ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 203

ตอนที่ 203 ชนะการประลอง

โล่หวินหลานพยักหน้า แล้วส่งสายตาวางใจให้ชิวโม่ไป๋ แล้วรีบขยับเครื่องมือในมือลงมือทำการผ่าตัด

การดึงธนูออกมานั้นเป็นขั้นตอนสำคัญมาก โล่หวินหลานลูบไปที่ตัวหมาป่าเบาๆ ขนนิ่มๆของมันรู้สึกสัมผัสมืออย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเธอกระซิบอะไรข้างหูหมาป่าไป แต่ทันใดนั้น เธอก็รีบดึงธนูออกมาจากตัวของมัน

แล้วเลือดก็พุ่งออกมาอย่างมากมาย ตัวของหมาป่าสั่นเทา แล้วครางออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันก็กลับมานอนหมอบบนพรม แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ไม่อยากจะหลับไป แต่ก็ต้องหลับไปอย่างอดไม่ได้

“หมาป่าทนความเจ็บไม่ไหว เธอทำอย่างนี้ มันจะฝืน” หมิงซีเตือนขึ้นมา

“ยังไม่เคยมีสัตว์ตัวไหนตายในมือของฉัน นายวางใจได้” โล่หวินหลานตอบอย่างไม่มองกลับไป

ยังดีที่หมาป่าตัวนั้นไม่ได้ขยับตัวมาก สงบลงที่มือของเธอ

ต่อมาก็เป็นการล้างแผล ถึงแม้ว่าบาดแผลนั้นจะไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าเทียบจากขนาดตัวที่ต่างกันของหมาป่าแล้ว ก็ถือว่าใหญ่

โล่หวินหลานใช้น้ำล้างแผล แล้วดึงผ้าฝ้ายออกมาจากท้องของมัน ยิ่งดึงรอยเลือดยิ่งจาง จนมาถึงสุดท้ายที่เลือดจางจนหมดนั้น เธอจึงหยุดมือลง

ต่อมาเป็นขั้นตอนการเย็บแผล หมิงซีที่จัดการแผลเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว ก็นั่งดูทุกขั้นตอนของโล่หวินหลานอย่างนิ่งๆ วิธีที่เธอใช้นั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดูเอทำทุกขั้นตอนด้วยความสนใจ และดูหมาป่าในเธอว่ายังมีชีวิตอยู่รึเปล่า

เข็มสอยผ่านท้องหมาป่าตามรอยแผลที่ถุกธนูยิงนั้นทีละเข็มๆ ยังดีที่แผลไม่ใหญ่มาก หมาป่าพยายามอดทนอย่างมากแล้ว แต่ก็ไม่มีแม้แต่แรงขยับ โล่หวินหลานเย็บแผลเสร็จอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นหนังของหมาป่าที่โกนขนแล้วออกมา

เสี่ยวฮัว นี่มันวิธีการแพทย์อะไรของเจ้า? ทำไมถึงใช้เข็มกับด้ายเย็บ? หมาป่าไม่ใช่เสื้อผ้านะ?” โม่ชิวไป๋เห็นวิธีของเธอ แล้วจึงถามขึ้นด้วยความตกใจ

“นี่เป็นวีธีที่ฉันเจอในตำราแพทย์โบราณ เคยลองอยู่หลายครั้ง ได้ผลค่อนข้างดี ดังนั้นเวลาเจอแผลแบบนี้ ก็จะลองใช้วิธีนี้” โล่หวินหลานไม่รู้จะพูดอย่างไรว่าเธอกำลังผ่าตัด จึงได้แต่อ้าง “ตำราแพทย์โบราณ” สามคำนี้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ชิวโม่ไป๋รู้สึกสนใจ ว่าตำราเล่มไหนนะที่จะเทียบกับตำราของเขาได้?

มันเป็นความรู้สึกที่น่าชื่นชม ถ้าหากได้เจอผู้ที่เขียนหนังสือโบราณเล่มนั้นจริงๆ จะต้องดื่มกับเขาสักครั้ง แล้วนั่งคุยกันเรื่องแพทยศาสตร์

“ตำราแพทย์โบราณเล่มนั้นอยู่ไหนกัน? ขอยืมมาอ่านหน่อยได้ไหม?” โม่ชิวไป๋ถามขึ้น

โล่หวินหลานส่ายหัว “เดิมทีฉันเจอมันด้วยความบังเอิญ แล้วบอกกับที่เกิดเรื่องมากมาย แม้กระทั่งตัวฉันเองก็ยังไม่เจอมันอีกเลย”

ชิวโม่ไป๋ถอนหายใจอย่างรู้สึกเสียดาย “ของล้ำค่าเช่นนี้ ถูกลืมเอาไว้ในห้วงกาลเวลาคงจะเป็นภัย เกรงว่าเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ มีแต่ต้องทำลายมันเสียสิ้น ความรู้ในนั้นอยู่ในสมอง จึงจะไม่ลืม”

“เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ฉันจำเนื้อหาของมันทั้งหมดได้ขึ้นใจแล้ว เวลาต้องการใช้ ก็ใช้ได้เสมอ” โล่หวินหลานยิ้มแล้วตอบกลับ

หมิงซีได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน ยืนอยู่ข้างทั้งสองนิ่งไม่ได้พูดอะไร พลางมองดูหมาป่าที่ใกล้จะเป็นลมในมือตนเอง กับหมาป่าที่นอนอยู่บนพรมของโล่หวินหลาน อยู่ในสภาพเดียวกัน เปอร์เซ็นต์การมีชีวิต แทบไม่ต่างกัน

“หมิงซี วิธีที่เจ้าใช้ข้ารู้จักมันหมด เพียงแค่วิธีของเจ้าทั้งสองช้าเร็วต่างกัน แต่ที่เห็นก็จะเป็นผลลัพธ์” ชิวโม่ไป๋เข้าลูกศิษย์ของตัวเองเป็นอย่างดี แล้วกลับมาพูดกับโล่หวินหลาน “เสี่ยวฮัว วิธีการรักษาของเจ้านี้ ต้องใช้เวลานานขนาดไหนจึงจะหายดี?”

โล่หวินหลานชูขึ้นมาสามนิ้ว “สามวันตัดไหม อาจจะเหลือแผลเป็น แต่เมื่อรักษาให้หายสนิท ก็จะกลับไปเป็นดั่งเดิม”

ความจริงแผลเล็กแบบนี้ถ้าหากด้านในผสานแล้ว และก็จะหายเร็วมาก ส่วนไหมที่เย็บไว้ด้านนอกก็แค่เลือกหาเวลาเอาออกเท่านั้น แถมยังไม่ต้องมานั่งผสมยาใส่แผล นี่เป็นข้อดีของการแพทย์แบบตะวันตก แต่ความเสี่ยงก็ค่อนข้างสูง

“โอเค งั้นพวกเรารอสามวันหลังจากตัดไหมให้หมาป่าแล้วก็จะได้รู้ผล หมิงซี ครั้งนี้นับว่าเจ้าเจอมวยถูกคู่ พูดไม่ออกเลยล่ะสิ?” ชิวโม่ไป๋กล่าวเยาะเย้ยหมิงซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาเข้าใจศิษย์คนนี้เป็นที่สุด

“หลังจากสามวันผลออกมาแล้วค่อยว่ากัน” หมิงซีมองมาทางโล่หวินหลานนิ่งๆ ใบหน้าเผยอารมณ์ที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรออกมา

โม่ชิวไป๋ตบไหล่ของหมิงซี พลางกล่าวขึ้น “การแพทย์ไม่ดีเท่าเสี่ยวฮัวก็ไม่เป็นไร ยังไงซะเธอก็เป็นหลานสาวของข้า ฝีมือก็ไม่ต่างจากข้า แพ้ต่ออาจารย์มันไม่เป็นไรหรอกน่า”

มองดูการรักษาของทั้งสองแล้ว อันหนึ่งคือวัณโรค อีกอันคือโรคหอบ วิธีการรักษาไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ แต่โล่หวินหลานเขียนได้ละเอียดกว่า กล้าที่จะใช้ยามากกว่า

“ดีมาก” โม่ชิวไป๋อ่านวิธีการใช้ยาของโล่หวินหลาน แล้วชมออกมาไม่หยุดปาก แล้วยื่นกระดาษใบนั้นให้หมิงซี

“ดูนี่ แพ้ให้เสี่ยวฮัว เจ้าแพ้ได้อย่างราบคาบ” ชิวโม่ไป๋พูดชมไม่หยุด ไม่แปลกเลยที่เป็นหลานสาวของโม่ชิวไป๋

ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก แต่หมิงซีก็อดไม่ได้ที่จะอ่านมัน ต้องเป็นการรักษาประเภทไหนที่ทำให้โม่ชิวไป๋ชมได้ไม่หยุดปาก

เมื่อมองไปบนกระดาษที่โล่หวินหลานเขียน ก็พบว่าสิ่งที่เธอเขียนนั้นสมบูรณ์แบบไม่เหมือนใคร ในเรื่องของการใช้ยาก็แตกต่างจากตนเอง บางเรื่องเป็นสิ่งที่ไม่แม้แต่จะคิดถึง

เย่เฟิงคุ้นเคยกับท่าทางเช่นนี้ของโม่ฉีหมิงไปแล้ว สำหรับเรื่องพระชายาที่เสียไปนั้นได้ข่าวน้อยมาก แต่ก็ไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไรดี ไม่พูดถึงเสียดีกว่า

“คนพรรคหนึ่งในเมืองอูถูกจับไปแล้ว นายของพวกนั้นเป็นผู้หญิง ให้ตายก็ไม่ยอม จะเข้าพบท่านชายให้ได้ ข้าได้พาเธอไปอยู่ในห้องลับแล้ว ท่านชายจะไปดูเสียหน่อยไหมขอรับ?” เสียงแหบๆของเย่เฟิงในตอนกลางคืนเช่นนี้อย่างไม่น่าฟัง ถ้าหากไม่มีใครเห็นตัวเขา ก็คงจะตกใจในเสียงของเขาแน่นอน

โม่ฉีหมิงกุมหยกเย็นๆนั้นไว้ในมือแน่น กระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ในกลางคืนแบบนี้ช่างดุน่ากลัว หลายปีมานี้ หญิงสาวที่ติดเขา ตามเขาเยอะจนนับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยสนใจใครเลย ตอนนี้ หญิงสาวที่เข้าหายิ่งเยอะมากขึ้นจนทำให้เขารู้สึกรำคาญ

“ในเมื่อเธออยากตายมาก ก็ทำให้สมแก่ใจเธอหน่อย” โม่ฉีหมิงน่ากลัวราวกับปีศาจในนรก ความมืดนั้นราวกับอยู่ในนรกขุมที่18 ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้รอยยิ้มเขา

ที่เรือนของหมิงอ๋องได้สร้างห้องใต้ดินเอาไว้ เอาไว้ขังคนที่ไม่เชื่อฟัง คนที่มีอำนาจบาตรใหญ่ ด้านในนั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทรมานมากมาย ถ้าหากโม่ฉีหมิงวันไหนอารมณ์ไม่ดี ก็จะลงมานั่งห้องใต้ดิน มองดูคนที่ถูกทรมานต่อหน้า เขาก็จะรู้สึกว่าชีวิตคนเรานั้นเท่าเทียมกัน

ทำไมเขาต้องเจ็บปวดทั้งวันทั้งคืน? ทำไมคนอื่นถึงได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักไปทั้งชีวิต? แล้วทำไมคนที่เขารักมากๆต้องจากไป?

ห้องใต้ดินนี้อยู่มุมริมสุดในเรือน เรือนของหมิงอ๋องขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยที่ฮ่องเต้เจียเฉิงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ และโม่ฉีหมิงทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้ให้ที่ดินในเรือนเขามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยน

เพราะว่า เขากลัวว่าโล่หวินหลานกลับมาแล้วจำทางไม่ได้

เพียงแต่ สร้างเพิ่มแค่ไม่กี่เรือนในที่เดิม ทั้งเรือนนั้นก็ดูกว้างขึ้นเท่าตัว

เข้าไปในห้องที่มืดมิด มีคบเพลิงติดอยู่เป็นระยะ ทำให้ดูสว่างขึ้น

“ท่านชาย คือที่นี่แหละครับ” เย่เฟิงชี้ไปทางผู้หญิงที่เนื้อตัวมอมแมมพลางพูดขึ้น

“เปิดประตู” เสียงของโม่ฉีหมิงเข้มเหมือนกับห้องใต้ดินที่มืดๆนั้น เสียงมีความแหบซ่านเบาๆ

เย่เฟิงพูดกับยามที่อยู่ด้านข้าง เขารีบเปิดประตูขึ้น ในห้องมืดสนิทไม่มีไฟ ด้านหลังโม่ฉีหมิงมีทหารรับใช้ถือตะเกียงตามมาสองคน ทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้น

“ได้ยินมาว่า เธออยากเจอฉันเหรอ” น้ำเสียงของโม่ฉีหมิงเย็นชาไร้อารมณ์

หญิงสาวคนนั้นล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล บนพื้นเต็มไปด้วยรอยเลือด เมื่อเธอได้ยินเสียงก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ผมดำมันที่ทั้งสกปรกและยุ่งเหยิงนั้นปรกมาที่หน้าเธอ ทำให้ดูยุ่งเหยิงไปหมด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก