ตอนที่ 161 ติดตามต้นตอ
โล่หวินหลานบิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นมานั่ง พวกเขาเกิดมาเพื่อคู่กัน
“นั่งใกล้เข้ามา ได้เวลากินข้าวแล้ว” โม่ฉีหมิงยกกล่องยาออก แล้วใช้น้ำเสียงเชิงออกคำสั่งกับโล่หวินหลาน
“เจ้ารู้อยู่แล้วใช่ไหม” โล่หวินหลานเดินไปที่โต๊ะ แล้วถาม
“รู้เรื่องอะไร?” โม่ฉีหมิงสีหน้าไม่เปลี่ยน
โล่หวินหลานชี้ไปที่นอกประตู “เรื่องของสองคนนั้น ฉินหยิ่นชอบเย่หวิน เย่หวินเองก็ชอบฉินหยิ่น ......”
นางทำมือรูปหัวใจยังไม่ทันเอาลง ก็ถูกเคาะที่หัว นางหันไปมองใบหน้าที่เย็นชานั่น เขาพูดขึ้นมาว่า “รีบกินข้าว ช่วงนี้มีเรื่องเยอะแยะมากมาย อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องอื่น”
วินาทีต่อมา หัวไชเท้าหนึ่งชิ้นถูกคีบมาวางในจานของโล่หวินหลาน เขาใส่สายตาที่ขู่บังคับมองไปที่นาง ต่อให้นางไม่ยอมกิน เขาก็มีทางให้นางกินลงไปได้
โล่หวินหลานขมวดคิ้วมองไปที่หัวไชเท้าที่อยู่ในจาน กำลังคิดว่าต่อไปควรจะกินข้าวก่อนเขากลับมาดีไหม
“ห้ามเลือกกิน” โม่ฉีหมิงคีบอาหารให้นางด้วยตัวเอง สารอาหารครบถ้วน ทั้งเนื้อทั้งผัก แต่ว่ามันมีหัวไชเท้าเกินมาทำให้โล่หวินหลานหงุดหงิดมาก
แต่ว่าต่อให้หงุดหงิดแค่ไหน ภายใต้การขู่บังคับของเขา นางก็ยังต้องกินหัวไชเท้าลงไปอยู่ดี
“เจ้าก็กินด้วยสิ” โล่หวินหลานเองก็คีบหัวไชเท้าให้เขา หัวไชเท้าเต็มจานของเขาไปหมด นางอยากให้เขารับรู้บ้างว่าการกินหัวไชเท้ามันทรมานแค่ไหน
ชามลายเขียวครามกับสีของหัวไชเท้ามันเข้ากันได้เป็นอย่างดี โม่ฉีหมิงเหลือบไปมองหัวไชเท้าพวกนั้น สีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยนเขากินมันลงไปทีละชิ้นทีละชิ้น ใครบอกให้นางเป็นคนคีบให้ล่ะ
เห็นเขากินหัวไชเท้าลงไปอย่างรวดเร็ว โล่หวินหลานแอบหัวเราะในใจ ใครบอกให้ปกติเจ้าชอบคีบหัวไชเท้าให้ข้าเยอะขนาดนั้น ครั้งนี้ให้เจ้าได้รู้บ้างว่ามันอร่อยไหม
“อร่อยไหม?” โล่หวินหลานเงยหน้ามองเขา สายตาของนางทะเล้นมาก ดวงตาเป็นประกาย
“เจ้าจะลองดูไหม?” โม่ฉีหมิงยิ้มร้ายๆใส่นาง
โล่หวินหลานร้อง “อ่า” ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกริมฝีปากของเขากดทับมา แล้วจูบลงบนปากของนาง กลิ่นของหัวไชเท้าโชยเข้าปากของนาง ลิ้นของนางถูกเขาดูด ร่างกายของนางถูกเขาบีบเอาไว้ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะขยับตัว
เมื่อเขาพอใจแล้ว เขาก็ปล่อยนาง
โล่หวินหลานขมวดคิ้วแล้วปิดปาก นางรู้ว่าเขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ที่แท้สุดท้ายก็แก้แค้นนางอยู่ดี
“เจ้า เจ้า ......” นางขมวดคิ้ว ริมฝีปากของนางยังร้อนอยู่
“ข้า ทำไม?” โม่ฉีหมิงเลียริมฝีปากอย่างพอใจ ในที่สุดเขาหาวิธีกำราบนางได้แล้ว ต่อไปหากนางไม่เชื่อฟังเขาอีกเขาก็จะใช้วิธีนี้จัดการกับนาง
ใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้มร้ายๆ โล่หวินหลานมองไปที่เขาอย่างจนใจ นางเช็ดคราบน้ำลายที่หลงเหลือแล้วก็จะลุกออกจากโต๊ะไป
“เจ้าจะไปไหน?” โม่ฉีหมิงรีบจับตัวนางเอาไว้ น้ำเสียงของเขาดูร้อนใจมาก
“ข้าจะไปดูด่องห้วนกับด่องหย่า พวกเขาสองคนยังไม่ได้กินอะไรเลย อยากจะถามด้วยว่าเมื่อวานนี้ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น” โล่หวินหลานอธิบาย
โม่ฉีหมิงโอบเอวของนางเอาไว้ แล้วพูดว่า “ข้าไปกับเจ้าด้วย”
เรื่องนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้ แต่ว่าก่อนที่สวินโม่จะกลับมาจะตัดสินไม่ได้ว่านี่คือโรคระบาด อีกทั้งยังไม่ควรที่จะทำให้ตัวเองต้องตกใจ เพราะว่าในเมืองหลวงยังไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้
อาหารเย็นโม่ฉีหมิงได้สั่งให้คนเตรียมเอาไว้แล้วส่งไปให้ คิดว่าทั้งคู่ก็น่าจะกินเรียบร้อยแล้ว
ภายในห้องสว่างมาก ทั้งสองเดินเข้าไปด่องหย่ากำลังเช็ดตัวให้กับด่องห้วนอยู่
“ไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นมา” โม่ฉีหมิงห้ามด่องหย่าไม่ให้คำนับ
“ด่องห้วน เจ้ารู้สึกผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า?” โล่หวินหลานมองไปที่บาดแผลที่มือของด่องห้วน โดยรวมดูไม่เลว
ด่องห้วนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แขนถูกวางอยู่บนหมอน สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมาก
“ขอบพระทัยพระชายา แขนของข้านอกจากยังมีอาการปวดแสบปวดร้อนแล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น” ด่องห้วนพูด
โล่หวินหลานพยักหน้า “ก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาเปลี่ยนยาให้เจ้าใหม่ ต้องให้บาดแผลสมาน ก็น่าจะอีกสักสองเดือน”
ใครกันนะที่ตั้งใจให้เมืองหลวงเกิดโรคระบาด ทำให้ชาวบ้านไม่สบายใจ?
พวกเขายิ่งพูดมือของด่องหย่ายิ่งเย็น เหงื่อออกบนฝ่ามือของนางไม่หยุด ในใจของนางไม่สงบนางเดินไปที่หน้าของด่องห้วน แล้วจับมือของเขาเอาไว้
“ห้วน เรากลับกันดีกว่า อย่าอยู่ที่นี่อีกเลย ท่านอ๋องกับพระชายาก็รับปากจะไปเป็นพยานในงานแต่งงานของเราแล้ว ถึงเวลานั้นเราให้ท่านอ๋องกับพระชายาไปหาเราที่เมืองอูดีไหม?” เสียงของด่องหย่าเหมือนจะร้องไห้ นางจับมือของด่องห้วนอย่างร้อนใจ
นางเหมือนแมวตัวน้อยที่ซุกอยู่ในอ้อมอกของด่องห้วน เหมือนนางไม่มีความมั่นใจ ด่องห้วนตบไปที่มือของนางเบาๆเพื่อปลอบใจ เพื่อให้นางใจเย็นลง แล้วมองไปที่โม่ฉีหมิง
“ท่านอ๋อง เรื่องนี้เราต้องรีบสืบให้ได้ความโดยเร็ว ไม่งั้นชาวบ้านในเมืองหลวงจะขวัญเสียได้ ข้ากับอาหย่าจะยังไม่กลับไป เราจะอยู่ช่วยพวกท่านที่นี่” สายตาของเขาแน่วแน่มาก
โม่ฉีหมิงพยักหน้า ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บไม่เหมาะกับการขึ้นรถลงเรือ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการกลับไปที่เมืองอู
“พวกเจ้าพักเถอะ เราออกไปก่อน” โล่หวินหลานลุกขึ้นมา แล้วเดินออกไปพร้อมโม่ฉีหมิง
ลมหิมะพัดแรง สาวคนหนึ่งเดินคลุมเสื้อเดินอยู่กลางถนน ในมือของนางถือมีด ใบหน้าเหี้ยมโหด เหมือนกับว่าต้องการให้ทุกคนตายไปให้หมด
นางเดินหอบ ในปากก็บ่นไปเรื่อย ลมพัดโชยลงใบหน้าของนาง นางเดินไปอย่างรวดเร็ว
“กล้าหักหลังข้า หักหลังข้า ...... ใครบอกให้เจ้าไปช่วยโล่หวินหลาน ข้าจะต้องไม่ให้เจ้าตายดีแน่นอน ......” เย่เซียวหลัวปัดแกว่งมีดในมือไปเรื่อย เหมือนกับว่าจะได้ลงมือตอนนั้นเลย
ถนนกว้างใหญ่ บนพื้นถนนมีแต่หิมะปกคลุมหนา เย่เซียวหลัวเหมือนคนเสียสติ ในใจเอาแต่คิดอยากจะให้โล่หวินหลานตาย
เมื่อเดินผ่านที่ที่หนึ่งที่มีแสงสว่างทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาว่า “คุณชายท่านนี้เข้ามานั่งเล่นก่อนไหม? ด้านในอุ่นมากเลยนะ มาไหม? นายท่าน?”
เย่เซียวหลัวไม่ก้าวออกไป ยืนเขินๆอยู่ที่เดิม
นางมองไปรอบๆ บนถนนมีนางคนเดียว หากไม่ได้คุยกับนางแล้วจะคุยกับใคร? แต่ว่า หน้าตาของนาง ...... เหมือนผู้ชายหรอ?
“เจ้าพูดกับข้าหรอ?” เย่เซียวหลัวชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง แล้วถามด้วยสีหน้าที่ดุดัน
แม่เล้าตกใจ แต่ว่าก็ได้สติกลับมาเร็ว ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก ยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่าน ท่านอำข้าเล่นหรือเปล่า บนถนนมีท่านคนเดียว ข้าไม่พูดกับท่าน หรือว่าข้าคุยกับผีที่ไหนกันล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก