ตอนที่ 205 เนื้อกวางย่าง
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ในหัวของโล่หวินหลานมีภาพของชิวโม่ไป๋ในตอนหนุ่มลอยขึ้นมา ไม่ได้โหดร้าย และเย็นชาขนาดนี้ จนกระทั่งแยกออกจากลูกสาว และเขาไม่ยอมปล่อยเธอไป จึงทำให้ทั้งสองตัดขาดจากกัน
“ท่านตาเขา ลำบากมาก แม่ของข้าคงจะสุดจะทน ที่เธอดื้อรั้นมาก ตอนนั้นคงจะทะเลาะกับเขานาน จนสุดท้ายทั้งไม่มีใครยอมใคร” โล่หวินหลานนึกภาพเป็นฉากๆขึ้นมาในหัว
“ใช่แล้ว จะเตือนยังไงก็ไม่ได้ผล จนสุดท้ายทนไม่ได้” หมิงซีนึกถึงเรื่องราวตอนนั้น แล้วก็ถอนหายใจออกมา “ถ้าหากตอนนั้นท่านอาจารย์เตือนเธอไว้ได้ เรื่องราวคงไม่กลายเป็นเช่นนี้”
“ถ้าหากตอนนั้นทั้งสองยอมถอยกันออกมาคนละก้าว เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้” โล่หวินหลานมองไปที่ทิวเขาสีขาวๆที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สีแดงอ่อนของพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า ลงไปที่ชายเขา จนแสงหายลับขอบฟ้าไป
“นี่ หมิงซี นายทำไรบนนั้น? ยังไม่รีบลงไปทำกับข้าวอีก? จะปล่อยให้ข้าหิวตายหรือไง?” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากข้างล่าง
ตามด้วยเสียง “ปั้ง” เสียงของตกลงบนพื้น ทั้งสองคนเดินลงบันไดไป ด้านนอกมีกวางลาย นอนนิ่งเลือดท่วมอยู่บนพื้น ไร้ซึ่งลมหายใจ
ชิวโม่ไป๋เข้าไปล้างมือ แล้วเดินออกมาอย่างอารมณ์ดี “วันนี้โชคดี เจอนายพรานที่มาจากข้างนอกตอนไปเก็บสมุนไพร เขาเลยเอากวางลายให้ข้า คืนนี้ย่างกินกัน” พูดพลางลูบไปบนตัวของกวางลาย หนังนั้นยังสดอยู่เลย
“ข้าจะไปตักน้ำอุ่น มาล้างเนื้อกวางให้สะอาด” ดูเหมือนหมิงซีจะไม่ชอบกินเนื้อสักเท่าไหร่ แล้วค่อยๆเดินเข้าห้องครัวไปตักน้ำร้อน
อีกด้านหนึ่งชิวโม่ไป๋นั้นลับมีดรอแล้ว เสียงมีเสียดกระทบกับหินลับนั้นแสบแก้วหูมาก ไม่นานนัก หลังจากลับมีดเสร็จ เริ่มลงมือจากส่วนที่ดีที่สุดในตัวก่อน แล้วเริ่มลงมีดไป
เลือดไหลออกมา เลอะไปทั้งเนื้อกวางนั้น
เสี่ยวฮัว ชำแหละกวางนั้นเลือดเยอะมาก เธออย่าดูเลยเสียจะดีกว่า เจ้าไปช่วยหมิงซีเหอะ” ชิวโม่ไป๋เงยหน้าขึ้นมาดูโล่หวินหลานที่ยืนอยู่ด้านข้าง พลางพูดเตือน
“ไม่เป็นไร ไม่เยอะหรอก” โล่หวินหลานตอบเบาๆ
เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับโม่ฉีหมิง เขาไม่ยอมให้เธอดูของที่โชกเลือดเช่นนี้ กลัวว่าเธอจะรู้สึกกลัว แต่ว่าตัวเธอเป็นหมอ เห็นเลือดและแผลจนชินแล้ว แผลพวกนี้ ไม่สามารถทำให้เธอกลัวได้
เสี่ยวฮัว ช่วงเวลาที่เธออยู่กลางเขาแบบนี้คงจะลำบากสินะ แต่ว่าตาไม่ชอบโลกภายนอก มันช่างวุ่นวาย ใจคนก็ยากที่จะคาดเดา” ชิวโม่ไป๋ค่อยๆกล่าว
โล่หวินหลานค้อมหัวตอบรับ
เนื้อกวางในมือเขาจัดการเกือบจะเรียบร้อยแล้ว พอดีที่หมิงซีเดินถือน้ำร้อนออกมา น้ำในถังเดือดปุดๆ ชิวโม่ไป๋เอาเนื้อลงไปล้างในน้ำร้อนนั้นให้สะอาด แล้วยกมันขึ้นมาอีกครั้ง แล้วใช้คมโค้งๆ ปาดเอาส่วนหนังออก หนังของกวางนั้นก็เป็นของที่ล้ำค่าเช่นกัน
“ท่านอาจารย์ หนังกวางใช้ทำอะไรเหรอ?” หมิงซีที่ยืนพิงอยู่ตรงเสาไม้นั้นมองมาที่เขา
ชิวโม่ไป๋คิดอยู่สักวพัก “ตุ๋นต้มนึ่งทำได้เหมือนกันหมด ที่เหลือก็โยนเก็บไว้ในหลุม ไม่น่าเสีย”
เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่ ชิวโม่ไป๋จะให้เขาใช้วิธีการเผาต่างๆ ถ้าเป็นสัตว์เล็ก ก็จะให้ผัดหรือต้ม ไม่กี่ปีมานี้ การรับรสของชิวโม่ไป๋นับวันยิ่งแปลกลง มักทำอาหารแปลกๆที่หมิงซีไม่เคยทำ
เนื้อกวางไม่เพียงแต่เอามานิ่งผัดต้มตุ๋น แต่ที่ทำง่ายและอร่อยที่สุดคือ ย่าง
“เดี๋ยวก่อน ข้ามีวิธีพิเศษ พวกเรามาลองกันดีกว่า” โล่หวินหลานเรียกชิวโม่ไป๋ อยากจะถาม “ที่นี่มีแผงเหล็กไหม? ที่เป็นตะแกง แล้วก็ขี้เถ้า”
เป็นวิธีทำแบบไหนกันนะถึงต้องใช้ของสองอย่างนี้? หมิงซีสงสัย นึกถึงของที่มีอยู่ในห้องครัว มีสองสิ่งนี้ แล้วเขาก็พยักหน้า
“ไปเอาพวกนั้นออกมาล้างให้สะอาด แล้ววางถังเหล็กที่เตี้ยกว่าหน่อยไว้ด้านล่างตะแกรงเหล็ก แล้วใสขี้เถ้าลงไป” โล่หวินหลานอธิบาย แล้ววิ่งเข้าไปในห้องครัว
นานแล้วที่ไม่ได้กินเนื้อย่าง ยังดีที่ในป่านี้ยังพอมีเนื้อให้กิน เธอวิ่งเข้าไปดูในห้องครัวว่ามีเครื่องเคียงอะไรบ้าง
ชิวโม่ไป๋และหมิงซีที่อยู่ข้างนอกไม่รู้ว่าโล่หวินหลานกำลังคิดจะทำอะไร ทั้งสองคนมองตากันอย่างแปลกๆ
“ยังไม่รีบไปอีก” ชิวโม่ไป๋เร่ง
ของในห้องครัวเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เปิดตู้ที่อยู่ด้านบน ในนั้นมีเครื่องปรุงหลากชนิด และที่เจอบ่อยๆคือ เกลือ ผงปรุงรส พริกป่น ซีอิ๊ว ในนั้นจัดจากซ้ายไปขวาอย่างเป็นระเบียบ โล่หวินหลานเปิดตู้ชั้นที่สองออก ด้านล่างจะเป็นเครื่องปรุงที่ค่อนข้างพิเศษ ถึงแม้ว่าจะไม่ครบเหมือนยุคปัจจุบัน แต่ก็สามารถทำเนื้อย่างออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบได้
เขาเคยเห็นพวกเครื่องปรุงที่อยู่ในห้องครัวเรือนหมิงอ๋อง มีหลากหลายชนิดเรียงราย นับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าที่นี่จะเทียบกับที่นั่นไม่ได้ แต่ชิวโม่ไป๋ชอบการทำอาหารอยู่แล้ว จึงขาดของพวกนี้ไม่ได้
แต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ทำสีหน้าเรียบเฉย ต่างกับชิวโม่ไป๋ราวกับฟ้ากับเหว
“ไม่ได้” หมิงซีเริ่มลงมือปิ้งย่างต่อ มองดูชิวโม่ไป๋ที่กินเนื้อย่างกับเหล้าอย่างดูเอร็ดอร่อย
ฉวยจังหวะที่ชิวโม่ไป๋ยังกินอยู่นั้น หมิงซีก็พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ วันหลังข้าจะลงเขาไปเสียหน่อย ไปตามข่าวในวังและข่าวคราวของหมิงอ๋อง ดูว่าช่วงนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า”
ชิวโม่ไป๋ที่นั่งเพลิดเพลินกับอาหารอยู่นั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็นั่งยืดตัวขึ้น มองไปรอบๆดูหมาป่าที่ทั้งสองรักษากัน ที่จริงแล้วโล่หวินหลานต้องเป็นผู้ชนะ มิเช่นนั้นเขาคงไม่เลือกที่จะลงเขาไป
“ได้ ช่วงนี้ได้ข่าวมาว่า แคว้นเรากับแคว้นเซิ่งโจวสถานการณ์ไม่ค่อยดี แกลงไปสืบเรื่องสงครามเสียหน่อย แล้วก็จัดการเรื่องให้เสี่ยวฮัวด้วย” ชิวโม่ไป๋สั่ง
“ศิษย์รับทราบ” หมิงซีพยักหน้า แล้วมองทอดไปยังโล่หวินหลานอย่างไม่รู้ตัว เธอเอาแต่จ้องเนื้อที่อยู่ในจาน แล้วใช้ไม้จิ้มฟันเสียบขึ้นมาเป็นไม้ๆ
ทุกการกระทำของเธอดูพิถีพิถัน แต่หมิงซีพบว่านิ้วของเธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ โม่ฉีหมิงคนนั้นคงจะสำคัญกับเธอมากสินะ?
แววตาของหมิงซีหลุบต่ำลง แล้วก้มลงดูตะแกรงตรงหน้าตัวเอง ด้านบนมีควันร้อนๆลอยขึ้นมาเผาเนื้อกวาง แต่ที่จริงใจของเขาลอยไปถึงไหนแล้ว
“หมิงซี รีบย่างเร็ว ท่านอาจารย์ของนายหิวจนจะตายแล้ว” ชิวโม่ไป๋บ่นเพื่อกลบเกลื่อนจิตใจที่ว้าวุ่น เขาไม่รู้ว่าควรรั้งให้โล่หวินหลานอยู่ต่อไปไหม
“ท่านอาจารย์ รอสักครู่ ข้าไม่ได้ใช้วิชาวิทยายุทธอะไร มันต้องใช้เวลา” หมิงซีค่อยๆถอนหายใจ และไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาทั้งหวังว่าเธอจะมีความสุข แต่จะจับปลาสองมือก็คงไม่ได้ เขาได้แต่ภาวนาในใจ ให้ทุกคนปลอดภัย
หมิงซีที่ได้สติคืนจากเสียงของเขา ก็กะพริบตา แล้วลืมเรื่องที่เมื่อกี้คิดอยู่ในหัวไปเสียหมด แล้วตั้งใจดูเนื้อย่างที่อยู่ตรงหน้า
โล่หวินหลานที่อยู่อีกฝั่งเม้มปากแน่น สายตามองทอดไปยังหมิงซีที่กำลังตั้งใจย่างเนื้ออยู่
ที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา โม่ฉีหมิงและเธอใกล้กันขนาดนั้น ไม่มีทางที่เธอจะปฏิเสธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก