ตอนที่ 202 ประลองฝีมือการแพทย์
ที่หางคิ้วข้างขวาของเธอมีรอยแผลถูกก้อนหินกระแทก เห็นเป็นรอยสีแดงชัดเจน โม่ชิวไป๋วางแก้วเหล้าในมือลง แล้วกดให้โล่หวินหลานนั่งลง
“อย่าขยับ ฉันจะทายาให้” โม่ชิวไป๋หันไปมองหมิงซี ที่กำลังเดินหยิบยาออกมา
“ทายาเสียหน่อย จะได้ไม่เป็นแผลเป็น” หมิงซีเปิดกล่องยาออกมา ยานี้ทำสมุนไพรจากธรรมชาติสกัดเข้มข้น แถมยังผสมกับสมุนไพรชั้นสูงหายากอีกหลายตัว ทำให้แผลหายไว
ควักขึ้นมาบนนิ้วนิดหนึ่ง แล้วหมิงซีก็หยิบผ้าที่เปียกหมาดๆขึ้นมาทำความสะอาดหางคิ้วให้โล่หวินหลาน แล้วรีบโปะยาทับเข้าไป
“เจ้าเด็กนี่ ปกติทายาให้ฉันไม่ให้จะรีบขนาดนี้ นี่ยังแย่งหน้าที่ฉันอีก” ชิวโม่ไป๋บ่นขึ้นอย่างไม่พอใจ นานๆทีที่เขาจะมีโอกาสได้ทำหน้าที่ของตา แต่กลับถูกลูกศิษย์แย่งหน้าที่ไปเสีย
หลังจากทายาเสร็จ โล่หวินหลานก็รู้สึกเย็นๆขึ้นที่คิ้ว ไม่ได้แสบแบบก่อนหน้านี้ ยานี้วิเศษจริงๆ
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” ชิวโม่ไป๋มองไปที่ยาขาวๆบนหน้าผาก แล้วถามขึ้น
“ดีขึ้นเยอะแล้ว” โล่หวินหลานดมกลิ่นบนหางคิ้วตัวเอง กลิ่นมันช่างคุ้นเคย “ยานี้คงจะมีส่วนผสมของตังกุย ซูมู่ จ้าวชื่อ หงฮวา โถวกู่ฉ่าว ชวนซานเจี่ย ป๋อเหอหน่าวรวมกันอยู่ เติมไข่ขาวลงไป ก็จะได้กลิ่นอ่อนๆของไข่ขาว และได้รสชาติหวานอ่อนๆของสมุนไพร
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมา ชิวโม่ไป๋และหมิงซีก็อึ้งไป ไม่คิดว่าเธอจะเพียงแค่ดมกลิ่นจากยาบนหางคิ้ว แล้วจะวิเคราะห์ออกมาได้ว่าทำจากอะไร ดูท่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับแพทย์ไม่น้อยเลย
“เสี่ยวฮัว เมื่อก่อนเจ้าเคยเรียนการแพทย์หรือ? เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ผู้สูงส่งท่านนั้นหรือ?” ชิวโม่ไป๋รู้สึกสนใจการเรียนแพทย์ศาสตร์ของโล่หวินหลาน หากไม่ใช่เพราะเรียนมาหลายปี คงจะไม่เชี่ยวชาญขนาดนี้
โล่หวินหลานหัวเราะ “เดิมทีข้าก้เป็นศิษย์อาจารย์อยู่หลายท่าน แต่ข้าชอบวิจัยตำราแพทย์โบราณ จึงตั้งใจกว่าปกติเท่านั้นเอง”
เมื่อได้ยินเธอตอบเช่นนี้ สีหน้าของชิวโม่ไป๋ยิ่งเผมความตกตะลึงเข้าไปใหญ่ ก็จริง ถึงแม้ว่าชิวมั่นหลัวจะรู้เรื่องการแพทย์ แต่เธอจากไปเร็ว นอกจากหนังสือพิษร้อยอย่างเล่มนั้นแล้ว ก็ไม่ได้สอนอะไรเธออีกเลย เรื่องการเรียนแพทย์ศาสตร์พวกนี้ ต้องอาศัยการรับรู้ด้วยตัวเอง ถ้าหากเป็นจริง ความรู้เรื่องแพทย์คงจะเยอะมาก
สีหน้าชิวโม่ไป๋ทั้งตะลึงทั้งดีใจ “เสี่ยวฮัว ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ตาจะสอนเจ้าในทุกเรื่องเลย”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ น้ำเสียงบ่งบอกว่าเขาให้ความสำคัญกับความคิดของโล่หวินหลาน หมิงซีที่ติดตามเล่าเรียนกับเขามาหลายปีเริ่มรูสึกไม่พอใจ กระแอมขึ้นมาเบาๆ “ชนะการประลองกับฉันแล้วค่อยมาว่ากัน ท่านอาจารย์ พวกเราเริ่มกันเถอะ”
ชิวโม่ไป๋คิดหัวข้อการประลองไว้อยู่แล้ว เพราะว่ากลัวฝีมือของโล่หวินหลานยังไม่เก่งพอ จึงคิดหัวข้ออย่างง่ายๆขึ้นมา เป็นหัวข้อที่หมิงซีฝึกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว คุ้นเคยมาก
“ได้ งั้นเรามาเริ่มกันเลย” ชิวโม่ไป่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เอนหลัง แล้วตบไปที่ไหล่ของโล่หวินหลาน แล้วใช้ขนาดเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน พูดขึ้น “เสี่ยวฮัว หมิงซีเรียนกับฉันมาหลายปี ฝีมือคงจะเก่งกว่าเธอเป็นธรรมดา แต่ว่าไม่เป็นไร ตอนประลองข้าจะเฟ้นหาจุดบกพร่องของเขา แล้วทำให้เขาออกจากการประลอง วางใจได้”
“ท่านตา ไม่ต้องจริงๆ” โล่หวินหลานยิ้มอย่างหมดหนทาง เธอไม่ได้หยิบมีดผ่าตัดมานานแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำอะไรผิด
ทั้งสองคนแอบพูดกัน หมิงซีเห็นก็รู้ได้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันอยู่ เขาอยู่กับชิวโม่ไป๋มาหลายปี แค่เขากระดิกคิ้วก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
หมิงซีนั้นมีฝีมือการแพทย์แตกต่างไปจากโม่ชิวไป๋ แต่ว่าเรียนมาเนิ่นนาน ก็เกือบจะเก่งกว่าอาจารย์แล้ว แค่ฝีมือง่อยๆอย่างโล่หวินหลาน ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
“เพราะที่นี่ไม่มีคนไข้ให้ทดลอง งั้นข้าจะคิดหัวข้อออกมา ให้พวกเจ้าเขียนวิธีการรักษาลงบนกระดาษก็ใช้ได้แล้ว” ชิวโม่ไป๋หยิบกระดาษออกมาจากห้องหนังสือปึกหนึ่งและปากกาอีกสองด้าม ส่งให้ทั้งสอง
หมิงซีมองไปที่ชิวโม่ไป๋นิ่งๆ แล้วบรรจงแต้มน้ำหมึกลงกระดาษอย่างมั่นใจ
“หัวข้อแรก เขียนวิธีรักษาไข้จับสั่น” ชิวโม่ไป๋หลับตาแล้วพูดขึ้น
เมื่อจะลืมตาขึ้นมา กลับพบว่าทั้งสองยังไม่แม้แต่ขยับพู่กัน มองมาที่เขาด้วยสายตาหมดหนทาง เขากระแอมเบาๆแล้วพูดขึ้น “มันคงง่ายไปจริงๆ งั้นเปลี่ยนข้อ ใครๆต่างก็บอกว่าวัณโรคนั้นรักษายาก ถ้าหากเป็นโรคนี้แล้ว เราจะรักษามันอย่างไร?”
วัณโรค? คำว่าวัณโรคแล่นเข้ามาในหัวโล่หวินหลานอย่างรวดเร็ว คงจะเป็นเหมือนโรคปอดอักเสบในสมัยนี้
โรคปอดอักเสบเป็นโรคเรื้อรัง คนส่วนมากจะติดต่อทางหายใจ การรักษาโรคนี้ต้องท่วงทันเวลา เพราะโรคนี้เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัส
โล่หวินหลานเขียนวิธีรักษาโรคนี้ลงกระดาษทั้งหมด 4 ข้อ
อย่างแรกคือ ปอดนั้นเสียหาย ต้องรักษาสมดุลความชุ่มชื้นแก่ปอด ส่วนประกอบยามีดังนี้ ซาเซียม แบะตง เทียนตง แป๊ะโป๋ว ไป๋จี๋ ซานเย่า อวิ๋นหลิง ชวนป๋วย เก๊กฮวย อาเจียว ซานชี
สำหรับการเป็นแพทย์นั้น นี่ถือเป็นการเหยียดหยามอย่างมาก แต่โล่หวินหลานไม่ใส่ใจคำพูดของหมิงซี แต่เมื่อได้ยินก็รู้สึกไม่ดี
“หมิงซี อย่างน้อยเสี่ยวฮัวเป็นแพทย์วิเศษที่ฮ่องเต้แต่งตั้งขึ้นมา ในด้านการแพทย์ ก็ต้องมีอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นเป็นธรรมดา เจ้าอย่าวิจารณ์เธออย่างตามใจตัวเองสิ” ชิวโม่ไป๋พูดขึ้นด้วยเสียงแหบต่ำ
หมาป่านอนน่าสงสารอยู่ในกรงไม่แม้แต่ขยับตัว หมิงซีเอื้อมจับตัวมัน ไม่แม้แต่จะมองโล่หวินหลาน “หมอวิเศษจะจริงจะเท็จ เดี๋ยวก็รู้กัน”
เดิมก็ไม่ใช่คนดีอะไร แล้วมาเผชิญหน้ากับความท้าทายของหมิงซี โล่หวินหลานเอียงตัวไปพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบ “แน่นอน ฝีมือการรักษาจะเป็นตัวบ่งบอกเอง”
มองแววตาใสๆของหมาป่านั้นเห็นได้ว่ามันเพิ่งร้องไห้มา ช่างน่าสงสารจริงๆ มันนอนขดหางตัวเองอย่างทรมาน เลือดไหลนองเต็มพรม โล่หวินหลานมองธนูที่ปักอยู่ที่ท้องมันด้วยความสงสาร กำลังครุ่นคิดในใจว่าจะลงมืออย่างไรดี
ยานั้นเตรียมเรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว รอเพียงเธอลงมือเท่านั้น ชิวโม่ไป๋ถือว่าละเอียดอ่อนมาก เขาหยิบยาที่ต้องใช้ออกมาจนหมด แล้วจะตวงปริมาณให้เรียบร้อย โล่หวินหลานมองอุปกรณ์ นอกจากพวกกรรไกรและผ้าก๊อซจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกเลย
ไม่สามารถดำเนินการผ่าตัดได้
“รีบเริ่มเถอะ เวลามีจำกัด” หมิงซีกำลังล้างพิษให้หมาป่าอยู่ช้างๆ หันมาดูโล่หวินหลานเป็นระยะๆ คิดว่าเธอกำลังครุ่นคิด จึงเตือนขึ้นมา
“นายดูแลตัวเองก่อนดีกว่า” โล่หวินหลานพูดตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง แล้วหยิบตะเกียบเงินจากในครัวออกมา หลังจากล้างพิษเรียบร้อยแล้ว ค่อยวางไว้กับอุปกรณ์อื่นด้านข้าง
เมื่อมาคิดดูแล้ว เดี๋ยวจะดึงธนูออกมาต้องใช้เข็มเย็บ ที่นี่ไม่มีเส้นเอ็นกับเพนิซิลิน โล่หวินหลานได้แต่เข้าไปหาเข็มกับด้ายในห้อง มาวางไว้ข้างๆเตรียมใช้หลังจากล้างพิษ
ชิวโม่ไป๋รู้สึกสงสัยในทุกการกระทำที่แปลกๆของโล่หวินหลาน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าใช้ตะเกียบในการรักษา และเข็มนั้นยังไม่รู้การใช้งานอย่างชัดเจน
ตอนนี้ไม่มียาชา โล่หวินหลานกลัวว่าหมาป่าจะเจ็บจนสลบไปตอนที่ดึงธนูออก หรือจะช็อกไปเพราะเสียเลือดมาก เธอป้อนยาห้ามเลือดให้กับหมาป่าก่อน แล้วใช้ขิงมาปลุกให้หมาป่าตื่นตัวเองไว้ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
หมิงซีที่ล้างแผลอยู่อีกด้านนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังยืนขึ้นมาไม่ได้ แต่เดินได้นั้นก็เป็นเรื่องในอนาคต แต่หมาป่าตัวของโล่หวินหลานนั้น ยืนขึ้นมาได้หรือเปล่ายังเป็นปัญหา
“เสี่ยวฮัว เธอทำอะไรหน่ะ? รีบเริ่มเถอะ” ธูปดอกนั้นไหม้ไป 1 ส่วน 3 ของดอกแล้ว เห็นว่าโล่หวินหลานยังไม่ลงมือ ชิงโม่ไป๋จึงพูดเร่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก