ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 165

ตอนที่ 165 ล่าทรชน

เมื่อถามคนในร้านถึงรู้ว่าเจ้าของร้านนั้นไปยังเมืองตงหลิง ที่นั่นเป็นเมืองแห่งสมุนไพร สมุนไพรหลายอย่างต้องนำเข้ามาจากเมืองตงหลิงเท่านั้น หลังจากที่ทำการตากสมุนไพรจนแห้งและเก็บเอาไว้เป็นเวลานานแล้ว เวลาขนส่งมาก็จะไม่เสียหายมาก

สถานที่ที่ห่างออกไปจากตงหลิงไม่มีใครยอมไปเอายาจากที่นั่นเลย

“เถ้าแก่ของเรา จะเดินทางไปยังเมืองตงหลิงทุกๆต้นเดือน แต่ว่าไม่ได้ไปหายาหรอกนะ แต่ไปประลองวิชาแพทย์กับท่านหมอจากต่างแดน” เด็กในร้านพูด

โล่หวินหลานตาโต ประลองวิชาแพทย์หรอ?

“แล้วเถ่าแก่ของเจ้าชนะบ้างไหม?” โล่หวินหลานยิ้มถาม

เด็กในร้านยิ้มหน้าบาน “เถ้าแก่ของเราไปทุกปี แต่ว่า ..... ไม่เคยชนะสักปี” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน

มีที่ไหนว่าเถ้าแก่ตัวเองแบบนี้ เขากับเจ้าของร้านความสัมพันธ์ก็ดีนี่นา ทำไมถึงได้เยาะเย้ยเขาแบบนี้ล่ะ แสดงว่าเถ้าแก่ไม่ว่าอะไรเขาแน่นอน

“ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านมาที่นี่ทำไมกัน?” เด็กในร้านถามเข้าประเด็น

เจ้าของร้านไม่อยู่เรื่องก็ยุ่งยากขึ้นเยอะเลย โล่หวินหลานไม่รู้ว่านางจะขอคำชี้แนะจากเขาได้ไหม เป้าหมายที่นางมาที่นี่ ก็เพื่อศึกษาเรื่องยาพิษที่สวินโม่พูดถึง

โล่หวินหลานมองไปที่เย่หวิน สีหน้าของนางลำบากใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อเถ้าแก่ไม่อยู่ งั้นเราค่อยมาใหม่วันหลังแล้วกัน”

ดูท่าวันนี้จะมาเสียเที่ยว ครั้งที่แล้วสวินโม่พานางมาก็เพื่อให้นางมาเรียนวิชาแพทย์กับเถ้าแก่ หากเขาไม่อยู่ นางทำได้แค่ค่อยมาวันหลัง

เด็กในร้านเดินออกมาส่งพวกนางที่หน้าประตู

ตอนที่มาครั้งที่แล้วก็ไม่ได้ถามให้แน่ชัดว่าเจ้าของร้านอยู่ตลอดหรือเปล่า ตอนนี้พ่อบ้านก็กลับไปแล้ว รถม้าก็ไม่มีหิมะตกหนักขนาดนี้จะให้เดินกลับบ้านหรอ?

“พระชายา ในเมื่อเจ้าของร้านไม่อยู่ เราไปหาประมุขสวินที่จวนดีไหม ยังไงเขาก็กำลังศึกษาอยู่เหมือนกัน” เย่หวินเสนอ

เมื่อมองเห็นหิมะที่ตกหนัก ทั้งสองคนก็อึ้งไป หากรอพ่อบ้านมาก็น่าจะอีกครึ่งชั่วยาม ทั้งคู่ต้องรออยู่ที่นี่อีกนาน ไม่สู้หาที่นั่งรอดีกว่า

“จวนของสวินโม่ไกลไหม?” โล่หวินหลานมองไป เห็นหลังคาต่างๆขาวโพลนไปหมด มองไม่เห็นทิศทางเลย

“ไม่ไกล เดินเลี้ยวไปทางนั้นก็ถึงแล้ว” เย่หวินชี้ไป

โล่หวินหลานไม่เคยไปมาก่อน แต่นางไปบ่อย

“ก่อนยามเซิน เราค่อยออกมาจากจวนสวินโม่ แล้วเดินกลับมาที่ร้านยาหยงเห๋อ ก็ได้แล้ว?” เย่หวินพูดอย่างดีใจ

เหมือนนางได้จัดการทุกอย่างไว้แล้ว

ทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน โล่หวินหลานพยักหน้าแล้วเดินตามเย่หวินไป

ตลอดทางถือว่าเดินได้ไม่ยากนัก

เย่หวินเป็นคนฝึกยุทธ เดินเหมือนสายลมเลย โล่หวินหลานใช้ชีวิตอยู่ทางใต้มาตลอด ไม่เคยได้เห็นหิมะมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเดินบนหิมะ

“พระชายา ข้าพยุงท่านเอง” เย่หวินยื่นมือไปคล้องแขนของโล่หวินหลาน ใช้แรงของตัวนางพยุงไว้ แล้วพานางค่อยๆเดินไป

ทั้งสองคนเดินผ่านซอยไป ก็เห็นจวนที่เขียนว่า “จวนสวิน”

มีบ่าวไพร่เฝ้าอยู่ที่นอกประตูสองคน แต่ว่าเมื่อเห็นพวกนางเดินมา ก็ลุกขึ้นมา

“แม่นางเย่หวินท่านมาได้ยังไง?” บ่าวคนหนึ่งถาม

ปกติคนที่มาหาสวินโม่มีมากมาย เย่หวิน ฉินหยิ่นกับเย่เฟิงต่างไม่ต้องแจ้ง สวินโม่อนุญาตให้เข้าไปได้เลย

“เปิดประตู เราจะเข้าไป” เย่หวินพยุงโล่หวินหลาน สีหน้าของนางเริ่มหนาว ขนตาเต็มไปด้วยหิมะ

“ได้ได้ ข้าจะเปิดให้ท่านเดี๋ยวนี้” ก่อนหน้านี้ที่นางมาบ่าวไพร่จำนางไม่ได้ ถูกเฆี่ยนจนลุกไม่ได้มาสิบวัน หลังจากนั้น เขาก็จำเย่หวินได้ไม่ลืมเลย

เมื่อเข้าไปในจวนสวินแล้ว ภายในจวนไม่มีสมุนไพรที่ตากไว้แล้ว แต่มีแต่ต้นดอกเหมยที่บานสะพรั่ง บรรยากาศช่างสวยงามมาก

ถามสาวใช้คนหนึ่งถึงได้รู้ว่าสวินโม่อยู่ที่ห้องหนังสือ ทั้งสองเลยเดินไปทางนั้น ภายในสว่าง เหมือนมีคนกำลังคุยกันอยู่

เย่หวินเคาะประตู หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงมาจากด้านใน

โม่ฉีหมิงเดินหน้าเข้ามา “เสด็จพ่อ ช่วงนี้ลูกตรวจพบเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ จะต้องรายงานให้เสด็จพ่อทรงทราบ หลายวันก่อน ลูกกับหวินหลานถูกคนลอบทำร้ายตอนที่กำลังไปเที่ยวเล่นกลางเมือง พวกเขาล่อเราเข้าไปที่ตรอกแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังใช้เล็บข่วนไปที่แขนขององครักษ์ของลูก หลังจากถูกข่วนทำร้าย บาดแผลกลับเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ลูกกำลังสงสัยว่า มันจะคือพิษที่สามารถแพร่กระจายได้พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเขาพูดจบ ฮ่องเต้เจียเฉิงกับรัชทายาทถึงกลับอึ้งไป ฮ่องเต้เจียเฉิงสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก แล้วพูดว่า “ที่เจ้าพูดมาจริงหรือเปล่า? แล้วคนคนนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน? พามาด้วยหรือเปล่า?”

กาฬโรคเมื่อสิบปีที่แล้วทำให้คนหวาดกลัว คนที่อยู่รอดก็รู้สึกทรมาน

คนที่ตื่นตระหนกก็คือฮ่องเต้เจียเฉิง เขาเป็นกษัตริย์ของที่นี่ กาฬโรคในตอนนั้นคร่าชีวิตคนไปมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายของเขาเอง หากโรคระบาดกลับมาอีกครั้ง ไม่เพียงแค่เขาที่รับไม่ไหว ชาวบ้านเองก็รับไม่ไหวเช่นกัน

“เสด็จพ่อ องครักษ์คนนั้นหวินหลานช่วยจนรอดชีวิตแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ แล้วก็ยืนยันแล้วว่ามันไม่ใช่กาฬโรค เสด็จพ่อสบายพระทัยได้” โม่ฉีหมิงเห็นสายตาของฮ่องเต้เจียเฉิงดูเคร่งเครียด

“ในเมื่อไม่ใช่กาฬโรค แล้วมันคืออะไร?” ฮ่องเต้เจียเฉิงหยิบชาขึ้นมาดื่ม

โม่ฉีหมิงพูดว่า “ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นพิษอะไร หวินหลานกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ในจวน เสด็จพ่อ เรื่องนี้จะละเลยไม่ได้ ลูกเคยส่งคนไปแอบสืบมาแล้ว คนที่แพร่พิษนี้ไม่ใช่คนของแคว้นโม่ฉีเรา คิดว่าน่าจะเป็นคนของแคว้นอื่น ขอเสด็จพ่อทรงตรวจสอบด้วย”

สีหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิงแย่มาก นี่มันคือเรื่องระหว่างสองแคว้น ทั้งสองแคว้นไม่ได้ทำสงครามกันมานานมากแล้ว อยู่ในสถานะต่างกันต่างอยู่กันมานานมาก ทำไมถึงได้ส่งคนมาในเวลานี้?

ฮ่องเต้เจียเฉิงตบโต๊ะ สีหน้าของเขาดุมาก “แคว้นเซิ่งโจว หลายปีมานี่เราแบ่งแยกดินแดน ต่างคนต่างอยู่กันมานานมากแลว ครั้งแรกกลับแอบทำแบบนี้กับแคว้นโม่ฉีของข้า ข้าไม่มีทางปล่อยไว้แน่นอน”

รัชทายาทสังเกตสีหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิง “เสด็จพ่อ เรื่องนี้มอบหมายให้ลูกไปตรวจสอบ ลูกจะไม่ทำให้ทรงผิดหวัง ลูกขอทำคุณไถ่โทษ”

ฮ่องเต้เจียเฉิงคิด เรื่องนี้จะมอบให้รัชทายาทก็ใช่ว่าจะไม่ได้ เพราะยังไงเขาก็เป็นรัชทายาทของแคว้นโม่ฉี

“ได้ เรื่องนี้ข้าจะให้เจ้าไปทำ เพื่อทำคุณไถ่โทษ” ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก

“ฉีหมิงเรื่องครั้งนี้ทำได้ไม่เลว ข้าจะตบรางวัลให้” ฮ่องเต้เจียเฉิงชม

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” โม่ฉีหมิงรับรางวัลมา

ลมพายุหิมะด้านนอกหยุดลงแล้ว หิมะขาวเต็มขึ้นบันไดไปหมด เมื่อมองไปทุกพื้นที่เป็นสีขาวไปหมด

“น้องสี่ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” รัชทายาทพูดมาจากด้านหลัง ไม่นานนักก็เดินมาข้างๆเขา

“พี่ใหญ่ท่านหมายถึงเรื่องอะไร? เรื่องที่ข้ารู้มีเยอะแยะมากมาย” โม่ฉีหมิงยิ้ม แล้วมองไปที่เขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก