ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 140

ตอนที่140 ตำนานเล่าขาน

สุดท้าย ก็เป็นจินหยกที่ต้องออกมาพูดเอง “ตอบนายท่าน เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ ตอนที่พวกเราเฝ้าศพกันอยู่นั้น เมื่อถึงตอนเที่ยงคืน ด้านนอกก็ลมพัดแรงกรรโชก แล้วมีเสียงแมวดังขึ้น แล้วก็เสียงร้องด้วยความทรมานของหญิงสาว พวกเขากลัวกันมาก จึงออกไป แต่หลังจากนั้นที่ฉันยังอยู่ที่นี่ เทียนทั้งหมดยังดับลง ตามด้วยมีแมวพุ่งมาข่วนฉัน ฉันก็เลยวิ่งออกมา แต่ไม่ทราบจริงๆค่ะว่าโลงนี้เปิดออกได้อย่างไร”

เหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ทำให้เย่กั๋วกงคิดไปไกล

“ในเรือนได้เลี้ยงแมวไหม? แล้วเทียนพวกนี้พวกเจ้าก็ตรวจดูว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เย่กั๋วกงจัดแจงเรื่องต่างๆด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

คนใช้ได้ยินเช่นนี้จึงรีบไปตรวจเช็คเทียนทุกเล่ม จินหยกครุ่นคิดแล้วจึงพูดขึ้น “ในเรือนนี้มีเพียงนายหญิงสี่ที่ชอบแมว เพียงแต่แมวของนายหญิงสี่ไม่เคยออกมาเพ่นพ่านตอนกลางคืน นายหญิงสี่รักและหวงมาก ไม่เคยให้มันออกมาวิ่งมั่ว”

แมวของคุณหญิงสี่? ในหัวของเย่กั๋วกงนึกย้อนไปที่ชื่อนี้ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้สนใจเจ้า ลืมแม้กระทั่งเขาเคยมอบแมวให้เจ้าเองกับมือ

“เจ้าไปดูว่าแมวของนายหญิงสี่ได้ออกมาเพ่นพ่านไหม ดูซิว่าปัญหามาจากแมวตัวนั้นไหม” เย่กั๋วกงสั่งด้วยเสียงแผ่วเบา

“ตอบนายท่าน เทียนไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” สาวใช้ตรวจสอบเสร็จแล้วตอบเย่กั๋วกง

เทียนไม่ได้มีปัญหาอะไร หรือว่านี่ไม่ใช่ฝีมือคน? เย่กั๋วกงพยักหน้าเบาๆ ขมวดคิ้วแน่น

“นายท่าน คงไม่ใช่ คงไม่ใช่คุณหนูสามเจ้า… อันนั้นหรอกนะ?” จินหยกยืนอยู่อีกฝั่งของห้องพิธี คิ้วกับตาแทบกองรวมกัน มองโลงศพด้วยสายตาหวาดกลัว

เกิดเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ ไม่ให้สงสัยก็คงจะยาก!

“พูดซี้ซั้ว! ใครกล้าพูดอีก ฉันจะลงโทษ เรื่องวันนี้ พวกแกห้ามพูดออกไป” เย่กั๋วกงกำชับ โกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวด

จินหยกตกใจจนตัวสั่น รีบก้มหน้าหลบตา ไม่กล้าพูดต่อ

เย่กั๋วกงที่กำลังโกรธอยู่นั้นยืนตัวสั่นมองไปรอบๆ กวาดมองคนด้านล่างทั้งหมด หรือว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกในบ้าน

เห็นท่าทางของนายหญิงใหญ่อย่างนี้ แต่ในใจเจ้ารีบร้อนมาก มองไปที่ห้องพิธีอย่างเงียบๆ เดินไปจับเสื้อคุณชายเบาๆ แล้วกระซิบ “นี่คุณ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันกะทันหันมาก และก็เหมือนกับที่เด็กรับใช้บอก ว่านี่คงไม่ใช่ปัญหาจากหลัว…”

“ซี้ซั้ว!” เย่กั๋วกงพูดขึ้นอีกครั้ง จ้องไปที่นายหญิงใหญ่เขม็ง “พวกเขาไม่รู้ถึงพูดอย่างนั้นออกมา แต่เจ้าเป็นถึงนายหญิงใหญ่ในบ้าน ทำไมถึงซี้ซั้วพูดเหมือนคนพวกนั้น!”

เมื่อถูกเขาตะคอกเช่นนี้ นายหญิงใหญ่ก็สติหลุด ไม่กล้าออกความเห็น ได้แต่ยืนก้มหน้าเงียบๆอยู่ข้างเขา

“นายหญิงสี่มารึยัง?” เย่กั๋วกงหันไปมองบานประตูว่างเปล่าด้วยจิตใจวุ่นวาย พูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว

“ตอบนายท่าน…” เด็กรับใช้คนหนึ่งกำลังจะตอบ ที่หน้าประตูก็มีร่างที่เลือนรางเข้ามาพอดี แล้วพูดขึ้น “ท่านไม่ต้องรีบร้อนไป ฉันได้ข่าวจึงรีบออกมาทันที”

คนยังมาไม่ถึง แต่พูดจบแล้ว

ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนที่แมวของนายหญิงสี่ข่วนทำร้ายนายหญิงใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอหน้าเจ้าอย่างใกล้ชิดอย่างนี้

เดิมทีเจ้าได้รัยความรับจากนายท่านเป็นอย่างมาก ถูกบรรดาเหล่านายหญิงน้อยใหญ่รังเกียจ แต่เจ้าก็ทนมาตลอด เจ้าคิดว่าแต่เพียงได้รับความรักจากนายท่านก็เพียงพอแล้ว จนกระทั่งเทียนหยาแมวที่เจ้าเลี้ยง ข่วนจนนายหญิงใหญ่บาดเจ็บ เย่กั๋วกงจึงกักบริเวณเจ้าไว้ในเรือน เจ้าคิดว่าคงเป็นเพียงการลงโทษเล็กน้อย แต่ผ่านไปแปบนึงก็เป็นเวลาสองปี

ความยโสที่เจ้าเคยมี เขามีศักดิ์ศรีของเขา ไม่มีใครยอมใคร จนกลายมาเป็นเหตุการณ์แบบวันนี้

“นายท่าน เมื่อคืนเทียนหยาอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกมาเพ่นพ่าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ? นายท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน มีทางออกอยู่แล้ว” เดิมทีนายหญิงสี่เป็นสาวงามอยู่แล้ว หลังจากผ่านไปสองปี เจ้ากลับดูมีเสน่ห์มากขึ้น และยังคงใจงามมีเมตตาเหมือนเดิม

“อืม…” เย่กั๋วกงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร สายตาเอาแต่มองโหยหาเจ้าที่อยู่ด้านนอก แต่กลับมีความรู้สึกที่อยากเข้าใกล้แต่เข้าใกล้ไม่ได้

“หลัว เจ้า เจ้าเกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันว่าจะไม่เชิญพระมาสวดสักหน่อย” เย่กั๋วกงกระแอมเบาๆ พูดขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม

ใครจะรู้ หลังจากที่เขาพูดจบ นายหญิงสี่ก็ก้าวเข้าไปใกล้โลงศพอีกก้าว ท่วงท่าของเจ้าสง่างาม อ่อนโยน เอวบางๆ นายหญิงใหญ่ที่อยู่บนที่นั่งหลักเห็นท่าทีของเจ้า ก็รู้ว่าตัวเองนั้นห้ามไม่ได้

เมื่อสองปีก่อนอาจจะได้ แต่ว่าตอนนี้ ตระกูลเจ้าเสื่อมอำนาจลง เย่กั๋วกงยิ่งต้องการเจ้าน้อยลง แต่นายหญิงสี่สวยงาม เก่งกาจ เพียงแค่เจ้าทำอะไรนิดหน่อย หรืออาจจะไม่ต้องทำอะไรเลย ก็สามารถทำให้เย่กั๋วกงกลับมารักเจ้าได้อีกครั้ง

สาวใช้ด้านหลังยืนเรียงเป็นแถว ถึงแม้ว่าจะกลัว แต่ก็ต้องยกเย่เซียวหลัวออกมาจากโลง

“นายท่าน ท่านว่าเป็นเพราะสวรรค์รู้ว่าท่านเศร้าโศกขนาดนี้ แล้วจึงคืนเจ้าให้กับท่าน?” ใบหน้าของนายหญิงสี่เผยรอยยิ้มบางๆออกมา บนใบหน้าอมชมพูนั้นไม่มีแม้แต่ริ้วรอย สวยใสราวกับน้ำบริสุทธิ์

เย่กั๋วกงพยักหน้า

หิมะยังตกไม่หยุด ในค่ำคืนที่หนาวเย็นนี้เงียบเป็นพิเศษ โล่หวินหลานนอนอยู่ที่มุมสุดของเตียง นอนหลับสนิท แต่ข้างหลังของเจ้านั้นว่างเปล่า ไร้ร่างของคนนั้น

ชานบ้านที่ว่างเปล่านั้นดูเหมือนถูกปกคลุมด้วยหิมะ วิวของหิมะและความมืดมิดนั้นรวมเข้าด้วยกัน บนพื้นหิมะมีรอยเท้าตื้นๆค่อยๆก้าวอยู่ด้านบน ร่างสูงที่คลุมด้วยผ้าคลุมสีดำนั้นกำลังเดินมุ่งไปข้างหน้า

จนมาถึงหน้าประตู ก็ค่อยๆผลักประตูออกไป และรีบปิดลงด้วยความรวดเร็ว ระวังไม่ให้ลมหนาวๆจากด้านนอกพัดเข้ามาในห้องอุ่นๆนี้ ให้คนที่นอนอยู่รู้สึกตัว

รับรู้ถึงความอบอุ่น เขาบีบมือเย็นๆนั้น แล้วถอดผ้าคลุมออก เกล็ดหิมะที่เกาะอยู่ร่วงลงบนพื้น เขาปัดตัวเองจนสะอาดแล้วจึงเดินไปที่เตียง

ในนั้นมีแสงเทียนสลัว เงาสลัวที่ทอดยาวนั้น สะท้อนลงบนโต๊ะลายดอกซากุระเป็นภาพที่ชวนจินตนาการไปมากมาย

ในที่สุดก็เดินมาถึงข้างเตียง ร่างของหญิงสาวที่เขาคิดถึงอยู่นานปรากฏอยู่ต่อหน้า เขาไม่รู้ว่าไม่ได้กอดเจ้ามานานเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองลืมสัมผัสอันอบอุ่นนั้นไปแล้วหรือยัง

จินตนาการภาพที่ตัวเองได้คุยกับเจ้าวนอยู่ในหัว เขานั่งลงข้างเตียง คว้าเจ้าเข้ามาไว้ในอ้อมกอด มีแต่เวลานี้ ที่เขาจะได้กอดเจ้าอย่างจริงๆจังๆ

ทันใดนั้น มีมือเล็กสอดเข้ามาที่เอวเขา กอดเขาไว้แน่น โล่หวินหลานสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาบนตัวเขา แล้วก็แข็งไป

“เจ้ามาแล้วเหรอ นอนเถอะ ง่วงจัง!” โล่หวินหลานกอดเขาแล้วก็พูดเองเออเอง เจ้าไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้ชายที่เจ้ากอดอยู่นั้นทั้งทำตัวไม่ถูกและหวงแหนเจ้า

“โล่หวินหลาน เจ้ารู้ตัวใช่ไหมเนี่ย? หรือยังหลับอยู่?” โม่ฉีหมิงถาม

นานมาก เจ้าก็ไม่ได้ตอบกลับมา เขายิ้มแบบฝืนๆ แล้วห่มผ้าให้เจ้า ไม่ให้เจ้าหนาว นอนตามเจ้าลงไป แล้วกระชับอ้อมแขนที่กอดเจ้าแน่นขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก