขานั้นแย่ลงมากขึ้นเรื่อยๆ และยังมีความอิจฉาริษยาเล็กๆน้อยๆอยู่ด้วยอย่างเลือนราง ?!
นี่ทำให้เทียนเฟิงไม่สามารถแสร้งทำเป็นหูหนวกและเป็นใบ้ต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงตะโกนด้วยความเคารพขึ้นมาว่า "ท่านอ๋อง"
และนี่ก็ยังทำให้คนอื่นๆที่อยู่ภายในเรือนก็สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหยุนฝู้เฉินแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทยอยกันกล่าวทักทายหยุนฝู้เฉินทีละคน และเซี่ยจินอานก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ชื่อซ่งขุย เคยเป็นนายทหารที่ห้าวหาญคนหนึ่งภายใต้การบังคับบัญชาของหยุนฝู้เฉิน เพียงแต่เขาได้รับบาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรงในสงครามเมื่อสามปีก่อน แม้แต่การเดินก็ยังไม่มั่นคง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนำทหารไปรบทัพจับศึกเลย ดังนั้นเขาก็เลยถอนตัวออกมาจากสมรภูมิ แล้วมาพักฟื้นที่บ้าน
ส่วนชายวัยกลางคนที่มีเคราแพะผู้นั้นแซ่หาน และเขาถูกผู้คนเรียกขานว่าอาจารย์หาน มีความรู้ห้าเล่มเกวียนและมีความสามารถในการปกครองโลก แต่เขารู้สึกเอือมระอาต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมากเลยทีเดียว ดังนั้นเขาจึงเคยปฏิญาณตนว่าจะปฏิเสธไม่เข้ารับราชการเป็นขุนนาง ขอเป็นเพียงครูสอนหนังสือธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น และจอหงวนที่สอบได้ตำแหน่งเคอจวี่ได้อันดับหนึ่งในครั้งก่อนนั้นก็คือลูกศิษย์ที่มาจากสำนักของเขา เพียงแต่ไม่ทราบว่าเขาไปรู้จักกับหยุนฝู้เฉินตั้งแต่เมื่อไหร่
และชายในชุดเขียวผู้นั้น ก็คือหมอที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองหลวง ที่รู้จักกันในชื่อชิงหยางเซียนเซิง และเขามีชื่อเสียงโด่งดังมากในเมืองหลวง นี่ไม่เพียงแต่เป็นเพราะทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความใจดีของเขาด้วย นั่งตรวจโรคก็ไม่รับค่าตรวจรักษา รับเฉพาะค่ายาเท่านั้น และจะลดค่ายาลงครึ่งหนึ่งสำหรับประชาชนที่ยากจนด้วย ครั้งหนึ่งหยุนฝู้เฉินก็เคยไปให้ชิงหยางเซียนเซิงตรวจดูอาการป่วยให้ด้วย แต่เขากลับหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคของเขาไม่พบเลย
แต่ชิงหยางเซียนเซิงได้ค้นหาหนังสือทางการแพทย์อยู่ตลอดเวลาเพราะอยากจะหาสาเหตุที่ทำให้เกิดของหยุนฝู้เฉินให้เจอ และยังนั่งตรวจโรคให้กับหยุนฝู้เฉินบ่อยๆอีกด้วย นานวันเข้าทั้งสองคนก็เลยคุ้นเคยกัน
แต่ทว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เทียนเฟิงบอกกับเซี่ยจินอานระหว่างทางมาที่นี่
"ไม่เพียงแต่ท่านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอีกสองท่านด้วย ข้าไม่มีทางผูกมัดเสรีภาพของพวกท่านได้หรอก พวกท่านเพียงแค่ต้องกำหนดเวลาสอนหนังสือตามเวลาของพวกท่านเท่านั้น ดังนั้นเวลาของพวกท่านจึงค่อนข้างที่จะเป็นอิสระนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาหมอเซี่ยจินอาน
น่าติดตาอ่าน แต่ตอนหลัง จบคือจบ ขอขอบคุณที่สรุปให้...
ทุกคนไม่ต้องเสียอารมณ์ที่ตัดจบแบบนี้เข้าไปดูเรื่องนี้ในแอปเสียตังค์แล้ว...ตัดจบแบบนี้เหมือนกัน...
เรื่องนี้สนุกมากก ทั้งความฟิน ตลก ไม่ปวดตับ แต่เสียตรงที่ตอนจบ ตัดจบง่ายไป ยังมีหลายอย่างที่ไม่กระจ่าง 1. พระเอกหน้าเป็นยังไง? ทำไมต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา หน้าตาไม่ดี? เป็นแผลเป็นบนใบหน้า? หรือเกิดจากปมอะไร 2. ครอบครัวของเซี่ยจินอาน น่าจะมีบรรยายต่ออีกหน่อย สมควรได้รับกรรมมากกว่านี้ 3. เสิ่นหลีซู องค์หญิง และหมอผู้หญิงที่ชอบพระเอก ควรบรรยายว่าจะมีจุดจบเป็นแบบไหน 4. จุดจบของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน...
กำลังลุ้นอยู่ดีๆ ตัดจบจนปวดใจ แต่ก็ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ...
จบแบบรีบไปหน่อยเลยหรือเปล่า....สุกมาตั้งแต่ต้น..น่าจะแปลข้ามฟากไปเลยอ่ะ...
เป็นเรื่องที่สนุก เนื้อเรื่องตลก น่ารักดี แต่ตอนจบคือหักมุมจบแบบง่ายเกินไปหน่อยนะคะ...