ตอนที่ 215 พายุฝนโหมกระหน่ำ
เพราะเวลากินข้าวขี้เหร่มาก ก็เลยแกะมาให้? โล่หวินหลานขมวดคิ้วมองตุ๊กตาไม้ในมือ ตะกละอะไรกัน?
โล่หวินหลานส่ายหน้า แล้วเดินตามเขาไป แต่ในมือถือตุ๊กตาไม้ไว้เหมือนมันเป็นถ่าน จะทิ้งก็ไม่ได้ จะถือเอาไว้ก็ไม่ดี
“เจ้าเหนื่อยหรือเปล่า? จะพักก่อนไหม?” เดินมาพักหนึ่ง หมิงซีก็หันไปถาม
ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินกันมานานแค่ไหนแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมีเมฆหนา เดินทางมาก็ระยะใหญ่แล้ว หมิงซีพูดขึ้นมา ก็ทำให้โล่หวินหลานรู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“พักตรงนี้สักเดี๋ยวก็ได้ ทำไมวันนี้เราถึงได้เดินทางกันช้าแบบนี้นะ? หมิงซี เจ้าบอกว่าใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็ลงจากเขาได้แล้วไม่ใช่หรอ?” โล่หวินหลานมองไปที่ทาง ไม่รู้ว่าปลายทางมันอยู่ที่ไหน
เมื่อพูดจบ มือข้างหนึ่งของเขากำลังจัดห่อผ้า เขาก้มหน้าลงต่ำมา เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามของนาง จากนั้นก็ยื่นอาหารให้กับนาง
“กินซะ อีกเดี๋ยวก็ลงเขาแล้ว” หมิงซียื่นให้นางแล้ว ตัวเองก็หยิบมากินด้วย
คำตอบที่ไม่ชัดเจนของหมิงซี โล่หวินหลานไม่ได้คิดอะไรมาก นางกินอาหารของนางไป เดินทางกันมานาน ตอนนี้ได้นั่งพัก รู้สึกหิวมากจริงๆ
“เราออกจากหุบเขาแล้วหรอ?” โล่หวินหลานเดินลงมาตลอดทางไม่ให้ป้ายบอกทางไปหุบเขาเลย คิดว่าหิมะคงกลบมันไปหมดแล้ว หรือไม่ก็ไม่มี
หมิงซีพยักหน้า แล้วกินขนมเปี๊ยะเข้าปากไปทั้งชิ้น “ที่นี่คือหุบเขาชั้นนอก หุบเขาของเราแบ่งเป็นชั้นใน ชั้นกลางแล้วก็ชั้นนอก เราอยู่กันที่ชั้นใน เดินมาครึ่งวันมาถึงชั้นนอกแล้วถือว่าไม่เลวแล้ว”
คำพูดนี้ของเขามันทำเกือบหลุดสิ่งที่เขาคิดในใจออกมา ยังดีที่โล่หวินหลานมาที่นี่ได้ไม่นาน ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางแถวนี้ ไม่งั้นนางจะต้องจับได้แน่
“เราเดินทางมากันครึ่งทางแล้วหรอ?” โล่หวินหลานถามอีก
เขายื่นถุงน้ำให้นาง นางเหมือนจะมีอาการติดคอ เลยรับน้ำมาแบบไม่ลังเล หลังจากดื่มน้ำไป ก็เก็บเข้าห่อผ้า
“ครึ่งทางแล้ว ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเราจะเดินทางไปถึงเมืองหลวงได้” ท่าทางของหมิงซีไหวหวั่น ความรู้สึกลึกๆของเขาบอกกับเขาว่า จะให้ไปถึงเมืองหลวงก่อนอาทิตย์ตกดินไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเรารีบออกเดินทางกันเถอะ” โล่หวินหลานปัดหิมะบนเสื้อ แล้วรีบเดินไป
สายตาของหมิงซีดูเศร้ามองเขามองไปที่นางที่กำลังตื่นเต้น แต่ก็ยังเดินตามนางไป
ทุกก้าวเดินที่เหยีบบไปบนหิมะ ในใจของโล่หวินหลานก็เต้นตุบตับตลอดเวลา ในหัวของนางมีแต่ภาพของโม่ฉีหมิง ภาพที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันฉายซ้ำในหัวของนางตลอดเวลา
โม่ฉีหมิงเคยพานางไปดูหิมะบนหลังคาจวนหมิงอ๋อง มองภาพเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
พวกเขาเคยโกรธกัน นางทำลายข้าวของแล้วออกจากจวน แต่เพราะความเจ็บปวดที่เขามี ทำให้นางเลือกที่จะอยู่กับเขาต่อไป
ตอนที่ยากลำบากที่สุด เพื่อรักษาชีวิตของทั้งคู่เอาไว้ เปลี่ยนความเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดให้เป็นไปได้ ร่างกายและจิตใจของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน ตอนนี้ นางยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ อีกไม่นานนางก็จะได้เจอเขาแล้ว
“แย่แล้ว ฝนจะตกแล้ว” หมิงซีมองเมฆที่อยู่บนฟ้า แอบคิดในใจว่าแย่แล้ว
อากาศในหน้าหนาวแบบนี้จะยังไงก็ตามก็ควรจะเตรียมรับมือไว้ให้พร้อม ยิ่งอยู่บนเขาด้วยแล้ว หากเสื้อผ้าเปียก ไม่มีฟืนไฟ ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้
“เมื่อกี้อากาศยังดีดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆฝนจะตกแล้วล่ะ เราหาที่หลบฝนกันก่อนดีกว่า” โล่หวินหลานมองไปที่เมฆบนฟ้า คิดว่าฝนน่าจะมาหนักมากแน่
หมิงซีคิดก็ไม่คิดเขาพูดว่า “ข้ารู้จักถ้ำที่พอจะหลบฝนได้ ตามข้ามา”
พูดจบ เขาก็เดินนำทางเลี้ยวไปทางซ้ายแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ยังดีที่เขาคุ้นเคยกับทางดี รู้ว่าตรงไหนหลบฝนได้ เลยไม่น่าห่วงเท่าไหร่
โล่หวินหลานเดินตามหลังหมิงซีมา สีหน้าของเขาเย็นชามาก แต่ก็ยังคงมีความเป็นผู้หญิงอยู่ ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าที่ชวนให้หลงใหล ต่อให้ในวันที่ฟ้าฝนตกลงมา
ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ทั้งคู่ตัวเปียก
“เสี่ยวฮัว มาเดินด้านหน้าข้าเร็ว” หมิงซีหยุดเดินแล้วรอนาง ยื่นมือไปโอบนางให้เข้ามาในอ้อมกอดของเขา เขาใช้เสื้อนอกของเขาบังฝนให้นาง ส่วนตัวเองก็เปียกฝน
“หมิงซี เจ้ารีบเดินไปเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า เจ้าเปียกไปหมดแล้ว” โล่หวินหลานปฏิเสธการปกป้องจากเขา ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากโม่ฉีหมิงแล้ว นางไม่ชินที่จะให้ผู้ชายคนอื่นมาปกป้องนาง
“อย่าพูดมาก ถ้ำอยู่ข้างหน้า ใกล้ถึงแล้ว” หมิงซีตัวสั่น แต่ว่าเขาพยายามข่มไม่ให้ตัวเองหนาว เขามีกำลังภายในคุ้มตัวอยู่ ทำให้ไม่หนาวมาก
“หมิงซี เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” โล่หวินหลานเห็นเขามองมาที่หน้าของนาง ก็เอามือโบกตรงหน้าเขา
“ข้าไม่เป็นอะไร เสื้อคลุมเจ้าคลุมไว้เถอะ ร่างกายเจ้าอ่อนแอ ระวังจะไม่สบาย” หมิงซีกระโดดขึ้นมา สีหน้าของเขาดูปกติ สวมเสื้อแค่บางๆยังจะเดินไปเดินมาอีก
ซึ่งดูไม่เหมือนกับเมื่อกี้เลย เขาในตอนนี้ มีความร้อนแผ่ออกมา ซึ่งไม่เหมือนกับคนที่หนาวเลย
หรือว่ามันคือพลังเหนือธรรมชาติ?
“หมิงซี หรือว่าเจ้า หนาวจนเกินไปเลยเป็นแบบนี้? หรือว่าเจ้ามองเห็นอะไร?” โล่หวินหลานเดินเข้าไปใกล้เขาอย่าระวัง แล้วมองการเคลื่อนไหวของเขา
หมิงซีถอนหายใจ รู้ว่าเมื่อกี้เขาแกล้งมากเกินไป แสดงว่าการแสดงของเขาดีมาก แม้แต่โล่หวินหลานก็ดูไม่ออกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ตอนแรกแค่อยากจะแกล้งนาง อยากรู้ว่าถ้าเขาเป็นอะไรไป นางจะมีปฏิกิรยายังไงบ้าง
ตอนนี้ อย่างน้อยเขาก็รู้แล้ว ว่านางก็เป็นห่วงเขา
“ข้าไม่เป็นอะไร เมื่อกี้แค่ฝนมากะทันหัน ปรับตัวไม่ทัน ตอนนี้ข้าเดินกำลังภายใน ไม่เป็นไรแล้ว” หมิงซีใช้กำลังภายในมาเป็นเหตุผล เบี่ยงประเด็นของโล่หวินหลานไป
ที่แท้ โล่หวินหลานก็ไม่ได้คิดมาก เพราะนางไม่เคยคิดว่าหมิงซีจะหลอกนางมาก่อน
“รีบคลุมเสื้อซะ เจ้าไม่มีกำลังภายในคุ้มกาย เกิดไม่สบายขึ้นมาจะยุ่งยาก” หมิงซีเอาเสื้อคลุมคลุมคืนให้โล่หวินหลาน ให้นางรีบใส่
ฝนมาไวไปไว ไม่นานฝนก็หยุดตก บรรยากาศด้านนอกยังเหมือนเดิม นอกจากทางภูเขาที่แฉะเพิ่มขึ้นมา
“ฝนหยุดแล้ว เราเดินทางต่อกันเถอะ” โล่หวินหลานเดินไปที่ปากถ้ำ มองไปที่หยดน้ำที่ตกลงมาจากต้นไม้
ความอบอุ่นมันมาไวไปไว หมิงซีที่ซึบซับความอุ่นใจถูกคำพูดของโล่หวินหลานสะกิดตื่นจากภวังค์ เขาถึงได้รู้ว่ามันแค่ความฝัน
“หยุดแล้ว” หมิงซีพูดซ้ำ จากนั้นก็มีเสียงๆหนึ่งเหมือนมีอะไรหล่น ไม่รู้เป็นเสียงอะไร แต่มันน่าจะหนักมาก
“เสี่ยวฮัว เจ้ารออยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น” หมิงซีรั้งโล่หวินหลานเอาไว้ แล้วเดินไปที่ต้นเสียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก