ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 141

ตอนที่ 141 ขอเชิญหมอเทวดา

ทางด้านตำหนักเย่เองนั้นไม่มีการไหวตึงใดๆ ขณะนี้ประตูหวังหลวงได้ปิดลงแล้ว แต่ก็เป็นเพราะการเล่าลือนั้น ฮองเฮาเย่เองก็ตกพระทัยมาก แม้แต่ฮ่องเต้เจียเฉิงก็ตกพระทัยมากเช่นเดียวกัน

"ฮ่องเต้ ท่านพักผ่อนเถอะเพคะ รับสั่งให้หมอหลวงไปพบก็พอแล้ว ตอนนี้ดึกมาก หากท่านออกไปโดนลมหนาวแล้วล้มป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร?" ฮองเฮาเย่พยายามพูดให้ฮ่องเต้เจียเฉิงที่กำลังจะลุกเดินออกไปให้หยุดลง

พอได้ทราบข่าวว่าเย่เซียวหลัวกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง จิตใจของพวกเขาก็ทั้งแปลกใจและตกใจ ฮ่องเต้เจียเฉิงครุ่นคิดหนัก

เขามีชิวิตมานานถึงเพียงนี้ ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน

"จ้าวกงกง เจ้าช่วยไปหยิบตราประจำตัวข้า แล้วให้หมอหลวงที่รักษาคุณหนูสามแห่งตระกูลเย่ไปที่ตำหนักเย่อีกครั้ง" ฮ่องเต้เจียเฉิงที่ถูกฮองเฮาขอร้องเอาไว้จึงไม่ได้ไปด้วยตนเอง อีกอย่างพรุ่งนี้เขายังต้องมีราชโองการ ไปเวลานี้ไม่สมควรจริงๆ

ทางด้านจ้าวกงกงเมื่อได้ฟังคำสั่งก็รีบไปทันที

นี่เป็นพระบรมราชโองการที่ฮ่องเต้รับสั่ง เขาเองก็ได้ยินว่าเย่เซียวหลัวนั้นได้กินยาพิษเพื่อฆ่าตัวตาย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นศพ แต่ดูจากสีหน้าของฮองเฮาแล้วนั้น ก็ทราบได้ทันทีว่าเธอได้ตายไปแล้ว

หมอหลวงเดินสอยเท้าถี่เพราะถูกเรียกให้เข้าวัง ทั้งที่ยังไม่ทันได้นอนนอน เพียงแค่ได้ยินว่าคุณหนูสามแห่งตระกูลเย่กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง เขาก็ตื่นทันที รีบสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกมา

"พวกท่านคิดว่านี่มันคือเรื่องอะไร? คนที่ตายไปแล้วเหตุใดยังกลับมาหายใจ?" หมอหลวงหนุ่มถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ

หมอหลวงอีกคนจึงรีบตอบ "นี่มันเป็นไปไม่ได้ ต้องมีอะไรที่ไม่ดีแน่นอน ท่านว่าพวกเราไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์หรอก!ข้าว่าเรียกให้พระอาจารย์มาสวดมนต์ยังดีเสียกว่า!"

"ไม่ต้องเรียกพระอาจารย์หรอก ข้าว่าต้องเป็นเรื่องที่ตำหนักเย่สร้างขึ้นมาแน่ๆ คนตายไปแล้ว จะให้พวกเราไปรักษาอีกรอบเพื่ออะไรกัน"

จ้าวกงกงที่เดินตามอยู่ด้านหลังกระแอมขึ้น "พวกท่านไม่ต้องเดาอะไรแล้ว ประเดี๋ยวไปถึงตำหนักเย่ก็จะรู้คำตอบทุกอย่างเอง"

หมอหลวงทุกคนเงียบลง แล้วเดินท่ามกลางหิมะไปยังหน้าประตูวังหลวง จ้าวกงกงนำตราของฮ่องเต้ออกมาให้ทหารที่เฝ้าประตู ทหารเปิดประตู ด้านนอกมีรถม้าเจ็ดถึงแปดคันรออยู่

รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังตำหนักเย่ ในตำหนักเต็มไปด้วยแสงจากไฟ ในห้องโถงยังคงมีโลงศพวางไว้ มองดูแล้วขนลุกเหมือนอยู่ในนรก

"หมอหลวงได้โปรดตามหม่อมฉันมา" จินหยกที่ยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้า เชิญหมอหลวงให้ไปยังห้องของเย่เซียวหลัว

"ที่นี่คือห้องของคุณหนูสาม ฮูหยินรอพวกท่านอยู่ด้านใน" จินหยกส่งยิ้มให้ แล้วเคาะไปที่ประตู จากนั้นก็ได้ยินเสียงของเย่กั๋วกงดังออกมา

ในห้องกว้างขวางมาก เต็มไปด้วยแสงจากเทียน สีหน้าของเย่กั๋วกงไม่สู้ดีนัก พอเห็นว่าหมอหลวงเดินเข้ามาก็พยายามปรับสีหน้ากลับมาทันที

"จินหยก เจ้าเล่าอาการให้หมอหลวงฟังสิ" เย่กั๋วกงมองไปยังจินหยก เรื่องนี้นางเป็นคนเข้าใจที่สุด

จินหยกพยักหน้า นางเล่าทุกอย่างอย่างละเอียดแก่หมอหลวง โดยไม่ได้พูดเกินความจริง หมอหลวงพร้อมใจกันมองหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

หมอหลวงหลี่ลูปที่หนวดยาวสีขาวของตนเอง คิ้วของเขานั้นขมวดเป็นปม ถามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ "หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะขอจับชีพจรคุณหนูสามหน่อย แล้วทุกอย่างจะกระจ่างเอง"

"เชิญหมอหลวง" เย่กั๋วกงรีบบอกกับหมอหลวง

สาวใช้รีบนำผ้ามารองไว้ตรงมือของเย่เซียวหลัว

หมอหลวงหลี่ยื่นมือไปที่จมูกของเย่เซียวหลัวเพื่อดูว่านางยังหายใจรึเปล่า เมื่อมือของเขาเข้าใกล้ก็รับรู้ได้เลยทันทีว่านางยังหายใจอยู่ หมอหลวงก้าวถอยหลัง

หมอหลวงทำปากพะงาบๆ "มัน มันเป็นไปได้อย่างไร? ครั้งที่แล้วไม่ได้เป็นเยี่ยงนี้"

"หมอหลวงหลี่ เป็นอย่างไรบ้าง?"

"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!ได้โปรดให้ข้าจับที่ชีพจรคุณหนูสามอีกครั้งด้วยเถิด"

หลังจากที่หมอหลวงหลี่พูดจบ เขาก็จับที่ชีพจรของนางอย่างสั่นเทา สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้คือเนื้อตัวของนางยังอุ่น!

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

เขาเป็นหมอหลวงเอกของตำหนัก ตอนที่เย่เซียวหลัวตายนั้นเขาเป็นคนพูดขึ้นเอง วันนี้เขากลับต้องวินิจฉัยว่านางยังไม่ตาย นี่ไม่ใช่การเอาก้อนหินทุบขาตัวเองหรือไง?

แต่ตอนที่จับชีพจรนั้น หัวใจของนางเต้นเป็นจังหวะ เหมือนคนปกติ

"ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ชีพจรของคุณหนูสามแห่งตระกูลเย่นั้นเต้นเป็นจังหวะ เหมือนไม่เคยมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น เห้อ!หม่อมฉันเองก็จนปัญญา ไม่สามารถทำให้นางฟื้นขึ้นมาได้" หมอหลวงหลี่บอกพร้อมส่ายหน้า

"แล้วตอนนี้เย่เอ่เป็นอย่างไรบ้าง?" เย่กั๋วกงขมวดคิ้วเป็นผม หากแม้แต่หมอหลวงยังไม่มีวิธีทำให้บุตรีของเขาฟื้นตื่นขึ้นมาได้ แล้วใครจะสามารถช่วยเย่เอ่อได้เล่า?

หมอหลวงท่านอื่นเองก็หมดปัญญาเช่นเดียวกัน พวกเขายังไร้ซึ่งประสบการณ์ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่ง จึงทำได้เพียงตีตัวออกห่าง

"ไม่ได้คิดอะไร ท่านรีบลุกขึ้นยืน!"โล่หวินหลานยื่นมือออกไป แล้วขมวดคิ้วมองดูการกระทำของเขา "ขยับมาหน่อย!"

โม่ฉีหมิงตบที่เสื้อของตนเองเบาๆ พอสวมใส่ชุดของท่านอ๋องก็ทำให้เขาดูหล่อและสุขุมขึ้นทันที เขาเดินมาตรงหน้าโล่หวินหลาน นางยื่นมาจัดชุดให้เขา

"ตรงนี้ท่านจุดกระดุมผิดแล้ว ท่านอย่างขยับ!" โล่หวินหลานก้มหน้าก้มตา แล้วจุดกระดุมให้เขาใหม่ แต่สายตาของคนเบื้องบนนั้นกำลังมองมาที่นางไม่กระพริบ

"เรียบร้อย ท่านไปเถอะ หม่อมฉันก็จะเปลี่ยนชุด!"โล่หวินหลานเงยหน้าขึ้นมา แล้วส่งยิ้มกว้างให้เขา โม่ฉีหมิงที่กำลังมองอยู่นั้นถึงกับเพ้อไป

ช่วงนี้เขามักจะทำให้นางโมโห อันที่จริงเวลานางยิ้มนั้น ช่างงดงามเหลือเกิน

โม่ฉีหมิงยืนอยู่ปลายเตียง แววตาของเขาช่างเจ้าเล่ห์ เหมือนเพียงแค่โล่หวินหลานขยับ เขาก็จะตะครุบนางทันที

มองดูแววตาของเขา โล่หวินหลานที่กำลังเปลี่ยนชุดนั้นก็นิ่งไป นางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองดูเขา

"ได้ ข้าออกไป" โม่ฉีหมิงเคาะที่หัวของนางอย่างเบามือ จากนั้นก็เดินออกไป

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะนอนด้วยกันมานาน และเคยกอดกันอย่างกลม แต่ทุกครั้งที่โล่หวินหลานเปลี่ยนชุดนั้นเขาก็ไม่เคยได้อยู่ที่นั่น หรือนี่จะเป็นเพราะความรักที่เขามีให้นางจึงยอมนางทุกอย่าง

โล่หวินหลานที่รีบเปลี่ยนชุดเสร็จก็สวมรองเท้าที่มีขนอบอุ่นทำให้นางเดินบนหิมะได้โดยไม่หนาวเลยสักนิด

"พระชายา ท่านช้าหน่อย ท่านอ๋องรอท่านที่ห้องโถง"

"หิมะตกหนักขนาดนี้ เย่หวิน เดี๋ยวมาปั้นมนุษย์หิมะกันเถอะ" โล่หวินหลานเดินอยู่บนหิมะอย่างมีความสุข นางมาถึงห้องโถงก็เห็นโม่ฉีหมิงกำลังนั่งมองนางอยู่

"ทานข้าวกันเถอะ!" โม่ฉีหมิงรีบสั่ง จากนั้นก็เลื่อนซุปถั่วเหลืองไปตรงหน้าตนเอง แล้วยื่นแครอททอดไข่ไว้ตรงหน้าของนาง

แครอท แครอท แครอทอีกแล้ว โล่หวินหลานร้องตะโกนในใจ นางอยากจะกินซุปถั่วเหลือง!

"อย่าคิดแม้แต่จะเรียกร้อง ไร้ประโยชน์" โม่ฉีหมิงพูดดักทางนางอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็พูดเสริม "ซุปถั่วเหลืองเป็นของหวานหลังจากทานข้าวเสร็จ"

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย โล่หวินชอบกินเพียงฮวางเกา เพื่อมันแล้ว นางจะยอม

มีเสียงเดินดังออกมาจากข้างนอก จากที่ไกลค่อยๆใกล้เข้ามา และค่อยๆดังขึ้น รีบเร่งท่ามกลางหิมะจากนั้นก็ดังจนคนด้านในได้ยิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก