ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 192

ตอนที่192 เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก

สวินโม่สูบหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆนั่งลงตรงเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆ ผ่านไปสักพัก ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

เรื่องราวยิ่งอยู่ยิ่งซับซ้อน ทีแรกพวกเขาทำให้คนอื่นเจ็บปวด ตอนนี้ พวกเขาก็ยากจะหลุดพ้นจากการแก้แค้นของคนอื่น แค่นึกไม่ถึงว่า การแก้แค้นครั้งนี้ เป็นการสละชีวิตของโล่หวินหลาน!

“เย่หวิน นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องเจ้า มีชัดเจนอยู่แล้วว่ามีคนตั้งใจมองแผนจะทำแบบนี้ สิ่งที่อยากได้ก็ชีวิตของพระชายา ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จ ครั้งหน้าพวกเขาคงจะลงมืออีก” สวินโม่เงยหน้ามองตาที่ร้องไห้จนบวม พูดปลอบใจเย่หวินที่ไม่พูดไม่จา

“ไม่ใช่ ข้านี่แหละที่ไม่ได้ปกป้องพระชายาดีๆ ถ้าข้าห้ามพระชายา ให้นางไม่ออกจากตำหนัก ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น......” เย่หวินส่ายหัวแบบไม่หยุด นางเอาเรื่องทุกอย่างมาโทษตัวเอง ก็คือเรื่องที่นางรู้สึกผิดในใจ

วันนี้ลองนึกย้อนดู เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นมันน่าสงสัยจริงๆ ตอนนั้นพวกเขาอยู่ตรงชิงช้าแถวสวน มีเสียงผู้หญิงชราคาหนึ่งดังขึ้นแถวข้างนอกกำแพง และเหมือนตั้งใจให้พวกนางได้ยิน? ทำไมหลังจากที่ไปบ้านหญ้าคาเก่าๆหลังแล้วหญิงชราผู้นั้นถึงหายตัวไป? และยังมีเรื่องที่สำคัญที่สุด ชายผู้นั้นที่ถูกรับการรักษาจากเอมมิกาถึงได้หายตัวไป!

“เย่หวิน เจ้าว่าชายผู้นั้นที่เกือบป่วยตาย ถูกเจ้าช่วยออกมาเสร็จแล้วเป็นลม หลังจากนั้นก็หายตัวไปแล้ว?” สวินโม่เหมือนเจอเบาะแสอะไรบางอย่าง

สิ่งที่เสียใจคือ เย่หวินกลับลืมสองแม่ลูกคู่นั้นที่น่าสงสัย

นางพยักหน้าไม่หยุด “ตอนที่ข้าช่วยชายผู้นั้นเขาสลบไปแล้ว ข้าลากเขาไปวางอยู่บนพื้นหิมะและเข้าไปช่วยพระชายา แต่ตอนที่เข้าไปก็ถูกคนตีจนสลบ ตอนนี้คิดๆดูแล้ว สองแม่ลูกคู่นั้นก็คนช่วยผู้ร้าย แต่คนที่ตีข้าจนสลบน่าจะอยู่เบื้องหลังทั้งหมด!”

“ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช่ พวกข้ามีเบาะแสแล้ว แค่หาสองแม่ลูกเจอ พวกข้าก็จะสามารถหาเบื้องหลังคนร้ายจากปากของพวกเขา” สวินโม่พยักหน้า แค่ไม่รู้ว่ามันจะยากแค่ไหนที่หาสองแม่ลูกเจอ พวกเขายังอยู่เมืองหลวง

เย่หวินฟังแล้ว แล้วยืนขึ้นอย่างรีบร้อน “นั่นตอนนี้ข้าก็จะไปหาพวกเขาอยู่ที่ไหน เรื่องนี้ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่าได้รีรออะไรอีกเลย”

เย่หวินกำลังจะเดินออกไป แต่แขนของนางกลับถูกจับไว้ แรงใหญ่ๆของสวินโม่ลากนางกลับไป และขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ “เรื่องนี้ข้าจะให้เข้าไปหาแน่นอนตอนนี้สิ่งที่พวกข้าต้องทำคือทำให้ท่านอ๋องมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น เขาต้องเสียใจมากๆแน่”

ตำหนักหลักถึงแม้จะอบอุ่น แต่ใจของทุกคนกลับเย็นมากๆ พวกเขาไม่รู้ว่าควรปลอบใจท่านอ๋องเยี่ยงไร ยังไงก็สูญเสียคนที่รักไป ความเจ็บปวดแบบนี้ ไม่ใช่จะเดินออกมาอย่างง่ายๆ

พวกเขาไม่สามารถแย่งเบาความเจ็บปวดนี่ได้ แต่มิอาจยับยั้งความเจ็บปวดนี้ได้ พวกเขาแค่รู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดมากๆ

“ท่านอ๋องยังคงอยู่ในห้อง ตั้งแต่เมื่อวานคืนก็ไม่ได้ออกมา ไม่ว่าพวกข้าจะพูดอะไรเขาก็ไม่เปิดประตู” จินหยิ่นถอนหายใจออกมาอย่างทนไม่ไหว

เมื่อวานจนถึงตอนนี้? ไม่ใช่ว่าผ่านไปหนึ่งวันแล้วหรือ ไม่กินอะไรเลย สภาพจิตใจแย่ เหมือนคนไร้วิญญาณ ช่วงที่รู้สึกขาดความหวังที่สุดคือตอนนี้แน่นอน!

พวกเขาเดินออกมาจากตำหนักหลัก ข้างนอกเหมือนจะเงียบเหงามาก ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุย พวกบ่าวที่ได้ข่าวเรื่องนี้ได้แต่แอบคุยกันจอนเวลานอน ผู้ที่โม่หวินหลานมีบุญคุณด้วยได้แต่แอบเผากระดาษเงินให้นางแล้วแอบร้องไห้เสียใจเบาๆ

พวกบ่าวบางคนก็แอบหลบอยู่หลังภูเขาประดับ เปลวไฟค่อยๆรุกขึ้น เศษขี้เถ้าจากการเผากระดาษลอยขึ้นกลางอากาศ สวินโม่หยุดฝีเท้าลง และเดินอ้อมจากศาลาไปภูเขาตกแต่งนั้น และเดินไปข้างหลังของพวกบ่าว

“พวกเขาทำอะไรอยู่?” เสียงของเขาฟังดูจริงจังมาก

บ่าวพวกนั้นสะดุ้งกันหมด และรีบลุกขึ้น และก้มหัวถอยหลังออกไป ฐานะของสวิสโม่พวกเขารู้ดี เขาคือเพื่อนของโม่ฉีหมิง สามารถเข้าออกตำหนักหมิงอ๋องอย่างตามสบาย เป็นคนโปรดของโม่ฉีหมิง

บ่าวผู้หนึ่งที่ช่างกล้าหาญทูลกลับ “ท่านชายสวิน พวกข้าได้ยินว่าพระชายาได้.....ดังนั้น พวกข้าเลยมาเผากระดาษเงินให้พระชา.....”

“อย่าเผาอีก คราวหลังอย่าพูดถึงเรื่องนี้ในตำหนักหรือออกตำหนัก ไม่งั้นผลที่ตามมาแบกรับเอง” สวินโม่ใช้เสียงต่ำบอกเตือนพวกบ่าวที่ไม่กลัวอะไรเลย

ถ้าจะเผาก็ให้ดูสถานการณ์หน่อย พระชายาพึ่งจากไปไม่นาน สภาพจิตใจของท่านอ๋องยังไม่ฟื้นฟู งานศพยังไม่ได้จัด พวกนางกลับมาทำอะไรแบบนี้?

พวกบ่าวพร้อมใจกันทูลกลับว่าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ และพยักหน้ากัน ยกเตาผิงและกระดาษเงินที่เหลือ ออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว

ในใจของเย่หวินก็คงกังวล บ่าวพวกนี้นางรู้จักกันหมด รับใช้โล่หวินหลานมานานแสนนาน รู้ว่านางเคยช่วยเหลือบ่าวพวกนี้ คนพวกนี้เป็นพวกที่นางเคยช่วย นึกไม่ถึงว่าบ่าวพวกนี้ถึงกล้าตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีแบบนี้ในเวลานี้ มีแค่พวกนางที่กล้าทำ ถึงแม้จะไม่ถูกวิธีก็ตาม

ประตูห้องของโม่ฉีหมิงล็อกไว้แน่นๆ ไม่มีแม้แต่แสงไฟ ตรงหน้าต่างเต็มไปด้วยความมืดมัว มีแต่แสงจันทร์ข้างนอกที่สว่างไสวและสอดส่องเข้าไปบนหน้าต่าง ข้างนอกยังคงเงียบสงบ เงียบเหงาจนได้ยินเสียงหายใจ

“ท่านอ๋อง......” สวินโม่เคาะประตู ประตูแนบไว้กับประตูแล้วเรียกขึ้น

“พวกเจ้าออกไป หวินหลานชอบความสงบ พวกเจ้าอย่างมารบกวนนาง ออกไป” โม่ฉีหมิงกอดร่างที่เย็น พูดขึ้นอย่างอ่อนแรง

เขาอยากจะอยู่กับนางอย่างเงียบๆ รู้ว่าเวลามันไม่เยอะแล้ว เขานังมีอะไรมากมายที่จะพูดกับนาง พอพูดจบ พอพูดจบ พวกเขาก็คงจากกันจริงๆ

เขาจะจดจำความทรงจำนี้ที่มีนาง

“สวินโม่ พวกข้าออกไปเถอะ ให้ท่านอ๋องและพระชายาอยู่ด้วยกันอีกสักพัก เวลาที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ท่านอ๋องต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” จินหยิ่นจับไหล่สวินโม่ไว้ ค่อยๆออกจากห้อง

“ข้าไม่เจอสภาพแบบนี้ของท่านอ๋องเลย พระชายากระทบต่อนางมากมาย” เย่หวินถอนหายใจออก “ถ้าพระชายาเห็นท่าอ๋องสภาพนี้.....”

“ข้าต้องหาคนร้ายให้เจอให้ได้ จะเอามันมักฆ่าหั่นศพเลย!” จินหยิ่นกัดฟันแน่นๆ

อากาศข้างนอกมืดมัวและน่ากลัวมาก เกล็ดหิมะค่อยๆลอยขึ้น พวกเจ้าไม่ได้เดินจากไปไหน ยังคงนั่งอยู่ตรงบันไดข้างนอก รอโม่ฉีหมิง เขาออกมาเมื่อใด พวกเขาจะไปตอนนั้น

ฟ้าอันมืดมิดและหนาวเย็นเหมือนอารมณ์คนไร้ความรู้สึก สอดส่องมาบนตัวของพวกเขา

ค่ำคืนอันมืดมิด ตรงประตูใหญ่ทางเข้าเมืองมีเงาคนที่คนนึงสูงคนนึงเตี้ยโผล่ขึ้น พวกเขาถือของถุงใหญ่ๆ สายตากวาดไปกวาดมา กลัวว่าจะมีคนมาจับพวกเขา

“ลูก เดินเร็วหน่อย!” หญิงชราพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นและหวาดกลัว นางจับมือของเด็กผู้ชายและใช้แรงดึง ไม่สนใจว่าเขาจะรับไหวหรือไม่

“ท่านแม่ ตอนนี้พวกข้าจะไปที่ไหน? ทำไมพวกเราต้องออกนอกเมืองตอนดึกขนาดนี้? เด็กผู้ชายฟังดูเสียงแหบสั่น เขาพยายามก้าวตามหญิงชรา

เสียงฝีเท้าที่ฟังดูเร่งรีบท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงบ มีเสียงหายใจแรงๆดังขึ้นข้างหูเขาทั้งสอง หญิงชราวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจใดๆ ถ้าไม่วิ่งอีกก็ไม่มีโอกาสหนีแล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาหนีได้

“ลูกเอ๋ย อย่ามัวแต่ถามเลย รอให้ออกนอกเมืองได้ก่อน เรื่องทุกอย่างจะดีขึ้น” หญิงชราเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าผาก ฝีเท้าอ่อนลง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก