ตอนที่126หิมะประปราย
มองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนเดินออกจากประตูใหญ่เสร็จเย่หยุ่นในที่สุดก็อดใจถามออกมาไม่ไหว“พระสนมท่านหญิงเย่จะเอายาแกล้งตายไปทำไมกัน?”
โล่หวินหลานจิบนมที่อยู่ในแก้วมองไปทางที่สองคนนั้นเดินจากไปแล้วไตร่ตรองอยู่สักครู่ถ้าเกิดเขาเดาไม่ผิดละก็น่าจะเพื่อหลบหนีจากการแต่งงานกับองค์รัชทายาทถ้าเกิดเย่เซียวหลัวทานยาลงไปเรื่องราวทั้งหมดคงจะสนุกมากยิ่งขึ้นแน่ๆ.
“เย่หวินรอดูเถอะจะมีละครสนุกๆเกิดขึ้นอีกแล้ว”โล่หวินหลานพูดเนิบๆ
เย่หวินไม่ค่อยเข้าใจแต่เขาเชื่อโล่หวินหลานขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่เขาพูดออกมาก็จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน
“ตอนที่เจ้าไปขอยาจากสวินโม่เขาได้ให้ยาแก้มาไหม?”โล่หวินหลานวางแก้วที่อยู่ในมือลงและใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก
ยาแกล้งตายจำเป็นต้องใช้ยาแก้มาแก้แต่พอเย่หวินฟังเสร็จกลับมีหน้าตางุงงงและถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า“ยังมียาแก้ด้วยหรอ?เจ้าของตึกสวิ้นไม่ได้ให้ข้ามานะ!”
ประหลาดจังโล่หวินหลานถามขึ้นมาอีกว่า“เจ้าได้บอกสวินโม่ว่ายาให้เย่เซียวหลัวไหม?”
เย่หวินพยักหน้าอย่างไรซะยาชนิดนี้ก็ไม่ได้ผลิตขึ้นมาง่ายๆและยังเกี่ยวข้องกับชีวิตคนอีกสวินโม่ต้องลากเขามาถามอะไรเยอะมากแน่ๆ
“ข้าบอกไปแล้วเห็นสีหน้าของเจ้าของตึกสวิ้นแล้วข้าเดาว่าเขาน่าจะพอรู้แล้วว่าเย่เซียวหลัวเอาไปทำอะไรแต่เขาก็ไม่ได้ให้ยาแก้กับข้ามาบางทีอาจจะยังไม่ได้ผลิตออกมาก็ได้!”เย่หวินพูด
โล่หวินหลานไตร่ตรองอยู่สักพักอย่างไงเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ถ้าเกิดไม่มียาแก้ก็ให้ยานั้นไปกับเย่เซียวหลัวถ้าเขากินไปแล้วฟื้นขึ้นมาไม่ได้จะทำยังไง?
ไปถามสวินโม่ให้ชัดเจนสักรอบดีกว่าโล่หวินหลานกอดที่ทำความร้อนที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยังเดินไปไม่ทันถึงประตู ประตูก็ถูกคนผลักเข้ามาจากข้างนอกหิมะและลมโถมเข้ามาจากข้างนอก
เงาสูงยาวเข่าดีของโม่ฉีหมิงยืนอยู่หน้าสุดปกคอเสื้อของเสื้อคลุมขนเตียวสีดำที่เขาสวมใส่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวใบหน้าหล่อเหลาถูกความเย็นกัดกินเป็นสีแดงระเรื่อมองแล้วแทบจะไม่เหมือนท่านอ๋องที่น่าเกรงขามเช่นปกติกลับมีความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กชายตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูชั่วพริบตาที่ท่านอ๋องเห็นโล่หวินหลานก็ตะลึงงันช่วงครู่หลังจากนั้นก็ก้าวถอยหลังสองก้าวทันทีรีบร้อนใช้มือปัดเกล็ดหิมะที่ติดอยู่ตามร่างกายออกเขาขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นว่า“เจ้าจะไปไหน?”ซึ่งบนขนตาของเขายังมีเกล็ดหิมะปกคลุมอยู่เขากลัวว่าร่างกายตัวเองจะเย็นเกินไปจึงไม่กล้าที่จะแตะต้องตัวนาง
โล่หวินหลานมองไปที่เขาอย่างเซ็งเซ็ง สองคนประสานตากันจึงเอ่ยขึ้นว่า“ข้าจะไปหา……”
น้ำเสียงชะงักเพียงแค่เห็นบานประตูถูกเปิดออกสายลมอ่อนลอยเข้ามาสวินโม่สาวเท้ายาวๆเดินหน้าเชิดเข้ามามือดึงหมวกของเสื้อคลุมบนหัวลงมาพร้อมรีบร้อนเดินไปด้านข้างเตาผิง
“พระชายาท่านต้องการพบข้าใช่หรือไม่?”โม่สวินใช้มืออังเตาผิงพร้อมพูดขึ้นว่า“ยาแกล้งตายต้องใช้สมุนไพรที่มีราคาแพงสามารถทำจนสำเร็จได้ก็ยากพอตัวดังนั้นจึงไม่มียาแก้”
“ว่าไงนะ?ไม่มียาแก้?”โล่หวินหลานพูดน้ำเสียงแปลกใจคำพูดนั้นโจมตีนางเข้าอย่างจังวุ่นวายเสียจริง
โม่ฉีหมิงที่กำลังฟังสองคนนั้นสนทนากันก็รู้สึกมึนงงไปหมดยาแกล้งตายคือสิ่งที่ของที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเขาขมวดคิ้วและมองไปที่โล่หวินหลาน“เจ้าจะเอายาแกล้งตายไปทำอะไร?นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
โล่หวินหลานกระพริบตาปริบปริบลืมไปว่าโม่ฉีหมิงพึ่งมาถึงจึงยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นจึงอธิบายคร่าวๆให้เขาฟัง“เมื่อสักครู่เย่เซียวหลัวและเย่อวิ๋นกว่างปีนกำแพงทางด้านตะวันออกเข้ามาดูเหมือนว่าจะตั้งใจไม่ให้คนรับรู้ถึงการมาของพวกเขาแล้วขอให้ข้าหายาแกล้งตายให้ฟังจากที่พวกเขาพูดดูเหมือนว่าจะใช้ในวันที่จะสมรสกับรัชทายาทข้านึกได้ว่าโม่สวินนั้นมีก็เลยใช้ให้เย่หวินไปเอามา”
เมื่อฟังแล้วทำให้โม่ฉีหมิงตกตะลึงชั่วครู่เย่เซียวหลัวคนนี้คิดที่จะเล่นละครตบตาทำลายการแต่งงานกับรัชทายาทถ้าเป็นแบบนี้ก็ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วซิ
“ปีนกำแพงเข้ามา?”ฉินหยิ่นเจ้าเป็นคนจัดวางเวรยามขององครักษ์ในจวนนี้ทางด้านทิศตะวันออกไม่ได้มีการจัดเวรยามหรอกหรือ?ทำให้ถึงปล่อยให้คนนอกเข้ามาได้?โม่ฉีหมิงคิ้วกระตุกถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
ฉินหยิ่นรีบร้อนก้าวมาข้างหน้าสองมือคารวะสีหน้าไม่ค่อยดี“ท่านอ๋องเป็นความสะเพร่าของผู้น้อยเองโปรดท่านอ๋องลงโทษ!”
แท้จริงแล้วเขาได้จัดวางเวรยามให้คนรับใช้ชายประจำทุกจุดของจวนทางด้านประตูหลังนั้นไม่ได้ใช้นานแล้วแทบจะถูกปิดตายไปแล้วดังนั้นจึงวางเวรยามเฉพาะตอนดึกเท่านั้นส่วนกำแพงทางด้านอื่นของจวนจะสับเปลี่ยนเวรยามเฝ้าประจำจุดตลอดเวลานอกจากซะจากว่าจะมีคำสั่งพิเศษ
โม่ฉีหมิงใช้สายตาเย็นชากวาดมองไปที่เขา“จัดวางไม่เหมาะสมให้คนนอกถือโอกาสเข้ามาได้ลงโทษตัวเองซะ”
ส่วนการรับโทษนั้นคือต้องไปที่ห้องทำงานโดยอ้างตามกฎข้อบังคับการรับโทษโดยจะมีคนที่รับหน้าที่เป็นคนตักเตือน
โล่หวินหลานบิดหมุนผ้าเช็ดหน้าพอคิดอะไรออกก็พูดขึ้นทันทีว่า“เวรที่เฝ้ากำแพงด้านทิศตะวันออกเป็นข้าเองที่ไล่ไปเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉินหยิ่นเลย”
สายตาที่แหลมคมของโม่ฉีหมิงก็อ่อนโยนลงในทันทีสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยมองตรงไปยังโล่หวินหลานในสายตาของเขานางกำลังบอกเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ออกมาอย่างอ่อนแรง“เป็นเพราะว่าข้าไม่อยากให้ใครมารบกวนการเล่นปาหิมะของข้ากับบ่าวรับใช้”
ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่เซียวหลัวและเย่อวิ๋นกว่างจะปีนเข้ามาทางด้านกำแพงทิศตะวันออกเมื่อได้ฟังเสร็จสายตาของโม่ฉีหมิงก็แสดงถึงความจนปัญญาเรียกฉินหยิ่นให้หยุดอยู่ก่อนและใช้สายตาคาดโทษมองไปยังโล่หวินหลานสื่อว่า“เดี๋ยวจะมาจัดการกับเจ้าที่หลัง!”
มองดูสองคนที่ส่งสายตาสื่อความกันโม่สวินรู้ได้ทันทีว่าฉินหยิ่นคงไม่ต้องรับโทษครั้งนี้แล้วทุกวันนี้พวกเขารวมตัวก็สู้คำพูดแค่ประโยคเดียวของโล่หวินหลานมิได้
โม่ฉีหมิงใช้หางตากวาดมองอย่างดุดันปฏิเสธอย่างดุดัน“ไม่ได้รีบกินให้หมดมิเช่นนั้นขนมถั่วเขียวนั้นก็ไม่ต้องกินมันแล้ว”
ภายใต้คำสั่งขมขู่ของเขาทำให้โล่หวินหลานจัดการกับอาหารในจานอย่างหดหู่เศร้าหมองสุดท้ายก็ยัดขนมถัวเขียวหลายก้อนลงไปเปรียบเสมือนเติมเต็มแทนที่อาหารที่กินลงไปเมื่อครู๋
ขณะเรอออกมานางนั่งอยู่บนเก้าอี้อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออกอยากขยับก็ขยับไม่ไหวอยู่นั้นโม่ฉีหมิงเงยหน้าจ้องมาที่นางขนาดนี้แล้วยังจะใช้สายตาแสดงอำนาจบาตรใหญ่มองมาที่ข้าอีกข้าละอยากได้ยาย่อยอาหารยิ่งนัก
“ขนมถั่วเขียวอร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”โม่ฉีหมิงมองนางด้วยสายตายโสโหหังสุดท้ายก็ยื่นมือมาให้นาง“จับมือข้า ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นย่อยอาหาร”
“อร่อย”โล่หวินหลานเอ่ยตอบอย่างไม่คิดยอมแพ้และจับมือเขาออกไปข้างนอก
กลางดึกเกล็ดหิมะที่ลอยอยู่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งสองพึ่งออกเดินได้ไม่นานขนตาก็ถูกปกคลุมด้วยหิมะทำให้มองถนนข้างหน้าได้ไม่ชัดเจน
“หนาวหรือไม่?”โม่ฉีหมิงก้มศีรษะลงมาถามนาง มือเย็นยะเยือกยื่นมาปัดเกล็ดหิมะบนขนตานางโล่หวินหลานที่กำลังคิดจะส่ายศีรษะปฏิเสธแต่เพราะไม่ทันระวังทำให้ฝ่าเท้าพลิกร่างกายโงนเงนจะล้มลงไปแต่ไหล่กลับโดนมือใหญ่พยุงขึ้นมาอย่างแรงและโอบกอดนางเข้าสู่อ้อมกอดอย่างแนบแน่น
เมื่อหลบอยู่ในอ้อมกอดของเขาชั่วพริบตาร่างกายของโล่หวินหลานก็รู้สึกร้อนขึ้นมาแต่ว่ารองเท้าแต่ติดอยู่ในหิมะซึ่งระหว่างซอกหินซึ่งดึงยังไงก็ดึงไม่ออก
“เป็นอะไรไป?”โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วถาม
“รองเท้าติด”โล่หวินหลานใกล้ที่จะคลั่งเต็มทน
เมื่อมองตามสายตาของนางก็เห็นรองเท้าหนังกวางคู่นั้นของนางพลิกเอียงอยู่ได้ติดอยู่ในหิมะลึกประมาณสองนิ้ว
“จับข้าไว้แล้วอย่าขยับ”โม่ฉีหมิงพูดเสร็จก็ก้มลงจับข้อเท้าของนางเอาก้อนหินที่อยู่ข้างรองเท้านางออกยกเท้านางขึ้นมาด้วยความระมัดระวังและเงยหน้ามองนาง“เท้าแพลงไหม?”
“ไม่เป็นไรไม่เป็นไรแล้วพื้นหิมะเดินยากอะไรก็มองไม่ชัดเจน”ขอบตาของโล่หวินหลานร้อนผ่าวไม่เคยมีผู้ใดเต็มใจที่จะก้มหัวให้นางอย่างอบอุ่นอ่อนโยนเยี่ยงนี้ปกติแล้วเขาเป็นที่หยิ่งยโสคาดไม่ถึงว่าจะมีด้านที่อ่อนโยนอย่างนี้ด้วย
“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วพวกเราก็กลับกันเถอะ”โม่ฉีหมิงเดินโอบกอดนางเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเขาไม่กล้าที่จะให้นางเดินบนพื้นหิมะด้วยตัวเองอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก