ตอนที่171 บาดเจ็บเพราะความรัก
เย่เซียวหลัวที่ออกมาจากหอยงเซียงนางได้ลืมสิ้นแล้วว่าท้องฟ้าข้างนอกมืดมิดสนิทเช่นไร นัยน์ตามีแต่แสงสว่างสีขาวเจิดจ้า ดั่งปุยหิมะสวยงาม
บทสนทนาที่คุยกับจิ่นชื่อเมื่อครู่ นางเข้าใจแล้วว่าจะให้คู่แข่งของตัวเองหายไปได้อย่างไร
กว่าทั้งสองจะแปรเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรมันกันไม่ได้ง่าย พูดๆไปแล้วอย่างไรซะได้มิตรสหายเพิ่มมาอีกคนหนึ่งดีกว่าได้ศัตรูเพิ่ม ถึงแม้ว่าหัวนอนปลายเท้าของจิ่นชื่อจะไม่เข้าตานางเท่าไหร่ แต่หากนางสามารถทำให้มีช่องว่างผลประโยชน์ต่อตนเอง ทั้งโลกนี้ต่างเป็นมิตรสหายกับเย่เซียวหลัวได้ทั้งนั้น
“เชิญคุณหนู โอกาสหน้าเรียนเชิญใหม่!” เสียงต้อนรับเย่เซียวหลัวของแม่นมเมื่อครู่ดีใจลิงโลดส่งเย่เซียวหลัวออกไป
คิดไม่ถึงว่าคุณชายท่านนี้จะคอแข็งขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นจิ่นชื่อคงไม่อยู่ห้องนั้นทั้งคืนยังไม่ออกมาอีก?
เย่เซียวหลัวพยักหน้าให้นางช้าๆ ยิ้มอย่างอ่อนโยน สามารถพูดได้ว่าเป็นคุณชายผู้ลากมากดี สุภาพอ่อนโยนดุจดั่งหยกล้ำค่า “ได้สิ ครั้งหน้าจะมาใหม่”
แม่นมยิ้มจนหุบปากไม่ได้
รอจนร่างของเย่เซียวหลัวเดินลับตา นางถึงค่อยๆหยิบถุงเงินที่นางได้ไว้เมื่อคืนออกมาจากเอว ด้านในมีเสียงของเหรียญเงินกระทบเสียงดังกุ๊งกิ๊งไปมา นางหยิบขึ้นมากัดไปหนึ่งครั้ง เหรียญเงินแข็งทำให้ฟันนางที่กัดลงไปเจ็บจนแทบหลุด ในใจรู้สึกดีใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่
จิ่นชื่อเป็นเครื่องผลิตเงินให้นางจริงๆ
พอหมุนตัวกลับ ก็หันไปชนเข้ากับอกของจิ่นชื่อ แม่นมกุมจมูกอันเจ็บปวดไว้ แต่ไม่กล้าว่ากล่าวอะไร ได้แต่ถามเสียงต่ำ “เจ้ามายืนทำอะไรอยู่ที่นี่? ไม่พูดไม่จา ทำให้คนอื่นเขาตกใจ!”
จิ่นชื่อเอามือกอดอก มองลงไปข้างล่างที่มีแม่นมใหญ่ยืนอบู่ต่ำกว่าตนเองด้วยระยะความสูง นัยน์ตามีความเสียดสีประชดประชัน “เงินนี้เยอะมากพอล่ะสิ?”
แม่นมยิ้มแก้มปริ “เยอะสิ เงินจริงทองจริงทั้งนั้น!” พูดพลาง เลือกหยิบเงินในถุงออกมายื่นให้จิ่นชื่อ พูดอย่างเสียดาย “นี่เป็นเงินที่ข้าตกลงจะให้เจ้าเมื่อคืน เอาไปซะ!”
จิ่นชื่อมองอย่างไม่ใยดี มองไปทีหนึ่งก็หันหน้าหนี ตอบอย่างมีชั้นเชิง “เงินนี้ท่านเก็บไว้ค่อยๆใช้เถอะ! ท่านรู้ไหมว่าคนผู้นั้นคือใคร? ทำไมไม่ไตร่ถามดีๆก่อนจะเชื้อเชิญเขาเข้ามาล่ะ?”
จะเป็นใครเขามาก็ตาม แม่นมไม่สนใจ ตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก “เขาคือใคร?”
จิ่นชื่อตอบแบบส่งๆ “คนจากจวนเย่กั๋วกง”
“คุณชายใหญ่หรือคุณชายรองล่ะ?” แม่นมถามต่อไปอีก เย่กั๋วกงมีลูกชายที่รูปงามปราดเปรื่องอยู่สองคน การศึกษาล้ำเลิศทั่วจิงเฉิงต่างรับรู้กัน คิดไม่ถึงว่าจะมาที่แบบนี้ได้ คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัด
จิ่นชื่อส่ายหน้าไปมา จึงหมุนตัวกลับเข้าห้อง ก่อนกลับยังพูดให้หนึ่งประโยคให้ลอยไปเข้าหูคนฟัง “คุณหนูสาม!”
“สะสาม.......” แม่นมถึงกับมือสั่น ถุงเงินตกลงไปที่พื้น
“สะสาม คุณหนูสาม? คุณหนูสามตระกูลเย่? เย่เซียวหลัว?!” นางทวนคำพูดอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง ในใจเหมือนดั่งมีกลองกำลังตีสนั่น ดังไปทั่วขั้วหัวใจทั้งสองข้างหู คุณหนูสามตระกูลเย่ นางถึงขั้นลากคุณหนูสามตระกูลเย่เข้ามาในยองเชียงโหลว!
ในขณะกำลังตกใจ นางยังไม่ลืมที่จะหยิบถุงเงินที่ตกไปที่พื้นขึ้นมา บิดสะโพกอันอวบอั๋นไปมารีบสาวเท้าก้าวยาวเดินตามเข้าห้องทันที
“จิ่นชื่อ จิ่นชื่อ ที่เจ้าพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงใช่ไหม? คือคุณหนูสามตระกูลเย่จริงๆใช่ไหม?” บทสนทนาของแม่นมซังหายเข้าไปในหอทันที
เย่เซียวหลัวที่ออกจากยองเชียงโหลวไม่รู้จะไปไหนต่อ เท้าของนางก้าวไปตามทางที่ไม่คุ้นเคยอย่างไม่รู้สึกตัว พอรู้สึกตัวอีกทีนางก็เดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าตำหนักเวินอ๋องแล้ว
นางค่อยๆเงยหน้าอันงันงกขึ้นมามองเห็นป้ายที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีทองตรงกลาง ตำหนักเวินอ๋องสามคำนี้เด่นสะท้อนสง่างาม เหมือนกับว่าการที่เข้าไปข้างในไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มาที่นี่หนึ่งครั้งเหมือนกับความสำเร็จที่มาจากผลงานที่ยากลำบากมากนัก
นางยกเท้า แล้วถอยหลัง ก้าวเท้าแล้วถอยหลังไม่หยุด จนกระทั่งนางจับเส้นผมของตัวเองขณะกำลังสับสนวุ่นวายใจ
ยามเฝ้าหน้าประตูตำหนักเวินอ๋องรู้จักนางดี รีบเข้าไปไต่ถามอย่างรวดเร็ว “คุณหนูสามตระกูลเย่ ท่านมาพบท่านอ๋องใช่ไหม?”
ที่แท้ความคิดของตัวถูกเขามองออกหมดแล้ว ช่างเถอะ ไม่ปิดบังแล้วก็ได้ พูดตามจริงออกไป “ไม่ใช่ เป็นท่านอ๋องของพวกเจ้าต่างหากที่อยากพบข้า!” ถึงจะเป็นเรื่องจริงที่มีผสมอยู่น้อยนิด แต่ว่าจุดหมายก็เหมือนกัน
ยามผู้น้อยรู้ดีเต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร จึงไม่เท้าความต่อ พยักหน้าเบาๆ รีบเปิดประตูให้เย่เซียวหลัวเข้าไปด้านในทันที
คำสั่งของฮ่องเต้เจียเฉิงได้ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ให้เย่เซียวหลัวเกี่ยวดองกับเวินอ๋อง เรื่องนี้มีคำสั่งออกมาแน่นอนแล้ว ใครที่ไหนจะกล้าขัดขวางอนาคตเวินหวังเฟยล่ะ นอกจากว่าจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง!
เย่เซียวหลัวเข้ามาจากประตูตำหนักเวินอ๋อง เดินลงจากบันไดไม่กี่ขั้น ใช้วรยุทธเล็กน้อยก็มาถึงสะพานอันเล็กตรงสระน้ำ
การก่อสร้างในตำหนักเวินอ๋องแตกต่างจากจวนอื่น พอเข้าก็จะเห็นลานกว้างไว้สำหรับเดินเล่นรูปวงกลม อยากจะเดินเข้าห้องโถงของตำหนักเวินอ๋องนั้น ต้องเดินผ่านสะพานเล็กบนสระน้ำก่อน ถึงจะเข้ามาด้านในห้องโถงได้ การก่อสร้างออกแบบที่ยุ่งยากแต่สวยงาม และวิธีการวิธีการที่แปลกใหม่กว่าผู้อื่น คิดไปคิดมาแล้วตำหนักของเวินอ๋องมีการออกแบบที่เยี่ยมยอดที่สุดในจิงเฉิงแล้ว
“นี่ ท่านอ๋องของพวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?” เย่เซียวหลัวคว้าคอเสื้อสาวใช้คนหนึ่งถามขึ้นอย่างดุดัน
เวินอ๋องอดทนอดกลั้นจนขีดสุด สีหน้าเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด พูดเสียงต่ำลอดไรฟันออกมาอย่างโกรธ “ข้าจะพูดอีกหนึ่งครั้ง ยกเท้าขึ้นมา”
“ไม่ยกไม่.......” เย่เซียวหลัวที่พูดท้าทายอำนาจของเขายังไม่ทันจบ ร่างบางถูกเขาผลักออกอย่างแรง ด้วยความที่ยังไม่ได้ทันเตรียมตัวอะไรจึงทำให้นางตัวปลิวไปอีกทาง ท่ามกลางพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันหนาวเย็น ทำให้ไปทับโดนขาตั้งภาพจนหัก มุมไม้ด้านข้างที่หักไปบาดโดนหางตาของนางเข้า รอยเลือดไหลซิบออกทางบาดแผลที่ถูกกรีดเป็นรอยอยู่บนหน้า อย่างเห็นได้ชัด
ผู้กระทำจนเกินเหตุไม่มีแม้แต่ความสำนึก ก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพที่พื้นอย่างเยือกเย็น มองด้วยสายตาค้อนนางไปหนึ่งทีด้วยความเกลียดชัง หันหลังกลับอย่างไม่สนใจใยดี
เย่เซียวหลัวกุมตรงหางตาแน่น หัวใจของนางเหมือนถูกเขาควักออกมาอย่างเลือดเย็น ความเจ็บปวดบนร่างกายเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในใจ
ที่แท้เป็นความรักที่นางเฝ้าฝันรอคอยมานาน ทำให้นางเจ็บจนเหมือนฉีกใจนางออกเป็นชิ้นๆ เจ็บจนใจแทบขาด ยังไม่หยุดที่ก้าวต่อไป จนกระทั่งถูกทำร้ายจนใจป่นปี้ละเอียดเป็นผุยผงก็จะไม่เสียดาย
อุดมการณ์ที่นางยืนหยัดต่อสู้มาโดยตลอดถูกทำลายทิ้งท่ามกลางหิมะที่หนาวเย็น นางไม่รู้ว่าจะสามารถอดทนยืนหยัดอย่างนี้อีกนานแค่ไหน
ได้เวลาที่ด่องห้วนจะลุกออกจากเตียงแล้ว หลายวันมานี้ได้แต่นอนอยู่บนเตียง มีกินมีดื่มมีเสื้อผ้าให้สวมใส่มีคนคอยปรนนิบัติพัดวีมีคนคอยพูดคุยเรื่องตลกให้ได้ฟังตลอดจนรู้สึกเบื่อหน่าย แทบจะอดรนทนไม่ไหวถามถึงโล่หวินหลานเสร็จ ถูกด่องหย่ารีบพยุงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“หวังเฟยพูดแล้ว เจ้าต้องนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง จะลงมาทำอะไรล่ะ?” ด่องหย่าวางสีหน้าตำหนิทำตาโตใส่ด่องห้วน อย่างไม่จริงจังมากนัก
ด่องห้วนส่ายหัวไปมา “หมกมุ่นลุ่มหลงกับสิ่งที่ชื่นชอบจนไม่แสวงหาความก้าวหน้า สตรีอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร”
พอพูดจบ ก็ทำให้ด่องหย่าแทบคลั่ง หยิบมือขวาของเขาข้างหนึ่งขึ้นมากดไว้ กัดฟันกรอดๆ “อะไรคือสตรีอย่างข้าไม่รู้? ข้าเป็นห่วงเจ้ามันผิดหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เดินไปเองแล้วกัน”
ด่องหย่านำไม้ค้ำวางไว้ใต้รักแร้ของเขา โกรธจนพูดอะไรไม่ออกเดินไปทางเดินเฉลียงอีกด้านหนึ่ง คนเป็นห่วงแท้ๆ แต่ไม่สำนึกเอาซะเลย นางไม่พยุงเขาหรอก
“อาหย่า อาหย่า.......”
ไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือของด่องห้วน ด่องหย่าเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจอะไร
พอเดินมาอีกมุมหนึ่ง ก็เห็นโม่ฉีหมิงกับโล่หวินหลานที่เดินมาคู่กัน ท่าทางกิริยาของทั้งสองยังเป็นเหมือนเฉกเช่นเดิม โม่ฉีหมิงกอดเอวโล่หวินหลานแน่นอย่างถือสิทธิ์ ประกาศกร้าวว่านางเป็นของเขาคนเดียว
“อาหย่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เดินโกรธใครมาหรือแล้วนี่จะไปไหน?” โล่หวินหลานมองดูสีหน้าของนาง คาดการณ์ว่าต้องเป็นด่องห้วนแน่ที่ทำให้นางโมโหขนาดนี้
“อาหย่า เจ้าโตแล้วนะยังนิสัยเป็นเด็กไปได้ อย่าให้ท่านอ๋องกับหวังเฟยว่าได้ พวกเรากลับกันเถอะ” ดูเหมือนด่องห้วนจะรู้สึกเกรงใจทั้งสอง จับไหล่นางไว้พร้อมพานางกลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก