ตอนที่175 วางแผนอย่างลับๆ
ที่โล่งกว้างอันไกลโพ้นไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ ณ ที่แห่งนี้
กองหิมะบนหลังคากองหนึ่งมีปลายแหลมสีดำของมุมหลังคาโผล่ออกมา มองตามมุมหลังคานั้นลงไป ก็จะเห็นตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ : ตำหนักเวินอ๋อง
ด้านในก็ยังคงเป็นปกติเหมือนเดิม ร่างสูงโปร่ง สวมใส่ชุดคลุมขนสัตว์สีขาวสวยสง่าเดินเข้ามาด้านใน เดินกรุยกรายเข้าไปอย่างอ้อนแอ้น ช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ถึงแม้ร่างกายจะถูกห่อหุ้มด้วยชุดคลุมสีขาวที่หนักและหนาก็ไม่สามารถปิดบังความสง่างามในตัวนางได้ ช่างเป็นสตรีที่สามารถมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผู้ที่มองเห็น
“แม่นางจิ่นชื่อมาแล้ว ท่านอ๋องกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องหนังสือเป็นเวลานานแล้ว เชิญท่านตามข้ามา” สาวใช้คนหนึ่งที่กำลังเดินมาจากสะพานเล็กในสวนหย่อม พบนางเข้าพอดี
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว” จิ่นชื่อส่งยิ้มให้สาวใช้อย่างมีมารยาท
สาวใช้ที่อยู่ในตำหนักเวินอ๋องปรนนิบัติรับใช้มานานหลายปีพอเจอจิ่นชื่อสตรีที่มีรูปโฉมงดงามขนาดนี้ ใบหน้าก็ยังมีความตกใจอยู่ไม่น้อย
สาวใช้พานางไปที่ประตูของห้องหนังสือ พอปัดม่านบังลมหนาเตอะออก ทันใดนั้นลมก็หอบพายุเข้ามาด้านใน จิ่นชื่อยิ้มน้อยๆให้สาวใช้ แล้วจึงเดินเข้าไป
“วันนี้ลมอะไร เวินอ๋องถึงเรียกข้าเข้าพบ?” จิ่นชื่อปัดผมยาวสลวยของตัวเองเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างท่าทางอ่อนหวาน
เวินอ๋องกำลังเขียนพู่กันจีนบนโต๊ะ ร่างสูงสวมชุดสีเข้มนั่งอยู่ตรงมุมโต๊ะกลม เงยหน้าขึ้นมา “หลายวันมานี้รัชทายาทไปหาเจ้าที่นั่นบ่อยใช่ไหม?”
ที่แท้ก็คำถามพวกนี้นี่เอง จิ่นชื่อนั่งลงบนเก้าอี้อย่างช้าๆ ยกกาน้ำชารินด้วยตัวเอง ดื่มไปคำเล็กๆ ใบหน้าชื่นชมพูดขึ้นว่า”ชาของตำหนักเวินอ๋องเลิศรสกว่าโยงเซียงโหลเสียอีก ท่านว่ารัชทายาทจะยังอยากไปอีกไหม?”
น้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับน้ำนิ่งที่ไม่เคลื่อนไหวอยู่ในสถานการณ์ที่บรรยากาศตึงเครียดมีความไม่เหมาะกันเท่าไหร่นัก แต่จะว่าแล้วอย่างไรซะก็ดูงดงามชวนมองอยู่ดี เวินอ๋องฟังความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนางออก จึงยิ้มขึ้น
“ดูไปแล้วรายได้เจ้าไม่เลวเลย รัชทายาทถึงกับยอมทะเลาะแย่งชิงกับหลินอ๋องกลางตลาด นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าสำคัญในสายตาของเขานัก ความเชื่อใจที่มีให้เจ้าให้น้อยเลย” เวินอ๋องพูดขึ้นอย่างเรียบๆ สายตาของเขาช่างแหลมคมนัก
พอพูดถึงเรื่องการพิพาทกลางเมืองครั้งก่อน ทุกครั้งที่จิ่นชื่อคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น ความรู้สึกเหมือนทะเลน้ำลึกเย็นที่ปะทุขึ้นเป็นคลื่น ทำให้หัวใจของนางที่เย็นชาดุจน้ำแข็งค่อยๆอุ่นขึ้นมาทีละน้อย
เป็นเพราะรัชทายาทคนนี้เป็นคนทำให้นางรู้จักว่าอะไรคือความเป็นห่วง อะไรเรียกว่าการพึ่งพา ตอนที่ร่างสูงของเขาปรากฏออกมาต่อหน้านาง ทำให้หัวใจของนางหลอมละลาย
จิ่นชื่อถอดเสื้อคลุมของตัวเองไว้ด้านข้าง ทำให้เห็นแขนขาวที่ถูกห่อหุ้มอยู่เมื่อสักครู่ แล้วจึงลุกขึ้นมา เดินไปบิดขี้เกียจต่อหน้าเวินอ๋องด้วยท่าทางอ้อนแอ้นโปรยเสน่ห์ สุดท้ายจึงวางแขนเรียวค้ำบนโต๊ะของเขา ส่งสายตาเป็นประกายไปที่เขา
“เวินอ๋อง ท่านว่ามีหรือที่ข้าจะไม่ได้รับความเชื่อใจจากรัชทายาทหรือ? ถึงแม้รัชทายาทเขาจะนุ่มนวลดั่งหยก แต่เขาก็เอาแต่ใจเด็ดขาด ขอให้เป็นวิธีที่ถูก ยังกลัวเขาจะไม่เชื่อใจอีกหรือ?” รอยยิ้มของจิ่นชื่อเหมือนทำให้ทั้งห้องหนังสือมืดดับลงไปไม่น้อย
มองใบหน้าที่สวยสะกดตาคนที่ได้มองนี้แล้ว ยอมรับว่าเวินอ๋องรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย เหมือนกับว่าหัวใจของเขาถูกเติมเต็ม ไม่มีหนทางวิธีใดๆแล้วจริงๆ
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าจะให้เจ้าจัดการเรื่องหนึ่ง” เวินอ๋องวางพู่กันในมือลง สีน้ำหมึกกระจายไปตามบริเวณโดยรอบกระดาษ
จิ่นชื่อรู้สึกตกใจ แต่ว่าใบหน้าก็ยังคงความเรียบเฉย
“เรื่องอะไร?” นางเหมือนกับจะเดาอะไรได้บ้าง เพียงแต่ว่าไม่กล้าคิด บนใบหน้าที่มีเครื่องสำอางแต่งแต้มอยู่นั้นให้ความรู้สึกสูงส่ง
เวินเองแสยะยิ้มขึ้น สายตาอันลึกและเย็นยะเยือก ใครที่ได้มองจะต้องกลัว เขากระดิกนิ้วเรียกจิ่นชื่อเอาหูเข้ามาใกล้ พูดใกล้ๆหูนางไม่กี่ประโยค จนกระทั่งริมฝีปากนางหยุดเงียบลง สีนางของจิ่นชื่อเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
“เวินอ๋อง เรื่องนี้ ท่านต้องคิดดีๆนะ นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากพลาดไปแล้ว พวกเราคง........”จิ่นชื่อหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากบางพูดติดๆขัดๆ ดูไปแล้วไม่น่ามองเลย
พอเวินอ๋องเห็นท่าทางของนาง เขาถึงกับร้อง หึ นั่งลงไปเก้าอี้ดั่งเดิม นั่งพิงกับที่คลุมขนแกะด้านหลังหนักเก้าอี้ ผิวสีคล้ำของเขากับที่คลุมขนแกะด้านหลังช่างไม่สมดุลเอาเสียเลย แต่อำนาจของเขาถึงจะทำอย่างไรก็ปิดบังไม่มิด
“ให้ข้าแนะนำวิธีให้เจ้า อย่าให้บุคคลที่สองรู้ ภายในเดือนหน้า ข้าจะต้องเห็นผลลัพธ์ ถ้าไม่อย่างนั้น ชาตินี้ ก็เตรียมอยู่แต่ในโคมเขียวแล้วกัน”
ทั้งชีวิตในโคมเขียวอย่างนั้นหรือ! ประโยคนี้บาดลึกเข้าไปในจิตใจของจิ่นชื่อ นางไม่คิดว่าเพราะประโยคนี้จึงทำให้นางเข้าไปร่วม บังคับนางทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมเยี่ยงนี้
แต่ว่า เกิดในฐานะต่ำชั้น ไม่ก้มหัวก็ไม่ได้ ในเมื่อนางเป็นคนของเวินอ๋อง ถ้าอย่างนั้นนางไม่สามารถทำเรื่องที่เป็นกันหักหลังเจ้านายของตัวเองได้
เหมือนกับ.......นางไม่มีแม้แต่ทางเลือก “ได้ เวินอ๋อง ข้าเข้าใจแล้ว” จิ่นชื่อฝืนยิ้ม แล้วก็ไม่มีความออดอ้อนให้เห็น
“ใช่แล้วเพคะ หวังเฟย” จิ่นชื่อถูกเปิดโปงตัวตนก็ไม่รู้สึกอะไร ได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วทำความเคารพ
“เจ้าไม่ต้องทำความเคารพข้าหรอก ลุกขึ้นมาเถอะ!” โล่หวินหลานรีบยื่นมือพยุงจิ่นชื่อขึ้น ดึงร่างบางขึ้นมา
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ท่านหมอก็ไปจัดชั่งยาเกี่ยวกับอาการท้องเสียหอไว้แล้ว ขัดการมัดแบ่งเป็นสองห่อด้วยกระดาษน้ำมันสีเหลืองแล้วมัดด้วยเชือกหลายรอบ ยื่นผ่านลูกกรงไม้ออกมา
“แม่นาง ยาของท่านได้แล้วรับทีเถอะ ไปจ่ายเงินด้านนั้นนะ” ท่านหมอชี้นิ้วให้นาง เดินไปด้านนั้น หันไปคุยกับโล่หวินหลานอีกด้านหนึ่ง “หวังเฟย ท่านพูดถูกมาก ส่วนผสมที่ต้องใช้เป็นยาพวกนั้นจริงๆ แต่ไปแล้วท่านรู้จักนาง?”
มองร่างบางค่อยๆเดินจากไป โล่หวินหลานยิ้มแล้วส่ายหน้า ใบหน้างามรูปไข่ยกยิ้มขึ้น “แค่เคยเจอกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
แค่เจอกันไม่กี่ครั้ง หากจะพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ น่าจะไม่ง่ายอย่างที่เห็น โล่หวินหลานก็ไม่อยากพูดให้มากความ อีกอย่างนี่มันก็เป็นเรื่องของพวกเขา
“เฒ่าแก่ ท่านจัดยาที่เมื่อวานข้าให้คนเขียนใส่กระดาษมาให้ท่านเสร็จหรือยัง? ถ้าเตรียมเสร็จก็เอาให้ข้าเถอะ!” โล่หวินหลานพูดขึ้นอย่างเรียบๆ
วันนี้ที่นางออกมา ก็เพื่อเอายาที่สวินโม่ต้องการ ขอเพียงแค่มียาพวกนี้ ก็จะสามารถแก้ไขโรคระบาดครั้งนี้ได้แล้ว
“เตรียมเสร็จแล้ว เรื่องที่หวังเฟยมีหรือที่พวกเราจะไม่จัดการให้เสร็จ? ข้าจะให้คนไปนำมาให้ท่าน” เฒ่าแก่ยิ้มพลางพูดไปด้วย แล้วจึงหันหลังกลับไปสั่งคนในร้านให้ไปนำยาที่เตรียมเสร็จแล้วออกมา
“แค่นี้ใช่ไหม?” โล่หวินหลานนับจำนวนยา พอดิบพอดี
“ใช่แล้ว หวังเฟย แค่นี้แหละ” เฒ่าแก่ยิ้มแล้วพยักหน้า
โล่หวินหลานพยักหน้า พอขอบคุณอะไรกันเสร็จก็เดินกลับเข้าในร้าน
จิ่นชื่ออยู่ในห้องโถงเล็กตลอด เหมือนกำลังหลบอะไรสักอย่าง
โล่หวินหลานก็ไม่ได้คิดว่าจะพูดอะไร มองแวบหนึ่งแล้วก็เดินกลับจวนไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก