ตอนที่187 การให้ความช่วยเหลือ
รับสั่งของฮ่องเต้มาได้เร็วมาก จ้าวกงกงฝ่าพายุหิมะด้านนอกมายังตำหนักหมิงอ๋อง ระหว่างที่เขายืนหนาวสั่นที่หน้าประตูนั้น ฉินหยิ่นก็ได้เชิญเขาเข้ามาในตำหนัก แต่เขากลับพบว่าพื้นในตำหนักก็มีหิมะหนาชั้น คล้ายไม่มีคนคอยกวาด
เขาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “เอ๊ะ” ฉินหยิ่นกันกลับมาตามเสียง
“จ้าวกงกง เป็นอะไรหรือขอรับ?” ฉินหยิ่นถามขึ้น
จ้าวกงกงคลายยิ้ม “ไม่มีอันใดหรอก อันที่จริงข้าก็ไม่ควรถามมาก เพียงแต่อดใจที่จะถามไม่ได้จริงๆ เหตุใดพื้นในตำหนักหมิงอ๋องเต็มไปด้วยหิมะขาวโพรนหนา แต่กลับไม่กวาดหรือ?”
เพราะขาที่เหยียบลงไปบนพื้นนั้น รู้สึกไม่สบายนัก แต่ฉินหยิ่นกลับเดินคล้ายเป็นปกติ
“แต่เดิมมีการกวาดอยู่ขอรับ เพียงแต่หวังเฟยรับสั่งว่าการที่ปล่อยหิมะให้หนาชั้นนั้น จะ......งดงามมากขึ้นขอรับ ท่านอ๋องจึงมีรับสั่งไม่ให้กวาด” ฉินหยิ่นมองดูหิมะบนพื้น เขาไม่ได้รู้สึกแปลก เพียงแต่ในสายตาคนนอกนั้นดูแปลกเหลือเกิน
ที่แท้ก็เป็นความต้องการของหวังเฟยนี่เอง จ้าวกงกงยืนครุ่นคิด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบเจอสองคนนี้ ก็รับรู้ได้เลยว่าพวกเขารักกันมาก และการแสดงออกด้านความรักของพวกเขาก็แตกต่างจากคนอื่นมากนัก
คงมีเพียงหญิงงามและมากความสามารถอย่างโล่หวินหลานเท่านั้น ที่จะเหมาะสมกับชายอย่างหมิงอ๋อง!
“หิมะ......หนาเช่นนี้ก็สวยไม่เลวเหมือนกัน หากไม่กลัวว่าถนนในวังหลวงจะลื่น ข้าก็คงแนะนำฮ่องเต้ให้ทำแล้วเช่นกัน” จ้าวกงกงคลายยิ้มออกมา
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันต่อ จนเดินถึงห้องโถงรับแขกในตำหนัก
ด้านในห้องโถงช่างอบอวลไปด้วยความอบอุ่น โล่หวินหลานกำลังทานอาหารเช้าโดยนางกินโจ๊กกับผักผัด และยังมีซัปถั่วเหลืองของโปรดนางอีกด้วย นางกินด้วยเอร็ดอร่อยจนคนที่มองนั้นรู้สึกหิวไปด้วย โล่หวินหลานตบที่ท้องน้อยของตนเองเบาๆ แล้วยิ้มให้โม่ฉีหมิง
“ประเดี๋ยวข้าต้องเข้าวังหลวง วันนี้เจ้าก็ไม่ต้องออกไปรักษาชาวบ้านแล้ว ไว้รอข้ากลับมาก่อนค่อยไป” โม่ฉีหมิงเอาผ้าเช็ดที่ริมฝีปากของเขา ความปลอดภัยของโล่หวินหลานนั้นสำคัญที่สุด
เขาลุกขึ้นยืน เย่หวินก็รีบนำผ้าคลุมมาสวมให้เขา
“หม่อมฉันได้รับปากกับชาวบ้านเอาไว้แล้วนะเพคะ หม่อมฉันเป็นหมอ ต้องรับผิดชอบกับคนป่วยของตนเองสิเพคะถึงจะถูก ท่านวางใจเถอะ มีเย่หวินอยู่ หม่อมฉันไม่เป็นอะไรหรอก” โล่หวินหลานพูดขึ้น
“ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าห้ามออกไปลำพังเด็ดขาด ทำได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะย้ำเตือนเย่หวินอีกคราหนึ่ง” โม่ฉีหมิงพูดแล้วเดินไปที่ประตู เขาเปิดประตูออกแล้วเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามอง
ความหมายของเขาโดยสรุปก็คือ ห้ามไม่ให้นางออกไปจากตำหนัก
โล่หวินหลายนั่งลงที่เดิม นางพอจะเดาได้ว่าเขากังวลสิ่งใด เขาไม่เพียงแต่เป็นห่วงความปลอดภัยของนาง แต่รวมถึงไม่อยากให้ใครมาพบเจอนางด้วย
เรื่องง่ายแค่นี้นางเดาได้ไม่ยาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนเย็นชาอย่างเขา ลึกๆในใจนั้นจะเป็นเช่นนี้
เย่หวินที่เดินไปส่งนายท่านแล้วนั้นก็รีบกลับเข้ามา แต่เมื่อนางมาถึงนั้นก็เหลือเพียงสาวใช้ที่กำลังมาเก็บถ้วยชาม นางตกใจ หรือจะเกิดเรื่องแล้วงั้นหรือ?
“หวังเฟยไปไหน?” เย่หวินถามสาวใช้ด้วยความกังวล
สาวใช้ส่ายหน้า “ไม่ทราบเจ้าค่ะ ทานอาหารเสร็จก็ลุกออกไปเลย” พวกเขาไม่กล้าที่จะถามหรอกว่าหวังเฟยจะไปไหน เพราะยิ่งพูดน้อยก็ยิ่งปลอดภัย
นึกถึงคำพูดที่ท่านอ๋องได้รับสั่งไว้ก่อนไป จากนิสัยของหวังเหยแล้วนั้น นางไม่มีวันทำตามอย่างว่าง่ายแน่นอน คงแอบหนีออกไปรักษาชาวบ้านเป็นแน่
นางจึงรีบวิ่งออกไปตามหา ตั้งแต่ทางเดินไปจนถึงห้องโถง ยิ่งตามหาก็ยิ่งเป็นกังวลใจ ขนสุดท้ายก็ตามหาไปจนถึงสวนฝั่งซ้ายของตำหนัก นางรีบมุ่งตรงไปที่ประตู แต่ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น
“เย่หวิน เจ้าจะรีบไปไหนกัน?”
นางหยุดวิ่งโดยทันที เท้าข้างหนึ่งยังค้างอยู่ตรงไม้กั้นอยู่เลย
สวนฝั่งซ้ายมีใบหน้างดงามสวมชุดสีขาวกำลังหัวเราะให้เย่หวิน แววตาของนางช่างเปล่งประกายเหลือเกิน
“หวังเฟย ท่านอยู่นี่เอง หม่อมฉันหาท่านแทบแย่เลยเพคะ!” เย่หวินหายใจหอบหืดด้วยความเหนื่อย แล้วเดินไปหาโล่หวินหลาน
“ตามหาข้าทำไมรึ? มีเรื่องอันใด?” โล่หวินหลานถามด้วยความอ้อยอิ่ง แล้วหันหลังเดินไปในสวน
ด้านในสวนมีชิงช้า ที่ทำไว้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งสาวใช้ในตำหนักได้มากวาดทุกวัน เพื่อที่วันใดที่นางมานั่งนั้น จะได้สะอาดสะอ้าน
“เอ่อ......” เย่หวินนิ่งไปอยู่นานก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นางตบที่สมองของตนเองเบาๆ ทำไมช่างพูดอะไรสิ้นคิดเยี่ยงนี้?
“หวังเฟย หม่อมฉันแกว่งให้เองเพคะ!” เย่หวินเดินไปด้านหลังของโล่หวินหลาน จากนั้นก็ค่อยๆแกว่งชิงช้า
เย่หวินเองก็รีบวิ่งตามออกไป ไม่ว่าอย่างไรจะให้เกิดเรื่องขึ้นกับโล่หวินหลานไม่ได้เด็ดขาด
นางวิ่งออกไปจากตำหนัก สองเท้าเดินย่ำอยู่บนหิมะกองหนาไปทางกำแพงด้านนอกของสวนหลังฝั่งซ้าย ก็ได้พบหญิงวัยชรา กำลังนั่งร้องไห้แล้วเคาะประตูหน้าร้านยา แต่ไม่มีใครยอมเปิดให้เขา
“พวกท่านช่างใจร้ายเหลือเกิน! เป็นถึงหมอรักษาชาวบ้าน แต่กลับไม่ช่วยเหลือข้า พวกท่านต้องช่วยรักษาลูกชายข้า มิเช่นนั้น ข้าจะเอาหัวชนกำแพงตาย!” หญิงชราพูดพลางร้องไห้ไป
“ไปให้พ้น ที่นี่ไม่รักษาคนที่ไม่มีตำลึง ไปให้ไหล หากจะตายก็ตายให้พ้นจากร้านของข้า!” ชายคนหนึ่งในร้านยาออกมาพูดขับไล่ แล้วเอาไม้กวาดจะไล่ แต่มือที่ยื่นนั้นก็ถูกใครบางคนหยุดเอาไว้
ชายคนนั้นล้มลงกับพื้น จากนั้นก็กลิ้งไปอีกสองตลบ จนชนเข้ากะบกำแพง ตอนนี้เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยหิมะ
“เป็นชายชาตรีแต่กลับทำร้ายคนจนไม่มีทางสู้ ข้าเกลียดคนเยี่ยงนี้นัก!” เย่หวินคว้าไม้กวาดในมือเขา แล้วผลักเขาออกไป
“ท่านป้า ลุกขึ้นเถอะ” โล่หวินหลานเอื้อมมือไปพยุงหญิงชรา จากนั้นก็ถามต่อ “ท่านป้า เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? ใครป่วย?”
หญิงชรามองโล่หวินหลานด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็ดึงสติกลับมา แล้วคลายยิ้มด้วยความดีใจ ”ท่าน ท่านสามารถรักษาคนได้หรือ? บุตรชายของข้าเป็นไข้หนักตั้งแต่เดือนที่แล้ว ตอนนี้นอนซมอยู่บนเตียงกว่าครึ่งเดือน ข้าพยายามหาวิธีรักษาเขา แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่หายเสียที ตอนนี้ข้าเองก็สิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินเหลือซื้อยาแล้ว แต่ข้าไม่อาจทำใจเห็นบุตรชายตายไปต่อหน้าต่อตาได้!”
หญิงชราพูดไปพลางร้องไห้ไปพลาง โล่หวินหลานที่ได้ยินก็เศร้าใจนัก นางพยุงหญิงชราลุกขึ้น”บุตรชายของท่านอยู่ที่ใด? พาข้าไปได้หรือไม่ ข้าเป็นหมอ หมอที่รักษาคน”
“จริง จริงหรือ?” หญิงชราถามด้วยความดีใจและอึ้ง
“จริงจ๊ะ ท่านป้าพาข้าไปเถอะ” โล่หวินหลานพยักหน้า
คล้ายโชคหล่นใส่หัว หญิงชราค่อยๆลุกขึ้นยืน จากนั้นก็นำทางโล่หวินหลาน เย่หวินเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบตามไป
ตลอดทาง นางจับมีดด้านหลังแน่น พวกเขาเดินตามหญิงชราผ่านตลาด แล้วเดินเรื่อยไปจนผ่านประตูเมือง หญิงชรามีสีหน้าเกรงใจตลอดทางจากนั้นนางก็พูดขึ้น “บ้านของข้าไกลนัก รบกวนแม่นางทั้งสองยิ่งแล้ว อันที่จริงควรเตรียมรถม้าให้ท่านทั้งสอง แต่เพราะความจน......”
“ไม่เป็นอันใดหรอก ใช่บ้านหลังด้านหน้าหรือไม่?” โล่หวินหลานถามพลางชี้ไปที่บ้านทรุดโทรมด้านหน้า
เมื่อไปถึงหญิงชราก็อุทานเสียงดัง นางรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้านด้วยความกระวนกระวาย”ตอนเช้าข้ารีบออกบ้าน จึงลืมไปว่าตนเองได้ต้มน้ำเอาไว้!”
พวกเขารีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก