ตอนที่139 แผนการที่ใช้ไม่ได้
สีฟ้าครึ้มเสียจนน่ากลัว ลมหิมะยังคงพัดไม่หยุด ทั้งๆที่ตอนนี้ยังเป็นฤดูหนาวมากอยู่แท้ๆ แต่ลมยังพัดแรงขนาดนี้ ดูท่าฤดูหนาวในปีนี้จะผ่านความหนาวเย็นไปยาวกว่าปีอื่น
ในห้องโถงหลักเรือนตระกูลเย่ประดับด้วยผ้าสีขาว ท้องสองฝั่งมีเทียนสีขาวจุดอยู่ ทำให้ทั้งห้องพิธีนั้นดูสว่าง เด็กหนุ่มและสาวรับใช้ทั้งสี่คน ยืนเฝ้าห้องพิธีอยู่ฝั่งละสองคน
จะมีคนใช้วิ่งเข้ามาทีละ 1-2 คนเป็นครั้งคราว รีบก้าวผ่านห้องพิธีนั้นไป
“พี่จินหยก ใกล้ถึงเวลากลางดึกแล้ว... พวกเขาบอกว่าในเวลานี้เป็นเวลาที่ ที่ง่ายที่สุดที่จะ... พี่กลัวไหม?” คนใช้คนหนึ่งพูดอย่างหวาดกลัว
ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าพี่จินหยกนั้นเป็นคนใช้ระดับสองที่อายุค่อนข้างมากขึ้นมาหน่อย เป็นลูกมือของคุณนายใหญ่ รู้เรื่องคล่องแคล่วในทุกๆเรื่อง อย่างเช่นเรื่องแบบนี้จะมอบหมายมาให้เจ้าทำ
เจ้าจ้องที่เด็กรับใช้คนนั้น แล้วพูดเสียงแข็ง “กลัวอะไรกัน? พวกเราอยู่ที่นี่กันตั้งหลายคน แล้วอีกอย่าง นี่ก็เป็นคุณหนูสามของพวกเราเอง เขาจะทะทำอะไรพวกเรา? อย่าทำให้ตัวเองตื่นกลัวไปหน่อยเลย”
เด็กรับใช้คนนั้นอายุยังน้อย และนี่เป็นครั้งแรกที่อยู่เฝ้าศพ ก็จะกลัวเป็นธรรมดา แต่ถูกจินหยกดุจนไม่กล้าปริปากพูดต่อ
สาวใช้ทั้งสองก็แอบรู้สึกกลัวเหมือนกัน แต่เมื่อได้ยินที่จินหยกพูด ก็ไม่กล้าคิดไปไกล ทำได้แค่สวดมนต์อยู่ในใจ ให้พระคุ้มครอง!
ลมตอนกลางคืนนั้นยิ่งพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ พัดเสียจนเกิดเสียงที่หน้าต่างประตู ด้านนอกก็มีเสียงเคาะบอกเวลาดังเพื่อบอกว่านี่เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เที่ยงคืนมาถึง
แสงจันทร์จากด้านนอกค่อยๆมืดลง ก่อนหน้านี้ยังเห็นวิวหิมะผ่านทางแสงจันทร์ได้ แต่ตอนนี้มองไม่เห็นแล้ว ทั้งสี่คนอาศัยความแข็งแกร่งในใจเฝ้าหน้าโลงศพอยู่สองฝั่งต่อไป
เงียบอยู่สักพัก ทันใดนั้น ก็มีเสียงแมงร้องดังขึ้น
เด็กรับใช้คนนั้นตกใจจนร้อง “อ้ะ” ออกมา แล้วมุดเข้าไปที่อ้อมอกจินหยก พูดเสียงสั่น “ที่จินหยก มีเสียงมีเสียง...”
จินหยกก็ตกใจในท่าทางของเจ้าเช่นกัน พยายามข่มอารมณ์ตัวเองอย่างสุดฤทธิ์ แล้วผลักเด็กคนนั้นออก “ทำอะไร? เสียงจากไหนกัน?”
อยู่ๆเสียงของแมวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย จินหยกพยายามเงี่ยหูฟัง แล้วตบหัวเด็กรับใช้คนนั้น “อย่าทำตื่นตกใจไป ถ้าหากเสียงดังจนทำให้นายท่านกับคุณหญิงตื่น แกเห็นดีแน่!”
เงียบลงไปสักพัก เด็กรับใช้คนนั้นปิดปากตัวเองแน่น ดวงตาทั้งคู่มองจ้องออกไปด้านนอก กลัวจะหลุดอะไรออกไปอีก และด้านนอกมีเพียงความมืดมิด และวิวของหิมะ แล้วก็ไม่มีอะไรอีก
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงร้องไห้ของหญิงสาวลอยมาแต่ไกลๆ เด็กรับใช้นั้นตื่นตระหนกขึ้นมา สาวรับใช้อีกสองคนก็เริ่มจะทนไม่ได้แล้ว ต่างพากันร้องเสียงหลงแล้ววิ่งหายไป
“เจ้า พวกเจ้าหยุดวิ่งเดี๋ยวนี้ ไม่มีอะไร สักหน่อย!” จินหยกวิ่งมาที่หน้าประตู แล้วพูดเสียงเบา เสียงร้องไห้เมื่อกี้เจ้าก็ได้ยินแล้วเหมือนกัน แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกคุณนายใหญ่ทำโทษ จึงยืนตัวสั่นอยู่ที่หน้าโลง
“พี่จินหยก มีจริงๆนะ ในนั้นมันมีอะไรจริงๆ” เด็กรับใช้สะดุดล้มที่กอหญ้า จับขาตัวเอง พลางพูดขึ้น
เจ้าไม่อยากจะอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป ข้างในต้องมีอะไรแน่ๆ มากเสียจนทำให้เจ้ารู้สึกกลัว
หิมะค่อยๆหยุดตก กลายเป็นเสียงลมที่แรงขึ้น ความมืดด้านนอกทำให้น่ากลัวยิ่งขึ้น คนก็ไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงเจ้าคนเดียว จินหยกบีบขาตัวเองที่เริ่มสั่น ค่อยๆเดินเข้าไปด้านในห้องพิธี
โลงศพสีดำอยู่ด้านใน มันช่างน่าน่าเกรงขาม เงียบสงบมั่นคงเหมือนกับไม่ใช่สิ่งที่ตายไปแล้ว
“ครืด” ทันใดนั้นแสงเทียนก็ดับลงกรงเล็บแหลมเฉียดข้างหูจินหยกไป จับที่คอของเจ้าแน่นจนเป็นรอย
เจ้าร้องขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ความสงบนิ่งเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นความคลุ้มคลั่ง รีบวิ่งออกจากห้องพิธีไป
เสียงลมพัดค่อยๆเบาลง ภายในห้องพิธีก็ค่อยๆสงบลง ด้านหลังพัดลมเผมให้เห็นร่างของอีกคนหนึ่ง ร่างสูงยาวทะมัดทะแมงนั้น วิ่งพลางก่นด่า “จินหยกใช่ไหม ฉันจะจำเจ้าไว้! จัดการยากจริงๆเลย”
เปิดฝาโลงที่หนักอึ้งขึ้นมา เย่อวิ๋นกว่างจุดโคมไฟ เผยให้เห็นใบหน้าของเย่เซียวหลัว สีนั้นดูแย่แทบเสียจนจะเป็นสีของตับหมูแล้ว ยังดีที่เขาเจาะรูไว้ที่ด้านล่างของโลง มิเช่นนั้นเย่เซียวหลัวก็คงจะตายคาโลงไปแล้ว
ไม่มีเวลามาคิดเยอะ เย่อวิ๋นกว่างเล็งพิกัดเรียบร้อย ก็นำของชิ้นเล็กๆสีแดงนั้นหย่อนเข้าไปในจมูกเย่เซียวหลัว และยื่นมือเอาของอีกชิ้นไปไว้ตรงตำแหน่งหัวใจเจ้า
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็รีบเดินออกมา
เขาไม่มีเวลามาเก็บร่องรอยในสิ่งที่เขาทำ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ที่ต้องการก็คือผลลัพธ์ ขอเพียงในห้องพิธีนี้มีการเคลื่อนไหว เย่กั๋วกงยังคงเชื่อว่าเย่เซียวหลัวยังไม่ตายแน่นอน
หลังจากรีบออกมาแล้วนั้น เขาก็มุดกลับเข้าไปในห้องฟืนอีกครั้ง
เขาหยิบตะขอเหล็กออกมาจากข้างเอว ถือโอกาสที่รอบข้างมืดสลัวไม่มีคน ใช้ความคล่องและรวดเร็วในการเกี่ยวตะขอเข้ากับกุญแจ
“เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเย่กั๋วกงได้ยินว่าที่ห้องพิธีเกิดเรื่อง เสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นขึ้นมา
เดิมทีที่เย่เซียวหลัวตายนั้นก็มีผลกระทบต่อจิตใจเขามากอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ได้ยินว่าที่ห้องพิธีนั้นเกิดเรื่อง เขาจึงรีบวิ่งไปอย่างรอไม่ได้
การตายของเจ้านั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเขามาก เขาคิดว่าตัวเองนั้นผิดต่อเจ้า เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าจากไปแล้ว
“ไม่ทราบค่ะ เมื่อกี้ที่ฉันเฝ้าอยู่ อยู่ๆเทียนก็ดับลงหมด แล้วก็มีแมวป่าวิ่งมา แถมยังข่วนคอของฉันอีกด้วย...” จินหยกพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เย่กั๋วกงไม่ฟังต่อไป วิ่งออกไปที่ห้องพิธีทั้งชุดบางๆนั้น
“นายท่าน นายท่าน... รอฉันก่อน ฉันใส่เสื้อก่อน...” คุณนายใหญ่รีบวิ่งตามคุณชายไป ไม่สนใจความลื่นบนพื้นหิมะ สะบัดมือจินหยกออก เหยียบพื้นหิมะหนาวิ่งออกไป
จินหยกเห็นสองคนนี้ ก็อึ้งอยู่ซักพัก แล้วเจ้าก็รีบวิ่งตามไป
ในห้องพิธีมืดสนิท ท่าทีของแต่ละคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องพิธีนั้นดูอ่อนแรง บังเอิญตอนนั้นมีสาวใช้วิ่งตามมาพอดี ในมือพวกเจ้าถือตะเกียงไฟ เดินเข้าไปในห้อง ทำให้ในห้องพิธีสว่างขึ้นมาทันที
“ฉันอยากจะเห็น ว่าใครกล้ามาทำอะไรในนี้” เย่กั๋วกงรีบก้าวเข้าไปดู
“นายท่าน ระวัง” คุณนายใหญ่เตือน แล้วนำผ้าคลุมที่คลุมตัวเองอยู่ ไปคลุมให้เย่กั๋วกง
ในห้องพิธีนี้มีร่องรอยของแมวเยอะมาก แม้กระทั่งบนฝาโลงยังเต็มไปด้วยรอยเท้าแมว และไม่รู้ว่าใครเปิดฝาโลงออก เย่เซียวหลัวที่นอนหน้าม่วงคล้ำอยู่นั้นเผยขึ้นมาต่อหน้าเย่กั๋วกง
เขาก้มหน้าดูเย่เซียวหลัวในโลง น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ข้างในนั้นเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ ไม่กี่วันมานี้ที่ไม่ได้เข้ามาดูหน้าของเจ้าเป็นเพราะกำลังข่มอารมณ์ตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้ได้พบเจ้าแล้ว ช่างรู้สึกเศร้าในใจยิ่งนัก
“ใครเป็นคนเปิดฝาโลง? คนเฝ้าดลงล่ะอยู่ไหน? เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เย่กั๋วกงที่ดอบโลงศพอยู่นั้น มือทั้งสองข้างเกร็งแน่น ราวกับกำลังฝืนทนอะไรอยู่
แสงเทียนในห้องพิธีพลันสว่างขึ้น แสงสว่างสาดมาที่หน้าของทุกคน สีหน้าเคร่งเครียดของเย่กั๋วกง มองไปรอบๆด้วยความเย็นชา ค่อยๆละมืออกจากโลงไม้นั้น แล้วค่อยๆก้าวอย่างมั่นคง ไปนั่งที่เก้าอี้หลัก
“เป็นใครกันแน่ ที่กล้าปล่อยแมวออกมา? แล้วเป็นใครกันแน่ ที่เปิดฝาโลงออก? ฉันอยากจะรู้อย่างชัดเจน” เย่กั๋วกงพูดด้วยเสียงเย็นเยือก
คนใช้ด้านล่างมองเย่กั๋วกงที่นั่งอยู่บนที่นั่งด้วยสีหน้าเย็นชานั้น กลัวจนขนลุกขนพอง รวมถึงสาวใช้ทั้งสองที่เฝ้าศพด้วยเช่นกัน ตอนนั้นพวกเขาวิ่งออกไปกันหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ละคนได้แต่ก้มหน้าเงียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก